xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” เมิน พธม.ยกระดับขับไล่ รบ. พร้อมถูกไล่ออกนอกปท.หากรับประโยชน์แขมร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
“มาร์ค” พร้อมถูกสั่งไล่ส่งออกนอกประเทศ หากได้ประโยชน์จาก “เขมร”พ่นน้ำลายรู้สึกเสียใจต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น ยันไม่คิดทำเสียอธิปไตยแน่นอน วอนสามัคคีกันให้กำลังกองทัพยันใช้สันติวิธีแก้ปัญหาไทย-เขมร แนะพันธมิตรฯ เปิดใจกว้างรับฟังข้อมูลรอบด้าน ไม่แปลกใจยกระดับการชุมชนขับไล่รัฐบาล


วันนี้ (6 ก.พ.)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์ ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะบริเวณปราสาทพระวิหาร ทั้งภูมะเขือ ผามออีแดง และพื้นที่ในจังหวัดศรีสะเกษ ตามที่ท่านผู้บัญชาการทหารบกก็ดี ทางโฆษกกองทัพบกก็ดีได้ลำดับเหตุการณ์แถลงข่าวให้กับพี่น้องประชาชนนั้น คิดว่าค่อนข้างสมบูรณ์ ประเด็นที่เกิดขึ้นก็คือว่า เมื่อมีการยิงโจมตีเข้ามาในบริเวณที่เป็นดินแดนของไทย ทางฝ่ายไทยนั้นก็มีความจำเป็นในการที่จะปกป้องอธิปไตย และมีการยิงตอบโต้ ซึ่งการยิงตอบโต้ของฝ่ายไทยนั้นเป็นการยิงตอบโต้ไปยังที่หมายที่เป็นการทหารทั้งสิ้น พูดง่าย ๆ ก็คือว่ายิงมาจากตรงไหนเราก็ตอบโต้ไปตรงนั้น ในส่วนของประเทศไทยนั้นเราไม่เคยคิดที่จะไปรุกรานใคร แต่เมื่อใดก็ตามมีการล่วงล้ำละเมิดอธิปไตยของเรานั้น เราก็ต้องปกป้องอย่างถึงที่สุด

“เราก็รู้สึกเสียใจกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของราษฎรไทย ในส่วนของทหารของไทย ขณะเดียวกันก็ขอยืนยันครับว่าการตอบโต้ของเรานั้นไม่เคยมีการตอบโต้ไปยังเป้าหมายที่เป็นเป้าหมายพลเรือนเลย แม้ว่าวันนี้จะมีรายงานข่าวความสูญเสียที่เกิดขึ้นในฝั่งกัมพูชา อย่างที่พี่น้องประชาชนอาจจะรับทราบจากหนังสือพิมพ์ แต่ก็ขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าประเทศไทยนั้นได้ดำเนินการตามหลักการของสากล และเคารพในกฎบัตรของสหประชาชาติ เรื่องนี้ทางกัมพูชาเองก็มีการออกแถลงการณ์นะครับ และเราก็ได้มีการออกแถลงการณ์เช่นเดียวกัน”นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ได้ให้ทางกระทรวงการต่างประเทศได้เชิญคณะทูตในประเทศที่มีบทบาทมีความสำคัญทั้งในสหประชาชาติ ทั้งในส่วนของคณะกรรมการมรดกโลก ซึ่งจะได้พูดในเรื่องนี้ต่อไป แล้วขณะเดียวกันก็จะได้มีการยืนยันข้อเท็จจริงทั้งหมดให้เห็นว่าประเทศไทยนั้นไม่ได้เป็นฝ่ายที่ไปรุกรานใครแต่ว่ารักษาสิทธิ์ของตนเองในการปกป้องอธิปไตยได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ ในระหว่างทหารของทั้งสองฝ่าย ที่จะทำให้ขณะนี้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ และยืนยันว่าการแก้ไขปัญหาในเรื่องของเขตแดน ชายแดนนั้น จะต้องดำเนินการด้วยสันติวิธี ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางซึ่งถูกต้อง และจะเป็นประโยชน์ทั้งกับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติในระยะยาว เป็นการแก้ปัญหาแบบยั่งยืนที่สุด

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยละเลยต่อการทำหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตย ก่อนหน้านี้มีบางฝ่ายไปพูดว่า รัฐบาลได้มีการไปดำเนินการถอนกำลังออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร เสมือนกับว่าจะปล่อยให้ทางกัมพูชาหรือใครก็ตามนี้รุกล้ำเข้ามาในดินแดนของไทย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและผลที่ออกมา ยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าไม่ได้เป็นอย่างนั้น และทางรัฐบาลกับกองทัพมีความเป็นเอกภาพ และรัฐบาลสนับสนุนกองทัพในการปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า ไม่มีกรณีใดหรอกที่รัฐบาลจะปล่อยให้เรื่องของการสูญเสียอธิปไตย สูญเสียดินแดน หรือการรุกล้ำนั้นเกิดขึ้นได้จริง และรัฐบาลได้รักษาสิทธิ์ของประเทศ และปกป้องอธิปไตยของเราตามแนวทางที่พึงจะกระทำ ในฐานะที่เป็นประเทศซึ่งอยู่ในประชาคมโลก และเคารพในเรื่องของกติกาของสากล

นายอภิสิทธิ์ กล่างอีกว่า ขณะนี้ก็มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วก็ได้มีการยกระดับโดยขณะนี้ก็บอกว่าเป้าหมายอยู่ที่การขับไล่รัฐบาลชุดปัจจุบันและการประกาศที่จะไม่พูดคุยเจรจากับตนนี้ก็ต้องนำมาสู่สถานการณ์ของการประกาศยกระดับการชุมนุมเช่นนี้ แต่สิ่งที่อยากจะย้ำก็คือว่า ขณะนี้ขอให้พี่น้องประชาชนรับฟังข้อมูลทุกด้าน เปิดใจกว้างกันจริง ๆ เหมือนกับที่รัฐบาลก็เปิดใจกว้างมาโดยตลอดในการรับฟังความคิดเห็นของกลุ่มพันธมิตร จะเห็นได้ว่าการดำเนินการของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของเขตแดน หรือคนของรัฐบาลที่เข้าไปเกี่ยวข้องนี้ พยายามที่จะรับฟังความห่วงใยของพันธมิตรมาโดยตลอด จะเป็นในการที่มีการตั้งคณะกรรมาธิการในเรื่องของการดูแลบันทึกการประชุมของการเจรจาของ JBC ที่มีการตั้งที่ปรึกษาภาคประชาชนเข้าไป ให้เกิดการมีส่วนร่วม แม้กระทั่งกรณีของ 7 คนไทยนาย พนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม. เข้าไปเพื่อที่จะไปดูปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับราษฎรในพื้นที่ ก็เป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่จะฟังข้อมูลมาโดยตลอด

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หยุดลงได้นี้ส่วนหนึ่งก็เพราะว่ามันยังมีกรอบของ MOU ที่จะทำให้ 2 ฝ่ายนี้มาพูดคุยกันบนโต๊ะ ถ้าไม่มี MOU นอกจากจะไม่หยุดตนอยากจะยืนยันเลยครับว่าตลอดแนวชายแดนนี้ครับ จะมีการปะทะกันอยู่ตลอดเวลา ไม่มากก็น้อย ถามว่าชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนคนไทย ตลอดแนวชายแดนนี้จะอยู่อย่างปกติสุขได้อย่างไร รัฐบาลไม่ได้มีผลประโยชน์อื่นใดเลย ตนจะไปมีประโยชน์อะไรจากการที่จะไปยกดินแดนให้กับต่างชาติตนต้องดูแลพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ต้องดูแลว่าแนวทางการแก้ปัญหาของประเทศไทยนี้เป็นแนวทางที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ไม่ให้เราไปเสียเปรียบต่อการต่อสู้

“ผมจึงอยากจะบอกครับว่า ขอให้พวกเราฟังข้อมูลให้ครบถ้วนทุกด้าน ขอให้พวกเราได้ตั้งสติว่าเราจะปกป้องอธิปไตยของเราอย่างไร ถ้าหากแม้นว่าผมมีผลประโยชน์แม้แต่นิดเดียว ในการที่จะไปแลกกับอธิปไตยของประเทศไทย ผมควรจะถูกไม่ใช่ไล่ออกจากรัฐบาลละครับ ออกจากประเทศไทยด้วยซ้ำ ผมเคยยืนยันอันนี้ ผมไม่ทำแน่นอน แล้วก็ยังไม่มีหลักฐานหรือข้อมูลอะไรเลยนะครับที่มีการนำเสนอแล้วมาบอกว่าผมไปทำเช่นนั้นอยู่ แต่สิ่งที่ผมทำทุกอย่างมีเหตุมีผลรองรับ กองทัพและหน่วยงานต่าง ๆ ขณะนี้ปฏิบัติตรงกัน และปกป้องอธิปไตยครับ ผมอยากจะเรียนครับว่าเวลานี้เป็นเวลาที่มียังมีความตึงเครียด มีความสุ่มเสี่ยง ทำไมละครับเราคนไทยด้วยกัน ไม่มาสนับสนุนกองทัพไทย ให้กำลังใจกองทัพไทยในการปฏิบัติหน้าที่ ผมคิดว่ากองทัพได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในช่วง 2 วันที่ผ่านมาครับ จริงอยู่ครับมีความสูญเสียที่เราล้วนแล้วแต่เสียใจครับ แต่ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ ข้อเท็จจริงก็ปรากฏออกมาชัดเจนว่า คนของเรา กองทัพของเรา ปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เรามีหน้าที่ในการให้กำลังใจ สนับสนุน รวมพลังกัน สามัคคีกันครับ เพื่อปกป้องดินแดนของไทย และอธิปไตยของไทย ไม่ควรจะใช้เวลานี้มาเล่นการเมืองหรือมาบั่นทอนกัน”นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การดูแลพี่น้องประชาชนในบริเวณที่ได้รับผลกระทบนั้นตนได้กำชับกระทรวงมหาดไทย ได้กำชับจังหวัด ให้เข้าไปดูแล และนายอิสระ สมชัย รมว.พัฒนาสังคมฯ ก็ได้เดินทางไปแล้ว นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็จะเดินทางไปอีกนะครับ เราหวังว่าจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ กลับมาสู่ภาวะปกติ และยืนยันครับ ไม่มีการเสียดินแดน ไม่มีการเสียอธิปไตย และคนของเราจะทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ที่สุด ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนคนไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น