“ประพันธ์” วอนกราบพลังเงียบที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใคร และภาคธุรกิจ 21 องค์กรที่รวมตัวต้านคอร์รัปชันให้ออกมาใช้สิทธิ “โหวตโน” ยันเป็นอาวุธสั่งสอนนักการเมืองชั่วได้ดีที่สุดแล้ว มั่นใจถ้าได้เสียงถึง 30 เปอร์เซ็นต์ การเมืองไทยพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินแน่นอน พร้อมอัดนักการเมืองเป็นสัตว์ชนิดพิเศษ สามารถผสมพันธุ์ข้ามสปีชีส์ หลัง “มาร์ค” แบะท่าอาจร่วมรัฐบาลเพื่อไทย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายประพันธ์ คูณมี”
วันนี้ (11 มิ.ย.) เวลาประมาณ 21.00 น. นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวปราศรัยบนเวที “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า มีผู้สื่อข่าวถามนายอภิสิทธิ์ ว่ามีทางที่ประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยจะร่วมรัฐบาลกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ตอบว่ามีโอกาส เห็นหรือยังเผยธาตุแท้ออกมาแล้วว่ามีโอกาสเสพสังวาสข้ามสปีชีส์กันได้ ไหนบอกเป็นคนละพวกที่แท้ก็พวกเดียวกัน บอกเป็นไปได้มากต้องมาคุยกัน เพียงแต่เพื่อไทยต้องไม่เอานิรโทษกรรม และไม่เอานโยบายจำนำข้าว
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า นโยบายจำนำข้าวนี่ปัญญาอ่อนมาก ความจริงแล้วทั้งการจำนำ และประกันรายได้เป็นนโยบายที่เลวพอๆกัน ระบบจำนำข้าวนั้นมีมาตั้งแต่สมัย มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช มันเป็นวิธีการที่ฝ่ายรัฐบาลช่วยเกษตรกรในยามที่ข้าวออกมาสู่ตลาดมาก จนทำให้ราคาข้าวตก รัฐบาลก็ใช้วิธีเอาเงินไปรับจำนำ คือรับซื้อข้าวจากประชาชน สมมติราคาในตลาดโลกเกวียนละ 12,000 บาท รัฐบาลก็ยินดีรับจำนำในราคา 12,000 บาท
เป็นการที่รัฐบาลดูดข้าวมาเก็บไว้ในสต๊อก เพื่อทำให้ราคาข้าวในตลาดไม่ต่ำจนเกินไป แต่ถ้าถึงเวลาที่เกษตรกรมีเงิน และราคาข้าวสูงขึ้น เกษตรกรจะมาเอาข้าวคืน เพื่อไปขายในราคาที่สูงกว่า 12,000 บาท แต่จุดอ่อนมันอยู่ตรงที่ราคารับจำนำสูงเกินไป ทำให้เกษตรกรส่วนใหญ่ก็ปล่อยขาดไม่มาเอาข้าวคืน ทำให้ข้าวอยู่ในยุ้งฉางตกเป็นภาระรัฐบาล ถึงเวลารัฐบาลก็ต้องระบายข้าวออก ทีนี้นักการเมือง พ่อค้า ก็จะหากินตรงนี้ นักการเมืองนี่ตัวดี ก็จะขายในราคาถูกให้พ่อค้า แล้วพ่อค้าก็ไปขายในราคาแพง ได้กำไร เวลาราคาสูงก็ไม่ระบายออก เวลาราคาตกก็ระบายออก หรือแม้ราคาสูงนักการเมืองก็แกล้งขายในราคาต่ำ โดยนักการเมืองกับพ่อค้า ได้ประโยชน์ร่วมกัน
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า ส่วนการประกันราคาข้าวก็คือ การตั้งราคากลางขึ้นมาว่าตอนนี้ราคาอ้างอิงเท่าไหร่ เช่นเกวียนละ 15,000 บาท ใครขายได้ไม่ถึง 15,000 ก็มาเอาเงินจากรัฐบาล สมมุติขายได้ 12,000 บาท ก็มาเอาจากรัฐบาล 3000 บาท เอาเงินไปแจกเฉยๆ ข้าวก็ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาล อันนี้ก็หวานหมูพ่อค้า โดยการสมคบกับชาวนาหลอกว่าขายได้ราคาต่ำกว่าความเป็นจริงที่ขายได้ เป็นการหลอกแดกรัฐบาลทั้งปี เงินภาษีของเราทั้งนั้น เป็นการเอาเงินไปแจกชาวบ้าน แต่เงินไม่ได้ตกที่ชาวบ้าน เพราะทำนาได้เงินเจ้าหนี้มาเอาตั้งแต่ในลานแล้ว แต่เงินตกที่พ่อค้า โรงสี ชาวนาเป็นเพียงตัวประกอบแสดงตบตารัฐบาล และมีการตั้งตัวเลขบัญชีแหกตาอีก เงินมันก็รั่วไหล ดีไม่ดีเทียบกับการจำนำข้าวซึ่งไม่ใช่นโยบายที่มาจากนายทักษิณ แต่มีมานานแล้ว ถ้านักการเมือง-พ่อค้าไม่โกง รัฐบาลได้ประโยชน์ สมมติราคาถูกก็ยังไม่ขาย ขายตอนราคาตลาดโลกสูง ก็ได้กำไรกลับสู่รัฐบาล
นายประพันธ์ยังกล่าวว่า สรุปวันนี้เพื่อไทยกับประชาธิปัตย์พร้อมจูบปากกันเป็นรัฐบาล เพื่อแก้ปัญหากลัวว่าตัวเองไม่ได้ร่วมรัฐบาล โดยจะอ้างว่าเพื่อความปรองดอง เพราะกลัวเกิดการล้มกระดาน และล้มระบอบการเมือง และไล่นักการเมืองออกไปจากอำนาจ ก็เลยมีความคิดแบบนี้ ประกอบกับนายทุน กลัวบ้านเมืองไม่สงบจะทำมาหากินไม่สะดวก เลยสู้จับเอา 2 ฝ่ายมารวมกัน เพื่อให้ทำมาหารับประทานสะดวกขึ้น สรุปแล้วก็ทำเพื่อรักษาผลประโยชน์ของนายทุนพรรคเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดเพื่อชาติบ้านเมือง
อยากให้พี่น้องประชาชนจำไว้จนวันตายเลย ถ้านักการเมืองจูบปาก สามัคคีกันได้ นั่นหมายถึงรักษาอาชีพสัตว์นรกได้อยู่ต่อไป เมื่อไหร่นักการเมืองสามัคคีกันเมื่อนั้นชาติบัลลัยล่มจมแน่นอน เพราะนักการเมืองทุกคน ทุกพรรคที่ปรากฎตัวในทุกวันนี้ ล้วนแต่เห็นสันดานธาตุแท้หมดแล้วว่าไม่มีใครน่าไว้วางใจเลย
นายประพันธ์กล่าวอีกว่า วันนี้นักการเมืองเป็นสัตว์ชนิดพิเศษ สามารถผสมพันธุ์ข้ามสปีชีส์กันได้ ถึงบอกว่าโหวตโนไม่เลือกใครมันเป็นอาวุธสุดยอด ที่กำลังมาแรงแซงโค้ง ดีไม่ดีโหวตโนอาจได้เสียงมากกว่าทุกพรรคก็ได้
“เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์ ตัวเลขการสำรวจขณะนี้ ดูๆ แล้วอาจแซงประชาธิปัตย์ไปแล้ว และกำลังไล่หายใจรดต้นคอเพื่อไทยอยู่ ดีไม่ดีโค้งสุดท้ายอาจแซงโค้งเลย ถ้าเราสามารถระดมพลังประชาชนพี่น้องออกมา พี่น้องชาวไทยที่เคารพรัก ถ้าตนกราบได้ตนกราบเลย วันนี้เชื่อตนถ้า 30 เปอร์เซ็นต์ ออกมาโหวตโน การเมืองประเทศไทยพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเลย” นายประพันธ์กล่าว
นายประพันธ์กล่าวต่อว่า เชื่อหรือไม่อาวุธที่จะสั่งสอนนักการเมืองดีที่สุด คือเดินเข้าคูหากาไม่ลงคะแนนให้ใคร นี่คือสิ่งที่นักการเมืองกลัวที่สุด กลัวกว่ารถถัง ปืนใหญ่อีก ไม่เชื่อลองดู ถ้าประกาศออกมาโหวตโน 5 ล้านเสียง เพื่อไทย 6 ล้านเสียง ประชาธิปัตย์ 4 ล้านเสียง แล้วคนพวกนั้นจะเอาหน้าไปดูอะไรได้ มันเป็นไปได้ถ้าพี่น้องรวมพลังพร้อมกัน พลังเงียบ 50 เปอร์เซ็นต์ที่ยังไม่ตัดสินใจ แม้กระทั่งภาคธุรกิจ 21 องค์กร ที่รวมตัวกันเป็นภาคีเครือข่ายป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ตนขอกราบเลย นายดุสิต นนทะนาคร (ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย) เชื่อตน 20 กว่าองค์กรภาคเอกชนที่จะต่อต้านนักการเมืองไม่ให้โกง ทำได้ดีที่สุดคือเรียกร้องสมาชิกในองค์กรของท่านให้โหวตโน
มันจะทำให้พลังโหวตโนของพวกเรามีอำนาจต่อรองเหนือพรรคการเมืองแน่นอน ดีกว่าปล่อยให้เขาเข้ามาสู่อำนาจ แล้วมันก็กร่างว่าประชาชนเลือกเข้ามา จะทำอะไรก็ได้ มันเป็นนาทีที่ท่านจะแก้แค้นเขาได้แล้ว แทนที่จะถูกนักการเมืองมาบี้ให้ไปจ่ายช่วยพรรคโน้นพรรคนี้ นักธุรกิจก็กลัวว่าจะไม่ได้รับความสะดวกในการทำธุรกิจเลยต้องจ่าย เพราะคิดแบบนี้มันถึงได้ใจ ทำเถอะ นี่คือทางออกที่ง่าย ไม่เหนื่อย ไม่เจ็บตัว ไม่ทำความวุ่นวายให้บ้านเมือง ประชาชนของเรามีอำนาจ มีสิทธิ มีศักยภาพในตัวอยู่แล้ว เพียงแต่พวกท่านต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำ ไอบรรดาพวกเสือสิงห์ กระทิง แรด เลยตะครุบเป็นเหยื่อ แต่ถ้าพวกเรารวมกันอยู่อย่างนี้พวกนั้นต้องแพ้พลังของพวกเรา
เราทำมาหมดทุกวิธีแล้ว ไล่ไปอยู่นอกประเทศแล้ว แต่เด็กวานซืนพอมาเป็นนายกฯก็กวักมือเรียกมันเข้ามาอีก เป็นนายกฯไม่จัดการอะไรเลย แล้ววันนี้มาโอดครวญไม่เลือกเราเขามาแน่ เลือกใครก็แย่เหมือนกันหมด ถ้าเรายึดมั่นอยู่อย่างนี้ไม่ต้องไปกลัวนักการเมืองสัตว์นรกไหนทั้งสิ้น
คำต่อคำ
สวัสดีครับพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักครับ กราบสวัสดีพี่น้องทางบ้านและที่รับชมอยู่ในต่างประเทศนะครับ ดูหน้าตาพี่น้องแล้ว ยิ้มแย้ม สดชื่น สดใส ไม่ทราบว่าวันนี้มีความสุขอะไรครับ หน้าตาสดใสมากเลย
พี่น้องครับ เห็นพี่น้องที่ชุมนุมอยู่ด้วยความคึกคัก มีชีวิตชีวา และทุกคนก็ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมของการรณรงค์เพื่อการเชิญชวนพี่น้องไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง แต่เรากาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือโหวตโน ภาษาอังกฤษ เดี๋ยวนี้ทุกคนเก่งภาษาอังกฤษหมดเลยครับ โหวตโน พูดภาษาไทยไม่ค่อยถนัดแล้วใช่มั้ยครับ
ความจริงแล้ว ถ้าไม่มีการชุมนุมของพ่อแม่พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในวันนี้ และถ้าไม่มีการรณรงค์โหวตโนของพวกเรานะ การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นการเลือกตั้งที่เซ็งที่สุด ไร้สาระที่สุด และไม่มีสีสัน บรรยากาศที่น่าสนใจอะไรเลยสำหรับพี่น้องประชาชนชาวไทย ใช่มั้ยครับ
ผมไปพบพี่น้องประชาชนทุกวงการนะครับ ต้องยอมรับว่า คนที่ทำให้การเลือกตั้งมีชีวิตชีวาน่าสนใจและมีสีสันนั้น คือการรณรงค์โหวตโนของพวกเรานี่ล่ะครับ ผมถึงบอกว่า พรรคการเมืองทั้งหลายไม่มีเขาสนใจเลย ตอนนี้กลายเป็นว่าพรรคการเมืองทุกพรรคกำลังสู้กับพรรคโหวตโน เรียกว่า 20 รุม 1 ก็ได้ และพวกเราไม่กลัวเสียด้วย เพราะพรรคโหวตโนเป็นพรรคแห่งสัจจธรรมและความจริงที่สู้ได้กับนักการเมืองทุกคน ทุกพรรค และถ้าไม่มีการรณรงค์โหวตโนของเรานี่ ไม่น่าสนใจเลย พอพรรคนี้ก็บอกว่ารักษาพยาบาลฟรี พรรคนี้ก็บอกเรียนฟรี แจกเงินคนแก่ พรรคนี้บอก 30 บาท อาบน้ำฟรีทั้งปีเลย
อย่างนี้มันก็ไม่มีเรื่องการเมืองอะไรที่เป็นสาระควรแก่การสนใจ นโยบายพูดไปอย่างนั้นล่ะครับนักการเมือง เป็นพวกที่เขาเรียกว่าล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ พูดอะไรประชาชนเขาไม่เชื่อ ไม่ใช่ว่าเรามีอคติ ไม่ใช่ว่าพวกเราเป็นพวกที่ไม่มีเหตุผล ไม่ใช่เพราะพวกเราเป็นพวกที่จะปฏิเสธระบอบการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นเพราะพรรคการเมืองและนักการเมืองทุกพรรคทำลายตัวเองจนประชาชนหมดศรัทธาและหมดความเชื่อถือต่างหาก
ฉะนั้นเวลาที่คุณรู้สึกว่าพี่น้องประชาชนไม่เคารพ ไม่ศรัทธา ไม่เชื่อถือนักการเมือง เห็นรูปสัตว์รูปอะไรต่างๆ ขึ้นมา อันเป็นสติปัญญา หรือเป็นความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการรณรงค์ของพี่น้องประชาชน ทำเป็นสะดีดสะดิ้ง ทำเป็นเต้น ทำเป็นเดือดร้อน ทำเป็นโมโห โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ไม่เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองเลย
เรื่องทำนองนี้มันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้านักการเมืองไทย พรรคการเมืองไทย เป็นคนที่มีเกียรติ เป็นคนที่เสียสละ เป็นคนที่ทำงานเพื่อเห็นแก่ประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ประชาชนจะศรัทธา ให้ความเคารพนับถือ กราบไหว้ และให้เกียรตินักการเมือง แต่เมื่อพรรคการเมือง นักการเมือง ไม่เคยเคารพและให้เกียรติประชาชน ประชาชนย่อมมีเกียรติที่จะไม่เคารพและให้เกียรตินักการเมือง
วันนี้ติดตามข่าว ติดตามข้อมูล และติดตามสถานการณ์บ้านเมืองความเคลื่อนไหวตลอดเวลา แม้ว่าผมจะไม่ได้ไปร่วมกับพี่น้องในการรณรงค์ ความจริงแล้วอยากไปใจแทบขาด แต่ว่าตอนเช้าวันเสาร์ ผมต้องไปศาล ในคดีที่ผมฟ้องเขา แต่เขาฟ้องผมนี่เขาฟ้องที่สงขลา คุณศิริโชค โสภา ฟ้องผมที่สงขลา แต่ผมฟ้องเขาที่ศาลอาญากรุงเทพฯ เวลานี้ก็ต้องชื่นชมศาลนะครับในคดีที่เป็นคดีที่เราไต่สวนมูลฟ้อง หรือราษฎรฟ้องกันเองนั้น ท่านทำงานวันเสาร์ครับ ท่านผู้พิพากษานัดคู่ความมาพิจารณาคดีไต่สวนในวันเสาร์ ก็ต้องชื่นชมศาลนะครับที่ท่านเอาใจใส่และเสียสละเวลามาพิจารณาคดีต่างๆ
ผมก็ต้องไปศาลในตอนเช้าไปไต่สวนในคดีที่ผมเป็นโจทก์ฟ้องนายศิริโชค โสภา กับพี่สุวัตร อภัยภักดิ์ พอเสร็จจากศาลเที่ยงก็รีบเข้าออฟฟิศพี่สุวัตร อภัยภักดิ์ เพื่อเตรียมทำเรื่องร้องกล่าวโทษรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคณะรัฐมนตรี รวมทั้งเจ้าพนักงานรัฐวิสาหกิจ และข้าราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือส่อไปในทางทุจริต ในเรื่องที่เอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนเกี่ยวกับการเอาที่ป่าสงวนและที่ ส.ป.ก.ไปให้บริษัทเอกชนตั้งโรงงานไฟฟ้าพลังงานลม ก็เรียกว่าไปนั่งกับทีมงานเพื่อเตรียมคำร้องกล่าวโทษต่อ ป.ป.ช.ทั้งวันเลยครับ อยากจะไปร่วมรณรงค์กับพี่น้อง 2 งานแล้วผมไม่ได้ไป เสียดายมาก
รู้ว่าพี่น้องไปรณรงค์วันนี้ด้วยความคึกคักและมีความมั่นใจอย่างยิ่ง ได้รับการตอบรับจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี ก็ต้องขอคารวะและปรบมือให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน
แต่พรุ่งนี้ผมก็ต้องไปช่วยพี่น้องที่ขอนแก่น และที่สระบุรีเขาก็มีงานรณรงค์โหวตโนเหมือนกันครับ ที่ขอนแก่น อีสาน ก็จะมีการรณรงค์โหวตโนเหมือนอย่างพี่น้องกรุงเทพฯ เหมือนกัน พรุ่งนี้ผมไปร่วมกับพี่น้องที่ขอนแก่นครับ เพื่อทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนว่าการรณรงค์โหวตโน กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน เลือกใครในวันที่ 3 กรกฎาคมนั้น จะถือเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ทางการเมือง สร้างสถิติใหม่ทางการเมืองของประเทศไทย
นี่เรากำลังร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ทางการเมืองนะครับ เป็นการบอยคอต เป็นการสั่งสอน เป็นการลงโทษ เป็นการสร้างพลังต่อรองของพี่น้องประชาชนโดยชอบด้วยกฎหมาย ชนิดที่นักการเมืองเรียกว่ายิ้มก็ไม่ได้ ร้องไห้ก็ไม่ออก ดีอย่างเดียวคือชักดิ้นชักงอตายต่อหน้าพี่น้องประชาชนเท่านั้นเอง อยากได้แทบตาย อยากได้คะแนนเสียงจากพวกเรา เมินเสียเถอะ กูไม่เลือกคนเลว ไม่ว่าใครทั้งนั้น ไม่มีวันจะได้คะแนนเสียงจากพวกเราโดยง่ายถ้าคุณยังประพฤติตัวไม่เหมาะสม ไม่มีความน่าศรัทธาเลื่อมใส นี่ดูมันเท่ห์ มันโก้ มันมีเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีจะตายไป วันนี้เด็ก เยาวชน วัยรุ่น คนรุ่นใหม่ อายุ 18 ปี เขาบอกคะแนนครั้งแรกของผม วัยรุ่นคนรุ่นใหม่เขาบอก คะแนนครั้งแรกของผมจะไม่ยอมเสียความบริสุทธิ์ให้นักการเมืองเลวคนใดเลย เห็นมั้ยครับ เขาคิดเป็น เพราะอะไรครับ ก็เพราะเขาดูไปแล้วมันไม่มีอะไรดีเลยแต่ละพรรค แต่ละคน มันมุ่งแต่จะผสมพันธุ์กัน และอยากจะเป็นรัฐบาลเท่านั้นเอง ไม่ได้สนใจปัญหาของพี่น้องประชาชน ปัญหาของชาติบ้านเมืองเลย นักการเมืองแบบนี้ พรรคการเมืองแบบนี้ ต้องสั่งสอนให้สาสม
คนที่เจ็บปวดที่สุดก็คือ เขาคงนึกไม่ถึงว่ายุบสภาแล้วจะยังมีเวทีของพี่น้องประชาชนอยู่ที่นี่ เป็นหอกข้างแคร่ เป็นหนามตำใจนักการเมืองทุกพรรคเลยครับ เขาคงนึกไม่ถึง คนที่เกลียดการเผาบ้านเผาเมือง ก็โหวตโน เพราะเราไม่ชอบ หันหน้ามาจะมาพึ่งทางนี้ ก็หน่อมแน้ม ไร้ประสิทธิภาพ อ่อนแอ ขี้ขลาดตาขาว ทำงานไม่เป็น ไปเลือกมันทำไม
เวลานี้ไปๆ มาๆ ก็เลยไม่รู้จะไปทางไหน ผู้สื่อข่าวถามว่าสุดท้ายมีทางที่พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์จะร่วมงานกันได้มั้ย นายอภิสิทธิ์ตอบว่า มีโอกาสร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้ ว่าเป็นไปได้มาก เห็นหรือยังครับ เผยธาตุแท้และเผยไต๋ออกมาแล้วหรือยังว่ามีทางที่จะไปเสพสังวาส และผสมพันธุ์กันได้ ระหว่างข้ามสปีชีส์เลยครับ ไหนว่าคนละพวก อ๋อ ความจริงมันก็พวกเดียวกันนี่หว่า
บอกว่ามีทางเป็นไปได้ที่จะคุยกันได้ มาก ต้องมาคุยกัน เป็นแต่เพียงพรรคเพื่อไทยต้องยกเลิก 2 เรื่องเท่านั้น สิ่งแรกคือยืนยันว่าไม่เอานิรโทษกรรม และต้องบอกด้วยว่าจะไม่เอานโยบายจำนำข้าว โอ๊ย หน่อมแน้ม ปัญญาอ่อนจริงๆ เลย ตกลงเรื่องขายชาตินี่มึงขายกันได้ เรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นกินกันตามสบาย ใช่มั้ยครับ ไม่ใช่เงื่อนไข เรื่องพระวิหาร เรื่องดินแดน เรื่องเอกราช เรื่องผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง เชิญพ่อเจ้าประคุณ จำนำข้าวนี่มันปัญญาอ่อนมากครับ ไม่เอาจำนำข้าวเนี่ย
ความจริงแล้ว ผมจะพูดให้ฟังนะครับ นโยบายจำนำข้าว กับนโยบายประกันรายได้ของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์นี้ เป็นนโยบายที่แย่และเลวพอๆ กัน ไม่มีอะไรต่างกันเลย ความจริงแล้วนโยบายจำนำข้าวมันมีมาตั้งแต่สมัย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ นู่น ที่เขาใช้นโยบายจำนำข้าว มันเป็นวิธีการที่ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายการเมือง จะช่วยเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในยามที่ข้าวออกมาสู่ตลาดมาก เรียกว่ามีอุปสงค์มาก มี supply ออกมามาก คือมีสินค้าออกมาสู่ตลาดเพื่อเสนอขายกับประชาชน กับประเทศที่บริโภคข้าวมาก มันทำให้ราคาข้าวตก รัฐบาล็ใช้วิธีเอาเงินไปรับจำนำข้าว คือรับซื้อข้าวจากประชาชนในราคาที่ สมมุติว่าในตลาดโลกเวลานี้ซื้อกันอยู่ตันละ หรือเกวียนละ 12,000 บาท รัฐบาลก็ยินดีที่จะรับจำนำในราคา 12,000 บาท ถ้าต่อไปชาวนาคิดว่าขายข้าวตอนนี้มันจะได้ราคาถูก ก็เอามาขายกับรัฐบาล เอามาจำนำ จำนำนี่แปลว่า เหมือนเราเอาทรัพย์สินไปจำนำโรงรับจำนำ เรามีสิทธิ์จะไปไถ่คืน แล้วถ้าทองคำมันราคาสูงขึ้น เราก็เอาไปขายทำกำไรได้ แต่ถ้าราคาทองคำมันตกลง วันนี้เอาทองคำ 1 บาท ไปจำนำ 10,000 บาท วันนี้ราคาทองคำเหลือ 90,000 บาท จำนำได้ 9,000 บาท แล้วจะเอาออกมาทำไม ก็ปล่อยให้มันหลุดจำนำไป
ข้าวก็เหมือนกัน จำนำกับรัฐบาลไว้เกวียนละ 12,000 บาท รัฐบาลมีไซโล มียุ้งฉางไว้เก็บ เพื่อดูดเอาข้าวมาเก็บไว้ในสต๊อก เมื่อดูดมาเก็บไว้ในสต๊อกมันก็ทำให้ราคาข้าวในตลาดไม่ตกจนเกินไป ไม่ถูกจนเกินไป นี่ก็เป็นวิธีหนึ่งที่เขาช่วยเกษตรกรในอดีต แต่ถ้าหากว่าถึงเวลาที่จังหวะหนึ่งที่เกษตรกรมีเงินและราคาข้าวมันสูงขึ้น เกษตรกรจะมาไถ่คืนและเอาข้าวไปขายในราคาที่มากกว่า 12,000 บาท ก็มีสิทธิ์ที่จะทำได้ อันนี้ก็เป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยเกษตรกรในอดีตที่ผ่านมา
แต่จุดอ่อนมันอยู่ตรงที่ว่า ราคาที่จำนำของรัฐบาลมันอาจจะสูงไปนิด และเกษตรกรส่วนใหญ่ก็ไม่มารับไถ่เอาข้าวคืนไปขาย ส่วนใหญ่ก็ปล่อยขาด ยินดีขายแค่ 12,000 หรือ 11,000 ก็แล้วแต่ ก็พอใจแล้ว จุดอ่อนของมันอยู่ตรงที่เดียวครับ เกษตรกรไม่ยอมมาไถ่คืนก็ทำให้ข้าวตกอยู่ในยุ้งฉางและเป็นภาระของรัฐบาล ถึงเวลารัฐบาลก็ต้องหาทางระบายข้าวออก ทีนี้นักการเมืองกับพ่อค้ามันหากินกันตรงนี้ คือ เวลาจะระบายข้าวในสต๊อก ในยุ้งฉาง ในโกดังที่รัฐบาลรับจำนำไว้ นักการเมืองนั่นล่ะตัวดี หากินโดยวิธีระบายข้าวออก ก็ขายในราคาถูก ให้พ่อค้า แล้วพ่อค้าก็เอาไปขายในตลาดโลกในราคาแพง เอากำไร เวลาที่ข้าวราคาสูง ราคาดี ก็ไม่ระบายออก เวลาข้าวราคาตกก็ระบายออกเพื่อให้พ่อค้ามาซื้อไป แล้วเอาไปขายในราคาแพง
หรือราคาสูง ก็แกล้งเป็นขายออกไปในราคาต่ำ เพื่อให้พ่อค้ามาซื้อข้าวจากรัฐบาลแล้วเอาไปขายในราคาแพง เอากำไร โดยนักการเมืองกับพ่อค้าได้ผลประโยชน์ร่วมกัน นี่คือจุดอ่อนของระบบจำนำครับ
ทีนี้ถามว่าระบบประกันรายได้ข้าว หรือพืชเกษตรของนายอภิสิทธิ์วิเศษวิโสอย่างไร ผมขอถือโอกาสอธิบายให้พี่น้องฟังเลย เพราะความจริงผมศึกษาเรื่องนี้มาก่อนแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสพูด พอดีนายอภิสิทธิ์มาพูดเรื่องนี้ก็อธิบายให้พี่น้องประชาชนชาวไทยฟังได้เลย จะได้รู้ว่ากึ๋นและมันสมองของนายอภิสิทธิ์น่ะ สมองแค่ขี้กุ้งเท่านั้นเองครับ เลอะเทอะ เขาไม่ได้มีความคิดอะไรที่ชาญฉลาดกว่าเราลูกชาวบ้านเลย ไอ้ที่ได้เป็นนายกฯ ก็เพราะว่าบุญหล่นทับตีนบวม เอาปืนไปจี้เขามาเท่านั้นเอง ไม่ใช่ว่าได้มาเพราะความสามารถอะไรหรอก ผมไม่อยากจะท้า น้ำหน้าอย่างนี้มาทำงานแข่งกันผมก็ยังได้เลย ผมไม่ได้ใส่ใจเลย ไม่ได้ให้ราคาเลยครับ มีคนเก่งๆ ในบ้านเมืองเยอะกว่าไอ้หมอนี่ แต่ไม่ได้เป็นนายกฯ
ประกันรายได้ทำยังไงครับ ก็ตั้งราคากลางขึ้นมา ว่าตอนนี้ราคาอ้างอิงข้าว ราคา 15,000 บาท สมมุติ เกวียนละ 15,000 บาท ชาวนาใครขายข้าวได้ไม่ถึง 15,000 บาท มาเอาเงินจากรัฐบาลแจกไป สมมุติไปขายได้ราคา 12,000 บาท มาเอาจากรัฐบาลไป 3,000 บาท เอาเงินไปแจกเฉยๆ ข้าวไม่ได้อยู่ที่รัฐบาลนะครับ ใครขายได้ถูกก็แจกไป ทีนี้ไอ้นี่ก็หวานหมูพ่อค้าอีก พ่อค้าก็สมคบกับชาวนา ราคาอ้างอิงตั้งไว้ 15,000 กูก็บอกว่าขายได้ 11,000 ขายได้ 12,000 มาเบิกเอาจากรัฐบาลอีก 3,000 เรียกว่าหลอกแดกรัฐบาลทั้งปีครับ เงินภาษีของเราทั้งนั้น
ก็เป็นวิธีเอาเงินไปแจกชาวบ้าน แต่เงินน่ะไม่ได้ตกที่ชาวบ้าน ชาวบ้านเป็นทั้งหนี้ทั้งสิน ทำนาเก็บข้าวได้ เจ้าหนี้มาเอาตั้งแต่ในลานไปแล้ว ปรากฏว่าคนที่ได้ประโยชน์ก็พ่อค้าคนกลาง โรงสี พ่อค้าส่งออกทั้งนั้นเลย ชาวนาเป็นเพียงตัวนอมินี และตัวประกอบการแสดงยอดเยี่ยม ควรได้รับรางวัลตุ๊กตาทองในการแสดงการขายข้าวตบตารัฐบาลครับ
รัฐบาลไม่มีข้าวอยู่ในมือ ขายข้าวได้พ่อค้าก็บอกได้ราคาเท่านี้ แล้วมีการตั้งตัวเลขบัญชีว่ามีข้าวเท่านั้นเท่านี้ แหกตาอีกต่างหาก เพราะฉะนั้นเงินมันก็รั่วไหลอยู่ รั่วไหลทันทีเลยครับ ดี/ไม่ดีถ้าเปรียบเทียบกันแล้ว ระบบจำนำข้าว ซึ่งไม่ใช่นโยบายของรัฐบาลทักษิณนะครับ เรื่องจำนำข้าว มันมีมาตั้งแต่สมัย พล.อ.เปรม ตั้งแต่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ตั้งแต่ก่อนโน้น ตั้งแต่สมัยนายบุญชู โรจนเสถียร เขาทำกันมา เพื่อช่วยเกษตรกร โดยดูดซับเอาจำนวนข้าวเข้ามาเก็บไว้เพื่อพยุงราคาให้มันสูงขึ้น
กรณีนี้ถ้านักการเมืองกับพ่อค้าโรงสีไม่โกงนะ รัฐบาลได้ประโยชน์ ได้ประโยชน์ตรงไหนครับ ก็เวลาข้าวมันถูกก็เก็บเข้าไซโล ยังไม่ขาย เวลาข้าวแพงก็ทยอยปล่อยสิครับ เหมือนผมเล่นหุ้นน่ะ ผมกว้านซื้อหุ้นราคาถูกมาไว้ ได้ราคาดี พอหุ้นราคาสูงผมก็ค่อยปล่อยออกไป ไอ้นี่เหมือนกัน ข้าวรัฐบาลเก็บเอาไว้ เมื่อราคาข้าวในตลาดโลกสูง หรือติดต่อค้าขายหาตลาดใหม่กับประเทศต่างๆ ได้ ก็ขายเอากำไร เงินก็กลับมาสู่รัฐบาลได้ เพราะมีข้าวอยู่ในสต๊อกของรัฐบาล ที่มันมีปัญหาก็คือ 1. เวลาขายแบบที่ผมว่า ตบตา นักการเมืองจะหาเงิน ก็เลยแกล้งขายราคาถูก ในยามที่ควรขาย ไม่ขาย ในยามที่ไม่ควรขาย กลับขาย นี่กรณีที่ 1 กรณีที่ 2 ก็คือ บอกว่ารับจำนำข้าว แต่เป็นสต๊อกลม คือไม่มีข้าว แต่มีตัวเลขว่ารับจำนำเท่านั้นเท่านี้ เอาเงินจ่ายออกไปแล้วก็กลับเข้ามากระเป๋าพ่อค้า นักการเมือง โดยแหกตารัฐบาลและประชาชน ที่มันโกงกันคือตรงนี้
เพราะฉะนั้นนี่ยกมาเป็นเงื่อนไขต่อรองว่าจะร่วมรัฐบาล ต้องไม่จำนำข้าวนะ ต้องมาเอานโยบายประกันรายได้ของนายอภิสิทธิ์นะ ไอ้นี่มันเป็นเหตุผลของเจ้าเด็กน้อยที่ไร้เดียงสาทางการเมืองเหลือเกิน แต่ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นคนฉลาดแบบเห็นแก่ตัว แกมโกง สรุปแล้วก็คือ วันนี้พรรคประชาธิปัตย์ กับพรรคเพื่อไทย พร้อมจะจูบปากกันเป็นรัฐบาลครับพี่น้อง
ทั้งหมดนี้เพื่ออะไร เพื่อจะแก้ไขปัญหาว่ากลัวตัวเองตกรถไฟ ไม่ได้ร่วมรัฐบาล และจะแก้ปัญหาเพื่อจะอ้างว่าเพื่อการปรองดอง เพื่อไม่ให้การเมืองกระเพื่อม ไม่ให้การเมืองเป็นปัญหา รักษาระบอบการเมืองสามานย์ น้ำเน่า สกปรก สัตว์นรกนี้ ต่อไปเท่านั้นเอง
เพราะอะไรครับ เพราะกลัวจะเกิดการล้มกระดานและล้มระบอบการเมือง ไล่นักการเมืองออกไปจากอำนาจเท่านั้นเองครับ ก็เลยมีความคิดแบบนี้ ประกอบกับนายทุน นักธุรกิจ เขารู้สึกว่ากลัวบ้านเมือง ถ้าเกิดทางนี้ขึ้นมา ทางนี้ไม่ยอม มันก็จะไม่สงบ สู้จับสองขั้วมาจูบปากกันเสีย มาอยู่ด้วยกัน เพื่อที่จะทำให้พวกกูทำมาหารับประทานได้สะดวกขึ้น สรุปแล้วมันก็คิดเพียงเพื่อรักษาผลประโยชน์ของกลุ่มทุน เจ้าของพรรคการเมืองเท่านั้นเองครับ ไม่ได้เป็นการคิดเพื่อชาติเพื่อบ้านเมือง นี่คือเหตุผลของเขา
ถามว่าเหตุผลและผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชน อยู่ตรงไหน คุณจูบปากกัน พี่น้องจำไว้อย่างหนึ่งนะครับ จำไว้ตลอดชีวิต จำไว้จนวันตายของพวกเราเลย วันนี้นักการเมืองเขาเรียกร้องความสามัคคี รักใคร่ปรองดองกลมเกลียวกันเหลือเกิน เพราะถ้าเขาจูบปากรักใคร่ปรองดองกลมเกลียวกันได้ นั่นหมายถึงรักษาอาชีพของสัตว์นรกได้อยู่ต่อไปครับ
เมื่อไรนักการเมืองรักกัน ชอบกัน กอดคอกัน จูบปากกัน สามัคคีกัน ชาติบรรลัยล่มจม ประชาชนเรือหายแน่นอนครับ
เพราะนักการเมืองทุกคน ทุกพรรค ที่ปรากฏตัวปรากฏกายให้พี่น้องเห็นอยู่ในขณะนี้ล้วนแต่เป็นบุคคลที่พี่น้องได้เห็นสันดานและธาตุแท้มาหมดแล้ว ไม่มีใครเลยที่น่านิยมเชื่อถือศรัทธาไว้วางใจ
เหมือนตอนเย็นที่ อ.เทพมนตรี บอก โธ่ ไอ้พรรคนี้นะ พรรคนั้นก็ด่าว่ามึงนี่มาจากเมืองจีนนะ ปลอมสัญชาติมา การศึกษาก็ไม่จบปริญญาตรี โรงเรียนก็โดนเผาไปแล้ว ประกาศนียบัตรก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน แล้วมาเป็นนายกฯ ได้ยังไง มันด่ากันฉิบหายมาแล้ว ยังมาจูบปากกันได้ เห็นหรือยังครับ ขุดโคตรเหง้าตระกูลกันขึ้นมาด่า ก็ยังอยู่ร่วมกันได้
ไอ้นั่น โห นี่ ส.ป.ก.4-01 เอากระจงไปปล่อย ซัดกันนัวเนียในสภา วันนี้กอดกันกลมเลย เห็นมั้ยพอมันรักกันเมื่อไรประเทศชาติฉิบหายครับ เพราะฉะนั้นวันนี้นักการเมืองเป็นสัตว์ชนิดพิเศษ ที่สามารถผสมข้ามพันธุ์ ข้ามสปีชีส์ได้
วันก่อนอ่านบทความจริงๆ แล้วสัตว์บางชนิดมันผสมพันธุ์กันไม่ได้ครับ อย่างเช่น ปลาสลิด กับปลากระดี่ มาผสมพันธุ์กันไม่ได้นะครับ ถ้าผสมพันธุ์กันแล้วจะเรียกว่าปลาสลี่ อย่างนี้เรียกไม่ได้นะครับ หรือม้า กับลา ถ้าผสมพันธุ์กันแล้วอาจจะออกเป็นฬ่อ แต่ว่าสุดท้ายมันก็เป็นหมัน ไม่สามารถจะไปผสมพันธุ์ออกลูกออกหลานต่อไปได้ มันข้ามสายพันธุ์กันไม่ได้
สัตว์ยังผสมกันไม่ได้ สุนัขก็เหมือนกันนะครับ อาจจะผสมกันได้ สัตว์บางชนิดอาจจะผสมกันได้ ไม่ว่าลูก ว่าพ่อ ว่าแม่ มันอาจจะผสมนัวเนียกันได้ หรือข้ามสายพันธุ์กันได้ แต่ว่าสัตว์บางชนิดมันผสมพันธุ์กันไม่ได้ แต่นักการเมืองเป็นสัตว์ชนิดพิเศษที่สามารถผสมพันธุ์กันได้หมดเลยครับ
เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ การรณรงค์เพื่อตัดสินใจโหวตโนไม่เลือกใครของพวกเรานี้มัน เป็นอาวุธอันคมกริบ สุดยอดครับ โหวตโนนี่มาแรง แซงโค้ง ดี/ไม่ดี ผมกำลังจะดูว่า ประมาณว่ากลายเป็นพรรคโหวตโนนี่จะมีคะแนนเสียงมากที่สุดกว่าทุกพรรคก็ได้นะ ทำเป็นเล่นไปนะ
ผมถึงบอกว่าวันนี้เรากำลังสร้างประวัติศาสตร์ ตัวเลขการสำรวจขณะนี้ผมดูๆ ดูไปดูมา พรรคโหวตโนอาจจะชนะพรรคประชาธิปัตย์ไปแล้ววันนี้ เขาลืมไปแล้ว กำลังไล่หายใจรดต้นคอพรรคเพื่อไทยอยู่ ขณะนี้ ดี/ไม่ดีเดี๋ยวโค้งสุดท้าย แซงโค้งเลยครับ
ถ้าพรรคโหวตโนสามารถระดมพลังพี่น้องประชาชนออกมา และพี่น้องชาวไทยที่เคารพครับ ถ้ากราบได้ผมกราบ ถ้าไหว้ได้ผมก็ยินดีไหว้ วันนี้พี่น้องเชื่อผมนะครับ ถ้าพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ 30 เปอร์เซ็นต์ ออกมาโหวตโน มาลงคะแนนโหวตโน การเมืองประเทศไทยพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินเลย ผมจะบอกให้ พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินจริงๆ ครับ ถ้าท่านอยากเปลี่ยนการเมืองที่สกปรกโสโครก เห็นแก่ได้ เห็นแก่ตัว สามานย์ ปราศจากความรับผิดชอบ ไร้สิ้นซึ่งอุดมการณ์ เป็นการเมืองที่ไม่สร้างชาติไม่สร้างสรรค์ ท่านอยากเปลี่ยน ผมรู้ท่านเบื่อ ผมก็เบื่อ ผมนี่เป็นคนที่มีการศึกษา ท่านก็เป็นคนที่มีการศึกษา มีฐานะ บางคนเป็นราชนิกูล มีความรู้ มีการศึกษา แล้วทำไมผมต้องมายกมือไหว้ไอ้พวกโจรสารเลวให้มันมาเป็นผู้ปกครองบ้านเมือง
ไอ้พวกโจร 500 ไอ้พวกนักเลงอันธพาล เจ้าของบ่อน คนโกง คนชั่ว คนสารเลว มาเป็นนาย มาเป็นผู้ปกครองคนไทยทั้งประเทศ มาเป็นเสนาบดีปกครองบ้านเมือง คนอย่างพวกเราทำไมต้องไปกราบไหว้ ยกมือไหว้คนชั่ว คนเลว คนโกงเหล่านี้ บางครั้งเรารู้สึกไม่พอใจ อยากจะ... กระทืบจอทีวีใส่หน้ามัน แต่ก็กลัวทีวีบ้านเราพัง ใช่มั้ยครับ อยากให้ทหารเอาปืนไปจี้คอมัน ตบกะโหลกมัน ตบโหลกอย่างที่เราว่านี่นะ เราพูดไปก็เพราะเรามีอารมณ์ความไม่พอใจนักการเมืองพวกนี้ แล้วไม่รู้จะหาวิธีการจัดการมันยังไง
แต่วันนี้พี่น้องท่านเชื่อมั้ย อาวุธที่จะตบโหลกนักการเมือง สั่งสอนนักการเมือง และเล่นงานนักการเมืองอย่างมีพลังที่สุด คือการเดินเข้าคูหาแล้วกาไม่ลงคะแนนให้ใคร นี่คือสิ่งที่นักการเมืองมันกลัวที่สุด กลัวยิ่งกว่ารถถัง ปืนใหญ่อีกครับ ไม่เชื่อลองดูครับ ขอสักครั้งในชีวิต ท่านลองดูสิ เพราะนักการเมืองมันกลัวที่สุด พอผลประกาศคะแนนออกมา ปรากฏว่าโหวตโนมี 5 ล้าน 7 ล้าน พรรคเพื่อไทยคะแนนทั่วประเทศมีอยู่ 6 ล้าน พรรคประชาธิปัตย์ทั่วประเทศ มีอยู่ 4 ล้าน เสร็จพรรคโหวตโนหมดเลย แล้วคนพวกนั้นจะเอาหน้าไปดูอะไรได้ ใช่มั้ยครับ
มันเป็นไปได้ ถ้าพี่น้องรวมพลังพร้อมกัน และตื่นขึ้นมาเถอะครับ พลังเงียบ 50 เปอร์เซ็นต์ ท่านเบื่อ ท่านเกลียด ท่านไม่ชอบนักการเมือง ท่านบ่น ท่านรำคาญ ท่านอิดหนาระอาใจ แม้กระทั่งกลุ่มธุรกิจภาคเอกชน 20 กว่าองค์กรที่ประชุมกัน จะต่อต้านการคอร์รัปชั่น จะไม่จ่ายเงินใต้โต๊ะให้นักการเมือง นี่นะครับ ผมกราบเลยนะครับ คุณดุสิต นนทะนาคร ท่านก็รู้จักกับผมอยู่ ผมก็เคยประชุมร่วมกับท่านในสมัยที่ผมเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ท่านเป็นคนดี ท่านเชื่อผมเถอะ 20 กว่าองค์กรของภาคเอกชน ที่จะต่อต้านนักการเมืองไม่ให้โกง ไม่ให้ทุจริต คอร์รัปชั่น ทำได้ดีที่สุดและมีพลังที่สุดคือท่านเรียกร้องสมาชิกในองค์กรของท่าน โหวตโนๆๆ
มันจะทำให้พลังของพวกเราที่โหวตโนด้วยกันทั่วประเทศ ไม่ว่าจะมาจากกลุ่มสาขาอาชีพอะไร มีอำนาจต่อรองเหนือพรรคการเมืองอย่างแน่นอนครับ
มันดีกว่าที่ท่านปล่อยให้เขาเข้ามาสู่อำนาจ ได้คะแนนเป็น 10 ล้าน 11 ล้าน 12 ล้าน แล้วมันก็กร่างว่าประชาชนเลือกตัวเองมา กูอยากทำอะไรก็ได้ แล้วก็เคาะกะลาเรียกพ่อค้า มึงไม่จ่าย กูก็ไม่อนุมัติอนุญาตโครงการใดๆ ให้ นาทีนี้มันเป็นนาทีที่ท่านจะแก้แค้นเขาได้แล้ว แทนที่ท่านจะถูกนักการเมืองมาไล่บี้เอาเงินไปจ่ายช่วยพรรคนู้นพรรคนี้ นักธุรกิจบางคนกลัวตัวเองจะตกรถไฟ เพราะถ้าไม่เอาเงินไปจ่ายช่วยพรรคนี้ ช่วยพรรคนู้น เดี๋ยวเขากลับมาเป็นรัฐบาลแล้วก็กลัวว่าจะไม่ได้รับความสะดวกในการดำเนินงาน ดำเนินธุรกิจ และโครงการของตัวเอง เพราะท่านคิดอย่างนี้ นักการเมืองมันถึงได้ใจและขี่คอท่าน ตีนเหยียบกบาลท่าน แล้วก็กวักมือเรียกท่านเอาเงินมาจ่ายไง
เพราะฉะนั้นถ้า 21-22 องค์กรเอกชนที่ประชุมกันแล้วตั้งกรรมการเฉพาะกิจ มีคุณดุสิตเป็นประธานน่ะ โธ่เอ๊ย คุณดุสิต ลงทุนถูกที่สุด มาช่วยค่าโปสเตอร์โหวตโน พี่น้องประชาชนเนี่ย แล้วก็ไปช่วยกันรณรงค์โหวตโน รับรองนักการเมืองเหิมเกริมกับประชาชนไม่ได้
ทำเถอะครับ คราวนี้ทำเถอะ ออกจากบ้านไปเลย แล้วท่านลองดูวิธีนี้ ผมมั่นใจเหลือเกินว่าจะสามารถสั่งสอนนักการเมือง และสร้างพลังอำนาจต่อรองให้กับประชาชนอย่างเข้มแข็งที่สุดครับ
นี่คือทางออกที่ง่าย และไม่เหนื่อย ไม่เจ็บตัว ไม่ต้องไปเผาบ้านเผาเมือง ไม่ต้องไปทำความวุ่นวายให้กับประเทศชาติบ้านเมือง ไม่ต้องไปก้มหัวก้มกราบนักการเมืองด้วย นักการเมืองต่างหากที่จะมาก้มกราบพี่น้องประชาชนครับ
คือประชาชนของเรานั้นมีอำนาจ มีสิทธิ์ มีศักยภาพอยู่ในตัวอยู่แล้ว เป็นแต่เพียงว่าพวกท่านต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำ เหมือนเราเป็นสัตว์เล็กสัตว์น้อย แตกฝูงออกไปก็อาจจะถูกเสือ สิงห์ กระทิง แรด สัตว์ใหญ่มันตะครุบตะปบเอาเป็นเหยื่อ แต่ถ้าพวกเรารวมหมู่รวมพลังกันอยู่อย่างนี้ ทำอะไรทำไปในทิศทางเดียวกัน และเห็นว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องแล้ว ไอ้บรรดาเสือ สิงห์ กระทิง แรด พวกสัตว์นรกก็จะต้องแพ้พ่ายพลังของพวกเราครับ
เพราะฉะนั้นเราลองมาหมดทุกวิธีแล้ว เดินขบวนขับไล่มันไปแล้ว ออกไปนอกประเทศ ไปอยู่ดูไบ ไปอยู่มอนเตเนโกรแล้ว ไอ้เด็กวานซืนพอได้เป็นนายกฯ มันก็กวักมือเรียกเขากลับมาอีกครับ มันเฉยเลย เป็นรัฐบาล เป็นนายกฯ แล้ว ไม่จัดการอะไรกับเขาเลย วันนี้มาโอดครวญว่าไม่เลือกเราเขามาแน่ โธ่ เลือกมึงกูก็แย่ ประเทศฉิบหาย ขายชาติและโกงแผ่นดินอีก
เลือกใครก็แย่ ฉิบหาย ขายชาติ โกงแผ่นดิน ทุจริตคอร์รัปชั่น เหมือนกันหมด
เพราะฉะนั้นใครมาเราก็ไม่กลัวมัน ใช่มั้ยครับ มึงมาเลย ไม่มีทาง ถ้าเรายึดมั่น ตั้งหลักมั่นของเราอยู่อย่างนี้ ไม่ต้องไปกลัวใครครับ ไม่ต้องไปกลัวนักการเมืองสัตว์นรกหน้าไหนทั้งสิ้น วันนี้วาทกรรมของเขามันใช้ไม่ได้แล้ว เราไม่เอาทั้งสองฝ่าย แล้ววันนี้ผมไปเจอหลายคนที่เป็นคนเคยชื่นชอบ ชื่นชม พรรคเพื่อไทย ไทยรักไทย พลังประชาชน หรือกลุ่มคนเสื้อแดงก็ตาม แต่เมื่อเขารู้แล้วว่าพรรคนี้สุ่มเสี่ยงอันตรายต่อการล่วงละเมิดสถาบัน พรรคนี้สุ่มเสี่ยงอันตรายต่อการใช้ความรุนแรงกับบ้านเมือง พรรคนี้มาแล้วก็คงจะไม่สามารถพาประเทศชาติบ้านเมืองให้เดินไปข้างหน้าได้ มาแล้วก็คงไม่ได้เป็นประชาธิปไตย มาหลอกประชาชนเฉยๆ เพื่อเป็นเครื่องมือทางการเมือง หลายคนที่เคยร่วมและไม่ชอบกับการกระทำที่ผ่านมา วันนี้เขาถอนตัวออกมาและพร้อมที่จะโหวตโนร่วมกับพวกเรา
แล้วยอมรับ หลายคนผมพูดไปแล้วก็โต้แย้งไป เถียงผมไม่ขึ้น ผมบอกว่า พี่น้องครับ คนพวกนี้พยายามจะมาใส่ร้ายพี่น้องพันธมิตรฯ พยายามจะมาใส่ร้ายพี่น้องประชาชนอย่างพวกเรา ว่าที่โหวตโนอยู่นี้กำลังเปิดทางให้อำนาจนอกระบบเข้ามาปฏิวัติรัฐประหาร ไปโน่นเลยครับ มันหาเรื่องโยนความผิด ป้ายสีมายังประชาชนอย่างพวกเรา แต่โดยความเป็นจริงแล้ว เหตุการณ์เดือนพฤษภาคม วันที่ 19 พฤษภาคม และการชุมนุมในช่วงมีนาฯ เมษาฯ ที่ผ่านมาชี้ชัดว่าทักษิณและระบอบทักษิณจงใจที่จะก่อสงครามกลางเมืองในประเทศ จงใจที่จะใช้การเมืองนอกระบบมายึดอำนาจของประเทศ เปลี่ยนแปลงระบอบ เปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศ โดยใช้กำลังอาวุธ กองกำลังของคนชุดดำที่ติดอาวุธ มันบอกว่าเป็นกองกำลังไม่ทราบฝ่าย แต่ปฏิบัติภารกิจอยู่ในฝ่ายของการชุมนุมของคนเสื้อแดงโดยไม่ถูกขัดขวาง มันก็ไม่ทราบฝ่ายสำหรับคนอื่น แต่พวกเราทราบฝ่ายว่ามันอยู่กับมึงนั่นล่ะ มันอยู่ในที่ชุมนุม ผู้ชุมนุมก็รู้ และก็ปฏิบัติการโดยเอาคลื่นประชาชนเป็นโล่กำบัง การเคลื่อนไหวครั้งนั้นพวกคุณต่างหากที่ต้องการใช้การเมืองนอกระบบมายึดอำนาจรัฐ เพื่อล้มระบอบการปกครอง เปลี่ยนประเทศ
แล้วทุกครั้งที่โฟนอินเข้ามา วิดีโอลิงก์เข้ามา ก็บอกอำมาตย์เป็นอย่างนั้น อำมาตย์เป็นอย่างนี้ ชนกับสถาบัน ชนกับชนชั้นสูง โจมตีบุคคลสำคัญในบ้านเมือง และต้องการที่จะล้มล้างเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศ คนพวกนี้เราก็ไม่เอาอยู่แล้ว ไอ้พวกแหล ไม่ต้องมาป้ายสีพวกเรา เราไม่เอาอยู่แล้ว เราไม่ใช่พวกเดียวกันอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้น วันนี้ ยิ่งนานวันๆ ประชาชนที่เป็นพลังเงียบ เป็นเสียง 50 เปอร์เซ็นต์ ที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครวันนี้ เขารู้แล้วว่าพวกเราเป็นพลเมืองไทย เป็นตัวของตัวเอง เราเอาแน่นอนคือประเทศไทย สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เท่านั้น คนอื่นเราไม่ต้องการ
วันนี้ทุกคนได้เห็นแล้ว ได้พิสูจน์แล้ว ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของพวกเรา ว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราก็ยังยืนอยู่ที่เดิม และจุดยืนเดิมไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าใครจะมาใส่ร้ายป้ายสี บิดเบือนพวกเราอย่างไร เราก็ไม่เคยหวั่นไหวเลย เพราะฉะนั้นวันนี้เห็นพี่น้องเดินทางไปรณรงค์กันอย่างคึกคักทุกจังหวัดทั่วประเทศ ภาคใต้เขาก็เคลื่อนไหว วันนี้ที่หาดใหญ่ ที่ตรัง ที่โคราช พรุ่งนี้ที่ขอนแก่น สระบุรี ตะวันออก ก็จะทยอยกันไปเรื่อยๆ เหลือเวลาอีก 23 วัน เป็นเวลาแห่งความสุขของพี่น้องประชาชนที่จะได้ตบกะโหลกนักการเมือง
ถ้าพี่น้องที่อยู่ทางบ้าน พี่น้องที่มีเหตุมีผล พี่น้องที่มีความรู้ มีสติปัญญา การโหวตโนเป็นการใช้สิทธิ์อย่างมีสติปัญญาที่สุดในขณะนี้ แต่การที่ตะบี้ตะบัน ดักดาน หลับหูหลับตาเลือกนักการเมืองพวกนั้นกลับเข้าไปในสภาอีกรอบหนึ่งนั้น คือการทำลายประเทศชาติบ้านเมือง และเป็นการใช้สิทธิ์อย่างไร้สติ และไม่สรุปบทเรียนความเจ็บปวดของประชาชนเลยครับ
เพราะฉะนั้นวันนี้ผมก็เลยไปเลือกเพลงๆ หนึ่งมาฝากท่าน เพลงใหม่นะครับ คือเพลงนี้ก็อยู่ในสไตล์คล้ายๆ กับเพลงที่ผมร้อง เพลงศรัทธา แต่เพลงนี้มันเสียงสูงกว่าเพลงศรัทธาประมาณสัก 2-3 บันไดเสียง ผู้ร้องต้องใช้พลังมหาศาลเลย แต่ว่าเป็นเพลงที่ให้กำลังใจ ให้กำลังใจกับประชาชน ให้กำลังใจกับทุกคนที่มีความมุ่งมั่น มีความมุ่งหมายที่จะทำอะไรให้ได้รับผลสำเร็จในสิ่งที่ดีงาม ในสิ่งที่ถูกต้อง และก็เป็นการให้กำลังใจกับคนที่เคยมีความคาดหวังกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือกับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แล้วเกิดผิดหวัง ว่าคนๆ นี้ที่เราเคยรัก เคยชอบ เคยฝากอนาคต เคยฝากความหวังกับเขาไว้ สุดท้ายเขาก็ทำให้เราเจ็บใจ เขาก็ไม่ได้ทำให้เรามีความสุขใจหรือประสบกับความสมหวัง เขากลับเหยียบย่ำทำลาย หรือแม้กระทั่งตอบแทนเราด้วยความเนรคุณพวกเราอีกต่างหาก
เมื่อเราเจอเรื่องแบบนี้ ที่ตั้งใจดี มุ่งมั่นที่จะทำความดีงาม ความสำเร็จกับตัวเองหรือกับชาติบ้านเมืองแล้ว ไม่ประสบความสำเร็จนั้น อย่าไปท้อแท้ อย่าไปสิ้นหวัง อย่าไปหยุดยั้งการดำเนินการหรือการเดินหน้าที่จะทำในสิ่งที่ดีงามและถูกต้อง อย่าหยุดยั้งในการที่จะก้าวเดินไปให้ถึงซึ่งเป้าหมายที่เราต้องการ และจงลืม ลืมไปเถิดไอ้คนที่ทำให้เราเจ็บปวด ผิดหวัง เจ็บใจ เนรคุณ ทรยศกับพวกเรานั้น จงลืมมันไปเสีย เพราะคนเหล่านั้นไร้ค่าสำหรับพวกเรา เราจงลืมมันไปและเดินไปข้างหน้า เพราะฉะนั้นผู้แต่งเพลงนี้ จึงเป็นเพลงที่ให้กำลังใจ เป็นเพลงที่สร้างสรรค์ เป็นเพลงที่มีเนื้อหาสาระที่ดี และปลุกเร้าให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชน ให้กำลังใจกับทุกคนที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจว่า จงก้าวเดินต่อไป อย่าหยุดยั้ง แล้วท่านจะชนะ ประสบความสำเร็จในชีวิตและเป้าหมายที่ท่านตั้งใจเอาไว้
ผู้แต่งนี่เป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง และพี่น้องก็คงจะเคยรู้จัก วันนี้ผมขออนุญาตเอาเพลงของคนที่รู้จักกัน แต่เขาก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก เรียกว่าในวงการกีต้าร์ คนนี้คือเขาเรียกว่า ราชาแห่งนักกีต้าร์ของประเทศไทย ที่มีเสียงกีต้าร์ที่ไพเราะ เก่ง โหยหวน ทำได้สารพัดเสียง และไม่ใช่โด่งดังเฉพาะในประเทศไทย โด่งดังไปทั่วโลก เป็นคนไทย และผมเคยคุยกับเขาในทางความคิด เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีความเข้าใจชีวิต เข้าใจผู้คน เข้าใจสังคม และมีปรัชญา ตรรกะ ในการดำเนินชึวิตและการร้องเพลง หรือการแต่งเพลง ในวิชาชีพดนตรีของเขา ฟังเพลงนี้แทนเพลงเมื่อวานนี้ เพื่อพี่น้องจะได้เดินต่อไปอย่างมั่นใจ ชื่อเพลง "อย่าหยุดยั้ง"
(เพลง : อย่าหยุดยั้ง)
ให้กำลังใจทุกท่านที่ร่วมกันรณรงค์โหวตโน ไม่ว่าที่นี่หรือไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ใดในประเทศไทย หรือในโลกนี้ สิ่งที่เราทำคือสิ่งที่จะเกิดประโยชน์กับชาติบ้านเมืองครับ
เพลงนี้ก็เป็นเพลงที่ให้กำลังใจ เรายังไม่คุ้นเคย เดี๋ยววันต่อไปก็เอาเนื้อร้องไปแจกกัน ผมคิดว่าเนื้อหาเขาก็ใช้ได้นะครับ เช่น อย่าไปแคร์ถึงเรื่องราวในครั้งก่อน อย่ามัวนอนเศร้าโศกสันต์เมื่อช้ำใจ
(เพลง : ศรัทธา)