“พิภพ” ซัด “เทือก” ทบทวนใช้ พ.ร.บ.มั่นคงขัด รธน.หรือไม่ ย้ำพันธมิตรฯ ไม่ต้องการสงคราม ยกโดนแก๊สน้ำตา M 79 ก็ยังไม่โต้ตอบ จี้ “มาร์ค” พิจารณาตัวเองผิดพลาดในการบริหารประเทศมากมาย พร้อมไล่ อ.เกษตรฯ ให้ร้ายพันธมิตรฯ กระหายสงครามไปทำความเข้าใจคำว่าสงครามก่อนกล่าวหาผู้อื่น
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายพิภพ ธงไชย”
วันที่ 7 ก.พ. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกล่าวโต้แย้ง กลุ่มที่อ้างตัวเป็นคนเสื้อแดง เขียนข้อความใน “คมชัดลึก” ว่าพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชุมนุมเพื่อต้องการให้เกิดสงคราม ส่วนการชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่ต้องการสงคราม ประเด็นนี้ต้องดูตามข้อเท็จจริงว่า การชุมนุมอย่างสงบ สันติ อย่างนี้จะถือว่าต้องการสงครามได้อย่างไร อีกอย่างครั้งการชุมนุม 193 วันพันธมิตรฯ ก็โดนถล่ม ทั้งแก๊สน้ำตา เอ็ม 79 ก็ไม่ได้ใช้ความรุนแรงโต้เลย และกรณีปะทะเขมร ตนก็อยากเรียนอาจารย์ ม.เกษตรศาสตร์ ที่อ้างตัวเองในนามเสื้อแดง ต้องทำความเข้าใจคว่า “สงคราม” เสียใหม่ เพราะสงครามมี 2 แบบ คือ สงครามเพื่อการรุกราน และสงครามรักษาอธิปไตยดินแดน ต้องทบทวน กัมพูชารุกรานไทยก่อน จะปล่อยให้ทหารไทยไม่โต้ตอบ ไม่ให้ทำสงคราม เราควรอยู่เฉยๆ ให้เขารุกรานเรื่อยๆ อย่างนี้หรือ
ทั้งนี้ พันธมิตรฯ ป้องไม่ให้ไทยเสียดินแดน ไม่สนับสนุนการรุกรานใดๆ ทั้งสิ้น ถึงไทยจะมีกองทัพที่ยิ่งใหญ่กว่าก็ตาม และกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ บอกว่าจะนำ พ.ร.บ.ความมั่นคงเข้า ครม.เพื่อประกาศใช้ควบคุมฝูงชนนั้น ตนก็อยากถามว่า พ.ร.บ.ความมั่น คงกับกฎหมายรัฐธรรมนูญ อย่างไหนมันใหญ่กว่ากัน อีกอย่างพันธมิตรฯ ก็ชุมนุมอย่างสันติ เป็นไปตามสิทธิแห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายสูงสุดที่ให้ชุมนุมได้ ทั้งนี้ จากการชุมนุมของพันธมิตรฯ ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นพิษภัยตรงไหน หลายคนที่ไม่เคยเข้าร่วมชุมนุม ก็เข้ามาร่วมเพราะเขารู้ได้ถึงข้อมูลความจริง
นายกฯ บอกปัญหาเขตแดนใช้เอ็มโอยู 43 เจรจาได้ วันนี้เหตุการณ์ปะทะกันของทหารชี้ชัด ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถใช้โต๊ะเจรจาตกลงเรื่องเขตแดนได้ ดังนั้น นายกฯ ทบทวนทิศทางการต่อสู้ในประเด็นพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบเขาวิหารเสียใหม่ และแต่ก่อนพื้นที่ตัวปราสาทและบริเวณโดยรอบเขาพระวิหาร ไม่เคยมีปัญหา แล้ววันนี้มันมีปัญหาได้อย่างไร พรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่ สมัยนายชวน เป็นนายกรัฐมนตรี วัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ ก่อตั้งก่อนมีเอ็มโอยู ทำไมถึงปล่อยให้เกิดวัดขึ้น มาถึงยุคนี้เกิดถนน ชุมชน ขึ้นอีกทำไมไม่สามารถผลักดัน ให้เขมรออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรได้
นายกฯ บอกว่า แผนที่ 1 ต่อ 200,000 จะใช้กับพื้นที่รอบเขาวิหาร 4.6 ตารางกิโลเมตรไม่ได้ ต้องใช้หลักแนวสันปันน้ำ แต่วันนี้เขมรรุกรานยิงปืนเข้ามาในฝังไทยโดยเขมรอ้างดินแดนของเขา ตามแผนที่ 1 ต่อ 2000,000 และรัฐบาลเขมรก็บอกชัดจะใช้ 1 ต่อ 200,000 อ้างอิงพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรเป็นของกัมพูชา ประเด็นนี้นายกฯต้องตอบคำถาม
นายพิภพกล่าวต่อว่า ประเทศไทยมีคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เราสามารถใช้กติกาสังคมสหประชาชาติโต้ตอบว่าเขมรละเมิดสิทธิมนุษย์ชนได้ ตรงนี้รัฐบาลได้ใช้แล้วหรือยัง จนประธานองค์กรณ์สิทธิมนุษยชน ออกมาพูดถึงกรณีจับ 7 คนไทย ว่า ไม่ได้รับการดูแลจากรัฐบาลไทยอย่างสมน้ำสมเนื้อ ส่วนเรื่องเขมรรุกรานเรา ตนก็บอกไปหลายครั้งแล้วว่ากัมพูชาต้องการพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร แต่นายอภิสิทธิ์ก็ไม่เชื่อ วันนี้กัมพูชาพูดชัดเจนไม่เอาธงลง หากเอาลงก็เหมือนทำลายจิตใจคนกัมพูชา เมื่อเขายืนยันอย่างนี้แล้วทำไม่ยังบอกให้แม่ทัพภาคที่ 2 ยึดหลักเจรจาอยู่ ทำไม่ไม่ทำเหมือนกรณีฝรั่งเศสทำกับไทยในอดีต ใช้อำนาจกำลังรบที่เหนือกว่ากดดัน เมื่อเรามีกองทัพใหญ่กว่าเขมรทำไมไม่บอกให้เขมรออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และยืนยันไม่มีพื้นที่ทับซ้อนแต่เป็นพื้นที่ของไทย
นายกฯ บอกว่าถ้าเสียแผ่นดินจะไม่ขออยู่ในประเทศไทย ตอนนี้เกิดปัญหาสู้รบชายแดนแล้ว หากรัฐบาลบริหารประเทศอย่างนี้ ไทยเสียพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรแน่ๆ หากไม่เสียก็ต้องใช้การสู้รบขนานใหญ่ นายอภิสิทธิ์บริหารงานผิดพลาด ทั้งปัญหาชายแดน ทุจริตคอร์รัปชัน กฎเหล็ก 9 ข้อ พรรคร่วมรัฐบาลทุจริตจนขณะนี้ 2 แสนล้านบาท นอกจากไม่แก้ปัญหาแล้วยังสร้างค่านิยมผิดๆ ที่ว่ารัฐโกงได้แต่ขอให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ดังนั้น นายอภิสิทธิ์อย่าเล่นสำนวนอีกต่อไปเลย ไม่เหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ เพราะผิดพลาดในการบริหารมากมาย
“ขอย้ำว่า พันธมิตรฯ ไม่ได้มีอคติกับคุณ ช่วงเปลี่ยนถ่ายอำนาจจากนายสมชายสู่พรรคประชาธิปัตย์ เราก็สนับสนุน โดยเห็นว่าคุณมีจุดแข็ง เรียนสูง ไม่ทุจริต แต่เมื่อมีพวกพ้องทุจริต จุดเด่นก็กลายเป็นจุดอ่อน คุณมีวาทะในการพูด แต่พูดกลับกลอกก็กลายเป็นจุดอ่อน เพราะตามมาตรฐานผู้นำในประเทศที่เจริญแล้ว ผู้นำพูดกลับกลอกไม่ได้”