“ประพันธ์” สับไม่ยั้ง “รัฐบาลมาร์ค” โกงกินปั่นราคาข้าว ประมูลลับเอื้อผลประโยชน์พวกพ้อง เผยประกันราคาพืชผล กินยิ่งกว่าประกันข้าว เปรียบ “มาร์ค” กับยุค “ควง” เถียงข้างๆ คูๆ เหมือนกัน สุดท้ายต้องลาออก จี้คนดีที่เหลือในพรรค ปชป.ไถ่บาปทวงคืนแผ่นดิน หลังทำเสียปราสาทเขาวิหารมาแล้ว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
วันที่ 4 ก.พ.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายประพันธ์ คูณมี โฆษกการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน กล่าวว่า การต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปตยวันนี้ผลของความจริงได้ปรากฎ เราสู้กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มา 11 วัน หน้าตาของนายกฯเปลี่ยนเป็นคนละคนแล้ว จากคนกลายเป็นผี พูดจาไม่รู้เรื่อง ที่เราออกมาทักท้วงเรื่องเขตแดน แต่รัฐบาลยังกอดเอ็มโอยู43ว่าไม่เสียดินแดน วันนี้ก็ได้พิสูจน์แล้วมีการปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ก็เพราะเรื่องที่ดินที่เราประท้วงนี่แหละ และป่านนี้นายอภิสิทธิ์ คงไปขุดรูอยู่กับนายศิริโชค โสภา แล้ว ตอนนี้สายข่าวยืนยันมาว่า นายอภิสิทธิ์ กับนายศิริโชค คนในรัฐบาลไม่มีใครคบแล้ว ผู้นำประเทศสั่งใครไม่ได้เลย คนแบบนี้ดูแลบ้านเมือง ดูแลพี่น้องประชาชน ปกป้องชาติไม่ได้ จนถึงขณะนี้แล้วยังไม่ละอาย ควรใสหัวออกไปตั้งนานแล้ว นกไร้ขน คนไร้เพื่อน เป็นใหญ่ไม่ได้ เดิมทีนายกฯ อาจเกลียดตนมากที่เอาความลับมาแฉทุกวัน แต่วันนี้ต้องเกลียดนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กับนายเทพมนตรี ลิมปพยอม มากกว่า เพราะ 2 เทพของเราเอามีดปาดคอมันทุกวัน
นายประพันธ์กล่าวว่า ทุกวันนี้คนเขารู้คนในรัฐบาลโกงกินจนข่าวฉาวโฉ่ทั่วบ้านทั่วเมืองแล้ว ยังมีน่ามาถามอภิสิทธิ์ สุเทพ โกงกินอย่างไร อย่างเรื่องข้าว เวลาเกษตรกรมีผลผลิตข้าวในปีออกมามากจะทำให้ข้าวราคาตก ขายข่้าวได้ในราคาถูก ดังนั้น รัฐบาลจึงได้จัด รับประกันข้าว คือ ซื้อข้าวจากชาวนาแพงกว่าที่ชาวนาจะนำไปขายในตลาด ตรงนี้นับเป็นเรื่องดีหากไม่มีการโกงกิน เพราะเป็นการช่วยเหลือชาวนา ตามปกตินั้นรัฐบาลจะต้องกักตุนข้าวไว้ และเอาไปขายช่วงราคาข้าวแพง จากข้อเท็จจริงปัจจุบัน ข้าวที่รัฐบาลจำนำมา มี 4 ล้านตัน วิธีทำมาหากินของนักการเมือง คือ ซื้อขายกันล่วงหน้า สมมุติขาย 15,000 ต่อตัน นัดส่งมอบกันอีก 3 เดือนข้างหน้า คนพวกนี้ก็จะไปปั่นราคาข้าว ด้วยการปล่อยข่าวว่ารัฐบาลจะเอาข้าว 4 ล้านตันออกขาย ทำให้ข้าวราคาจะตก จากนั้นก็ ไปกดราคาซื้อจากชาวบ้าน สมมุติซื้อตันละ 10,000 จากชาวนา ไปขาย 15,000 ก็กินเท่าไหร่แล้ว
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้พอข่าวดัง นายอภิสิทธิ์ทำทีออกมาบอกยังไม่ให้ขายข้าวในสต๊อก เรื่องซาคนเผลอปรากฎว่า กระทรวงพาณิชย์ ขายข้าวออกไป 3.6 ล้านตันไปเรียบร้อยแล้ว และการประมูลขาย ก็ใช้วิธีขายขายลับ โดยเรียกเฉพาะพ่อค้าที่รู้กันมาซื้อ กลายเป็นช่องทางให้พวกตัวเองเข้ามาหาผลประโยชน์ ที่สำคัญเขาบอกว่ามีการจ่ายให้นักการเมืองกระสอบละ 1-2 ร้อยบาทด้วย
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ที่บอกว่าขายไม่ได้ มาขายได้ตอนที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ที่สำคัญ บริษัทที่เคยมีข้อครหาในการซื้อขาย อย่าง เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด เป็นบริษัทที่ปรึกษาของรัฐมนตรี ได้โควต้าซื้อไปกับเขาด้วยเกือบล้านตัน และบริษัทนี้ไม่มีเงินวางประกันซื้อข้าว ก็ไปเอาทุนสนับสนุนการศึกษาที่จัดสันให้มหาวิทยาลัย เพราะที่ปรึกษาคนนี้เขาเป็นอธิการอยู่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ก็เลยเอาเงินนี้แหละไปประกัน ปรากฏว่า ปฎิบัติตามสัญาไม่ได้ภายในกำหนด ทำให้ถูกบอกเลิกสัญญา ทำให้สมาคมผู้ค้าข้าว ออกมาโวยว่า ซื้อขายลับไม่โปร่งใส เรื่องเลยแดงถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทำให้ ป.ป.ช.เรียกนายไตรรงค์ และนายอภิสิทธิ์ไปสอบถาม ต่อมานายไตรรงค์ ได้บอกว่าที่ขายไปเพราะได้รับความเห็นชอบจากนายอภิสิทธิ์
ทั้งนี้เมื่อ บริษัท เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด ที่ทำผิดเงื่อนไขและบอกเลิกสัญญญาไปแล้ว ยังปล่อยให้บริษัทนี้กลับมาประมูลได้สัญาซื้อใหม่อีกรอบ โดยไม่สอบสวนเอาความผิดเขา แล้วส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. กลายเป็น ป.ป.ช.ต้องตั้งเรื่องเข้ามาสอบเอง
อีกเรื่องเวลานี้รัฐบาล มาทำนโยบายประกันรายได้ พืชผลการเกษตร ซึ่งโกงทุจริตมากกว่า จำนำข้าวอีก กล่าวคือ ชาวไร่ชาวนาขายข้าวได้เท่าไรโดยขาดไปจากราคาที่รัฐบาลประกันอีกเท่าไร รัฐบาลก็จะจ่ายชดเชยให้ เป็นการเปิดช่องให้พ่อค้าก็สมคบกับช่าวไร่ชาวนา แทนที่จะบอกว่าขายได้ในราคา 1,3000 บาท เขาก็บอกว่าขายได้ในราคา 9,000 บาท ก็ไปเอาชดเชยอี 4 พันบาท นอกจากนี้ยังมีเรื่องโกงพื้นที่และปริมาณข้าว เรื่องนี้ต้องขยายผลอีกครั้งในวันหลัง
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ทหารที่อยู่รักษาดินแดนบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ทุกนายอึดอัดและเอือมระอากับนายอภิสิทธิ์ มากกับความหน่อมแน้มที่ทำให้เสื่อมเสียผลประโยชน์ของชาติ เสื่อมเสียเกียรติยศของทหารหาญ ทั้งที่ทางด้านทหารเขาก็ออกมาบอกแล้วว่าพร้อมรบ จะรบเมื่อไหร่ก็สั่งมา ที่บ้านเมืองมันล่มจมก็เพราะ ความกลัวของนายอภิสิทธิ์ อย่างเหตุการณ์เผาราชประสงค์ก็เพราะความกลัวนี่แหละ ทหารเขาอยากรื้อวัดอยากเอาธงเขมรออกเต็มทนแล้ว เพราะมันปักอยู่บนพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นของไทย
ทั้งนี้ จากการปะทะกันทำให้ทหารไทยถูกจับตัวไป ตนอยากถามนายอภิสิทธิ์จะแถลงหรือไม่ว่าทหารไทยรุกล้ำพื้นที่กัมพูชา ทุกสิ่งที่เราพูดเรื่องเขตแดนเป็นความจริงทั้งนั้น แนวทางของพี่น้องประชาชน เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ ทำหน้าที่แต่เขาก็ไม่ทำ เอาแต่เล่นลิ้นเถียงไปเรื่อย น่าละอายจริงๆ ไม่รู้จะมาเถียงเอาอะไรกับคนไทย น่าจะไปเถียงกับฮุนเซนมากกว่า
อย่างไรก็ดี ที่นายอภิสิทธิ์บอกว่าตนพูดไม่มีความจริง ไม่เป็นสาระ ก็ต้องขอขอบคุณที่พูดอย่างนั้น เพราะหากพูดมีสาระแบบคุณ ก็คงกลายเป็นพวกเดียวกับคุณ ทำอย่างนี้พี่น้องประชาชนด่าเละ
นายประพันธ์กล่าวว่า พี่น้องประชาชนที่ยังหลงชื่นชมนายอภิสิทธิ์ วันนี้จะได้รู้ความจริงเพิ่มไปอีก จากที่เมื่อวานตนพูดไปแล้วเรื่องน้ำมันปาล์ม ซึ่งก็ได้พิสูจน์แล้วว่ามันเป็นดังที่ตนพูดทุกประการ พรรคประชาธิปัตย์กลายพันธุ์เป็นพรรคอสูรกายไปแล้ว คนพวกนี้น่ากลัวมากต่างกับยุคทักษิณ ที่เรารู้ตัวได้เร็ว ยุคนี้คนพวกนี้สวมหน้ากากมาหลอกรา กว่าจะรู้ตัวกระชากหน้ากากได้ก็หมดตัวไปแล้ว ทำความผิดความชั่วโดยคนไม่รู้ตัว
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า วันนี้ นายไกรสร ตันติพงศ์ อดีตส.ส.เชียงใหม่ 7 สมัย ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เอือมละอากับ นายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ได้เขียนจดหมายมาแสดงความเห็นด้วยกับการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯ ด้านสภากาแฟที่หาดใหญ่ก็หูตาสว่างแล้ว จนคนเข้าให้ฉายาว่า ใจซื่อมือสะอาดถ้ามีโอกาสโกงเรียบ ที่ผ่านมายังไม่โกงเพราะยังไม่มีโอกาส นาทีนี้คนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดีต้องออกมายืนยัน ไถ่ปาปให้ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ที่ทำให้ไทยต้องเสียปราสาทเขาพระวิหาร ถ้ามีหัวหน้าพรรคแบบนายอภิสิทธิ์ กับรองนายกฝ่ายความมันคงแบบนายสุเทพ จะเป็นตราบาปไปจนตายว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำให้ไทยเสียแผ่นดิน ควรออกมาตะเพิดให้ออกไปจากพรรค ขืนอยู่ต่อไป พรรคเสียหายไม่มีใครเลือก วันนี้ถูกประชาชนสาปแช่งไปหมดแล้ว หากยังนิ่งเฉยกันอยู่ บอกได้เลยตายกันยกพรรค
ส่วนที่ตนบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์กลายพันธุ์ เพราะไม่ได้เป็นพรรรคที่ยืนอยู่บนผลประโยชน์ของประชาชนเหมือนเดิมแล้ว เรื่องข้าว ก็เอาเปรียบประชาชน ชาวไร หากผลประประโยชน์ให้กลุ่มการเมืองของตัวเอง เรื่องนี้ทำให้ตนนึกถึงสมัย นายควง อภัยวงศ์ อดีตนายกรัฐมนตรี มีลักษณะเดียวกันกับนายอภิสิทธิ์ โดยสมัยนั้น คนที่ขึ้นมาอภิปรายเป็นปากเสียงแทนชาวบ้าน คือ นายทองอินทร์ ภูริพัฒน์ เป็น ส.ส.จังหวัดอุบลฯ และเป็นทนาย เหมือนกับตนนี่แหละเป็นทนายแล้วก็เป็นคนอุบล เขาได้เสนอกฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมราคาสินค้าโดยให้ปักป้ายแสดงราคา แต่นายควง ก็เถียงเหมือนนายอภิสิทธิ์ ไม่มีผิด สุดท้ายจบลงด้วยมตินายควง แพ้คะแนนโหวด 65 ต่อ63 เมื่อแพ้แล้วจากนั้น นายควงก็ยังใช้วาจาแบบนายอภิสิทธิ์ ค่อนแคะดูถูก พูดจาเสียดสีให้เขาเสียหาย ว่า เป็นการสนอปักป้ายข้าวเหนียว จากเหตุการณ์นี้ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ เป็นที่จงเกลียดจงชังของคนอีสานจนถึงวันนี้ เพราะความไม่เห็นหัวประชาชน ไม่เข้าใจหัวอกประชาชน สุดท้ายนายควง ต้องลาออกแล้วนายปรีดี ขึ้นมาเป็นนายกฯอีกครั้ง เช่นเดียวกับวันนี้เราออกมาบอกให้รัฐบาลแก้ไขว่า ประชาชนเดือดร้อนอย่างไร กัมพูชารุกรานอย่างไร เหยียบย้ำศักดิ์ศรีอย่างไร แต่รัฐบาลก็ยังไม่แก้ไข ตนทำนายได้เลยประวัติศาสตร์บอกอยู่แล้วแพ้ทางคนอุบล ไปแน่นอนอยู่ไม่ได้
