พิษณุโลก - ชาวนาเมืองกล้วยไข่ รวมตัวปิดแยกสลกบาตร เส้นทางสายหลักเชื่อมกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เรียกร้องรัฐแก้ปัญหาข้าวเปลือกตกต่ำ ชี้ ถูกโรงสีอ้างค่าความชื้นกดราคารับซื้อ ยื่น 3 ข้อเสนอผ่าน นอภ.-ผู้ว่าฯ-นายกฯ ขีดเส้นขอคำตอบใน 3 วัน พร้อมขู่รวมตัวปิดถนนอีก
วันนี้ (21 มี.ค.) นายสุรเชรษฐ์ สีเหนี่ยง อดีตผู้ใหญ่บ้านใน อ.คลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร และเป็นประธานชมรมชาวนาจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมชาวนากำแพงเพชร ประมาณ 200 คน ได้รวมตัวปิดถนนบริเวณสี่แยกไฟแดง ต.สลกบาตร อำเภอขาณุวรลักษบุรี เส้นทางขนส่งสายหลักระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เพื่อเรียกร้องผลผลิต ราคาข้าวที่ตกต่ำ
ล่าสุด กลุ่มเกษตรกรชาวนา ได้ยื่นหนังสือแก่นายอำเภอขาณุวรลักษบุรี เพื่อส่งผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (22 มี.ค.)
ทั้งนี้ มีข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อ คือ 1.ขอให้ช่วยควบคุมโรงสีข้าวและท่าข้าว ให้รับซื้อข้าวความชื้นที่แท้จริงและเป็นธรรม 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งปัจจุบันชาวนาเกี่ยวข้าวด้วยรถเกี่ยว ความชื้นสูง 25 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ควรติดป้าย ราคาและความชื้นให้ชัดเจน ณ โรงสี หรือท่าข้าว เพราะชาวนาขายข้าวได้ราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ไม่เคยขายข้าวเกิน 8,000 บาท
2.ราคาประกัน 11,000 บาทต่อเกวียนในความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์ เหมาะสมแล้ว เป็นธรรมทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ขอให้นายกรัฐมนตรี กำหนดให้ราคาประกันที่ 11,000 บาทย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 54
3.ขอให้นายกฯเพิ่มผลผลิต เฉลี่ยจากไร่ละ 53 ถัง เป็น 70 ถัง ชาวนาจึงจะอยู่ได้
หลังจากกลุ่มเกษตรกรได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องเสร็จ ก็ได้สลายตัวไปในเวลา 14.20 น.ของวันเดียวกัน พร้อมกับประกาศว่า จะรอคำตอบอีก 3 วัน มิฉะนั้นจะร่วมกับเกษตรกรพิษณุโลก พิจิตร ออกมาชุมนุมปิดถนนอีกครั้ง ท่ามกลางตำรวจชุดควบคุมฝูงชน และตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกจราจร แต่ไม่เหตุรุนแรงใดๆ ล่าสุด รถสามารถสัญจรปกติ
วันนี้ (21 มี.ค.) นายสุรเชรษฐ์ สีเหนี่ยง อดีตผู้ใหญ่บ้านใน อ.คลองขลุง จังหวัดกำแพงเพชร และเป็นประธานชมรมชาวนาจังหวัดกำแพงเพชร พร้อมชาวนากำแพงเพชร ประมาณ 200 คน ได้รวมตัวปิดถนนบริเวณสี่แยกไฟแดง ต.สลกบาตร อำเภอขาณุวรลักษบุรี เส้นทางขนส่งสายหลักระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เพื่อเรียกร้องผลผลิต ราคาข้าวที่ตกต่ำ
ล่าสุด กลุ่มเกษตรกรชาวนา ได้ยื่นหนังสือแก่นายอำเภอขาณุวรลักษบุรี เพื่อส่งผ่านไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร นำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (22 มี.ค.)
ทั้งนี้ มีข้อเรียกร้องหลัก 3 ข้อ คือ 1.ขอให้ช่วยควบคุมโรงสีข้าวและท่าข้าว ให้รับซื้อข้าวความชื้นที่แท้จริงและเป็นธรรม 15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งปัจจุบันชาวนาเกี่ยวข้าวด้วยรถเกี่ยว ความชื้นสูง 25 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ควรติดป้าย ราคาและความชื้นให้ชัดเจน ณ โรงสี หรือท่าข้าว เพราะชาวนาขายข้าวได้ราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ไม่เคยขายข้าวเกิน 8,000 บาท
2.ราคาประกัน 11,000 บาทต่อเกวียนในความชื้น 15 เปอร์เซ็นต์ เหมาะสมแล้ว เป็นธรรมทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย แต่ขอให้นายกรัฐมนตรี กำหนดให้ราคาประกันที่ 11,000 บาทย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 54
3.ขอให้นายกฯเพิ่มผลผลิต เฉลี่ยจากไร่ละ 53 ถัง เป็น 70 ถัง ชาวนาจึงจะอยู่ได้
หลังจากกลุ่มเกษตรกรได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องเสร็จ ก็ได้สลายตัวไปในเวลา 14.20 น.ของวันเดียวกัน พร้อมกับประกาศว่า จะรอคำตอบอีก 3 วัน มิฉะนั้นจะร่วมกับเกษตรกรพิษณุโลก พิจิตร ออกมาชุมนุมปิดถนนอีกครั้ง ท่ามกลางตำรวจชุดควบคุมฝูงชน และตำรวจจราจรอำนวยความสะดวกจราจร แต่ไม่เหตุรุนแรงใดๆ ล่าสุด รถสามารถสัญจรปกติ