ASTVผู้จัดการรายวัน-หมอวรงค์ยื่นป.ป.ช.สอบทุจริตระบายข้าว หลังขายให้โรงสีพรรคพวกแบบถูกๆ นำไปขายต่อราคาแพง พร้อมถามความคืบหน้าขายข้าวจีทูจีให้จีน "มาร์ค" จี้ "ปู"แจงจำนำเจ๊งแบบตรงไปตรงมา อย่าบิดเบือน ซัดปัดความรับผิดชอบไม่ได้ ด้านนายกฯ เรียก "พาณิชย์" ถกด่วน หลังถูกแฉหนัก แถมมูดี้ส์จ่อลดเครดิต "บุญทรง"นัด 7 มิ.ย.เคลียร์ปมจำนำขาดทุน
วานนี้ (5 มิ.ย.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย นายบุญยอด สุขถิ่นไท สส.ระบบบัญชีรายชื่อ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบการ ทุจริตการระบายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวให้เอกชน โดยมีนายศักดิ์ชัย เมทินีพิศาลกุล ผอ.สำนักไต่สวนการทุจริตภาคการเมือง 1 เป็นผู้รับหนังสือ
นพ.วรงค์ได้เรียกร้องให้ตรวจสอบคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ทั้ง 10 คน ที่มีนายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ เป็นประธานและคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รวมถึงเอกชน เนื่องจากพบว่ามีการขายข้าวให้กับโรงสีโชควรลักษณ์รุ่งกิจ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี จำนวน 800 ตัน ตันละ 5,700 บาท จำนวนเงิน4.56 ล้านบาท และโรงสีโชควรลักษณ์ รุ่งกิจ ได้ขายข้าวให้กับโรงสีทรัพย์ยืนยง ในวันต่อมาในราคาตันละ 12,000 บาท จำนวนเงิน 10 ล้านบาท โดยโรงสีทรัพย์ยืนยงได้โอนเงินล่วงหน้าให้กับโรงสีโชควรลักษณ์รุ่งกิจ ในวันที่ซื้อข้าวจากคณะกรรมการระบายข้าว ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่าอาจมีการทุจริตจากโครงการนี้ เพราะสามารถที่ขายข้าวในราคาสูงกว่าที่ซื้อมาจากรัฐบาล รวมทั้งเชื่อว่าโรงสีที่ซื้อข้าวในราคาถูกเป็นเครือข่ายของนักการเมืองในรัฐบาล
นพ.วรงค์ ยังยื่นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเพิ่มเติม การระบายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ที่เคยยื่นไปก่อนหน้านี้ ที่มีการขายข้าวให้กับบริษัท จีเอสเอสจี ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนว่ามีการจดทะเบียนในประเทศไทยหรือไม่ เพราะกฎหมายการประกอบธุรกิจคนต่างด้าวจะต้องจดทะเบียนในประเทศไทย และได้รับใบอนุญาตในการค้าข้าว
**"มาร์ค"จี้ "ปู" แจงจำนำเจ๊งตรงไปตรงมา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel กรณีมูดี้ส์ที่มีสัญญาณอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยว่า ประเด็นที่น่าสนใจก็คือมันจะมี หรือไม่มี กรณีของมูดี้ส์ ปัญหาของนโยบายจำนำข้าว มีการวิพากษ์วิจารณ์กันกว้างขวาง แล้วก็มีการพูดกันในสภาเยอะมาก จึงอยากจะถามว่าทำไมนายกรัฐมนตรีไม่ได้ติดตาม เอาใจใส่ที่จะตอบ เพราะโครงการกำลังสูญเสียเงินเท่านั้นเท่านี้ ตกลงนายกรัฐมนตรีทราบหรือไม่ว่า ความเสียหายมันแค่ไหน แล้วก็นายกรัฐมนตรีกำหนดจุดยืนแล้วหรือยังว่า ที่เสียหายอยู่นี้ รัฐบาลตัดสินใจที่จะให้เสียหายอย่างนี้ต่อไป หรือรัฐบาลเห็นว่าจะต้องทบทวน
"อย่าลืมว่านายกฯ เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติด้วยนะครับ เพราะฉะนั้น ที่ผมคิดว่าน่าจะต้องเรียกร้องคือ ทำไมนายกฯ ไม่ชี้แจงตรงไปตรงมา เอาตัวเลขต่างๆ มาดู แล้วก็ตัวเลขที่คนเขาใช้กัน จะเป็นนักวิชาการ องค์กรต่างๆ เอกชน ถ้ามันไม่จริง นายกฯ มาชี้แจงได้หรือไม่ครับว่า ทำไมเขาถึงเข้าใจกันตรงกันหมดแล้วว่า โครงการนี้นำไปสู่การขาดทุนมหาศาล”
เมื่อถามว่า มีนักข่าวถามนายกฯ ว่า ทราบหรือไม่ว่าโครงการจำนำข้าวนั้นขาดทุนเท่าไร นายกฯ ตอบว่า กระทรวงพาณิชย์ยังไม่รายงาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็นั่นแหละครับ ก็ทำไมนายกรัฐมนตรีวันนี้ถึงใจเย็นขนาดที่ไม่ให้กระทรวงรายงานมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังเป็นภาระสำหรับรัฐบาล แล้วก็ประเทศชาติอย่างมากในอีกหลายปีต่อเนื่อง
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อกรณีหากมูดี้ส์ลดอับดับเครดิตประเทศไทยว่า ผลกระทบ เรื่องของต้นทุนทางการเงินก็ส่วนหนึ่ง แต่มันไม่ใช่แค่ต้นทุนทางการเงินอย่างเดียว ต้องมาดูว่า ความเสี่ยงที่กำลังเกิดขึ้น ความเสียหายที่กำลังเกิดขึ้นนั้น มันสมเหตุ สมผลหรือไม่ ผลประโยชน์ไปตกอยู่ที่ใคร อย่างที่บอก ถ้ารัฐบาลยอมขาดทุนเพื่อที่จะช่วงเกษตกร แล้วถ้าสมมติว่า มันขาดทุนแล้วทุกบาท ทุกสตางค์ไปถึงเกษตรกรจริง ก็ยอมรับกันได้ในระดับหนึ่ง ถ้ามันไม่สูงเกินไป เพราะว่ามันก็เป็นการเติมกำลังซื้อ มันก็เป็นพยุงเศรษฐกิจ แต่ว่าถ้ามันปรากฎว่า เงินทุกบาทที่ใช้ไปนั้น แค่ครึ่งเดียวไปถึงเกษตรกร ก็ต้องถามนายกรัฐมนตรีว่า ทำไมถึงไม่มีแนวคิดที่จะทบทวน ไม่ได้จะช่วยเกษตรกรอย่างเดียว ตั้งใจจะช่วยคนอื่นด้วย เพราะว่ากว่าครึ่งนึงไม่ได้ไปเกษตรกร
**ชี้"ปู"ปัดความรับผิดชอบไม่ได้
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามปัดความรับผิดชอบต่อปัญหาเรื่องโครงการรับจำนำข้าว โดยไม่สามารถระบุความเสียหายจากโครงการว่ามีเท่าไร โดยข้อมูลจากแหล่งข่าวเชื่อถือได้ที่ฝ่ายค้านได้มานั้น ความเสียหายอยู่ที่ 2.6 แสนล้านบาท และหลังจากที่ได้ข้อมูลเหล่านี้มา ก็ยังไม่มีคนในรัฐบาลออกมาโต้แย้งข้อมูลของฝ่ายค้านได้ มีแต่การโยนความรับผิดชอบกันไปมา และจนถึงวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนเท่าไร และยังมีทีท่าไม่สะทกสะท้านต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น มีแต่การออกมาตอบโต้ที่ขาดข้อมูลตัวเลขทางวิชาการ อย่างไรก็ตาม ซึ่งแม้รัฐบาลจะพยายามปกปิดเรื่องนี้ แต่คงไม่สามารถปกปิดได้ตลอด และสักวันความเสียหายที่เกิดขึ้นจะต้องปรากฏ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะปฎิเสธความรับผิดเชอบไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายของเพื่อไทยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คิด และ น.ส.ยิ่งลักษณ์เอามาทำ
**นายกฯเรียก “บุญทรง-วัชรี”หารือด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งภายหลังหารือเสร็จ นายกรัฐมนตรีได้เรียกนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และนางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือถึงปัญหาโครงการรับจำนำข้าว ที่ถูกวิพากวิจารณ์อย่างหนักในขณะนี้
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า นายกรัฐมนตรี มีความกังวลอย่างมากในโครงการดังกล่าว หลังมีข่าวว่ามูดี้ส์อาจจะลดลำดับความเชื่อถือของประเทศไทยจากการขาดทุนของนโยบายรับจำนำข้าวลง
**ปู”ปราศรัยยกย่องชาวนา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวคำปราศรัย เนื่องใน “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” ประจำปี 2556 โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า เนื่องในวันที่ 5 มิ.ย. เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ขอส่งความระลึกถึง และความปรารถนาดีมายังพี่น้องชาวนาไทยทุกคน โดยข้าวถือเป็นอาหารหลักของคนไทย เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ อาชีพการทำนาจึงมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมประเพณี สังคม จึงยกย่องให้ชาวนา เป็นกระดูกสันหลังของชาติ และการกำหนดให้มี “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” เพื่อให้ประชาชนได้ระลึกถึงความสำคัญ ของข้าวและยกย่องเชิดชูเกียรติพี่น้องชาวนาที่ต้องเหนื่อยยาก ทั้งแรงกาย แรงใจ ในการปลูกข้าวเพื่อให้ชาวไทยและชาวโลกได้มีอาหารบริโภคอย่างอุดมสมบูรณ์
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า แม้ว่าชาวนาจะได้รับการยกย่อง แต่รายได้ ตลอดจนความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่แท้จริงกลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม รัฐบาลจึงมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาที่มีอยู่เกือบ 4 ล้านครอบครัว ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ลดรายจ่าย ขยายโอกาส เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยเฉพาะการเพิ่มรายได้ให้ชาวนาจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือก และช่วยลดรายจ่ายในการเพาะปลูกโดยการใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกร การแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว และการเผยแพร่ความรู้ ที่เกี่ยวกับการปลูกข้าว ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต
**อีสานโพลเผยคนอีสานพอใจราคาข้าว
นายสุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "ความเห็นชาวอีสาน ต่อการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้า” ที่สำรวจระหว่างวันที่ 1-2 มิ.ย.2556 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,500 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด ด้านการแก้ไขปัญหาราคาข้าว ว่า ส่วนใหญ่ 61.6% พอใจ เพราะชาวนาสามารถขายข้าวได้ราคาดีขึ้น และมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น มีที่รองรับการขายข้าวของชาวนา และสามารถจำหน่ายได้โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ส่วน 38.4% ไม่พอใจ เพราะเชื่อว่ามีการทุจริตในกระบวนการ ชาวนาไม่มาไถ่ข้าวคืน เป็นการทำให้ราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้น และบางส่วนเห็นว่าราคารับซื้อข้าวยังต่ำอยู่ ต้องการให้เพิ่มขึ้นกว่านี้
นายสุทินกล่าวว่า ผลสำรวจสะท้อนกลุ่มตัวอย่างชาวอีสานเกินกว่าครึ่ง พอใจกับการแก้ไขปัญหาราคาข้าซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของอีสาน
***"บุญทรง"ตั้งโต๊ะแจงขาดทุนจำนำ7มิ.ย.นี้
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า วันที่ 7 มิ.ย.นี้ กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังจะแถลงข่าวชี้แจงตัวเลขขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวร่วมกัน โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงการคลัง และตนเข้าร่วมการชี้แจง โดยในเบื้องต้นยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวที่ดำเนินการภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน 3 โครงการ คือ โครงรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2554/55 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 2555 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกฤดูกาล 2555/56 ไม่ได้ขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทตามที่เป็นข่าว แต่ได้รวมผลการดำเนินการแทรกแซงสินค้าเกษตรเป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2546 ถึงปัจจัย โดยมั่นใจว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้จะขาดทุนต่อปีไม่เกิน 6-8 หมื่นล้านบาท หรือไม่มากไปกว่าการใช้เงินในโครงการประกันรายได้ของรัฐบาลชุดก่อนอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ตัวเลขขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท ที่คณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของกระทรวงการคลัง ทำออกมา จะต้องเสนอคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ก่อน แต่กลับไม่มีการรายงาน กขช. อย่างเป็นทางการ และนำมาเปิดเผย จึงไม่แน่ใจว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ ถึงแม้ว่าคณะกรรมการฯ ชุดนี้จะมีตัวแทนของกระทรวงร่วมอยู่ด้วย แต่ก็แค่ให้ข้อมูลไม่ใช่ให้ข้อสรุป ดังนั้น จึงให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์หารือกับกระทรวงการคลังเพื่อรวบรวมข้อมูลให้ถูกต้อง ก่อนแถลงชี้แจงอย่างเป็นทางการ
ส่วนการคืนเงินจากการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้กับกระทรวงการคลังนั้น ได้คืนไปแล้ว 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการระบายจากที่ได้จากโครงการรับจำนำฤดูกาล 2554/55 มูลค่า 8-9 หมื่นล้านบาท ที่เหลือเป็นการระบายข้าวที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาล 2555/56 โดยแผนการคืนเงินยืนยันว่าเป็นไปตามเป้าหมายเดิม คือ ภายในเดือนก.ย.จะคืนได้เพิ่มเป็น 1.49 แสนล้านบาท
***โต้ปชป. อย่าลืมฟ้องตัวเองขายข้าวเจ๊ง
นายบุญทรง กล่าวว่า กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อฟ้องร้องเรื่องการระบายข้าวของรัฐบาล รวมถึงพาดพิงถึงพ.ต.นพ.วีรวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการรมว.พาณิชย์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการระบายข้าวนั้น เป็นเรื่องส่วนตัว ตนไม่มีหน้าที่ชี้แจงแทนใคร เพราะตนได้มอบหมายงานให้แต่ละคนทำตามขอบข่ายอำนาจของแต่ละคนแล้ว และมองว่าหากพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นฟ้องเรื่องการระบายข้าว ก็ควรยื่นฟ้องการระบายข้าวสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลด้วย เพราะมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลสมัยนั้นขายข้าวได้ตันละ 5,400 บาท เท่านั้น
สำหรับกรณีที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวทำให้เครดิตความน่าเชื่อถือประเทศไทยลดลง เรื่องรับจำนำข้าวเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ประเด็นที่มูดี้ส์หยิบยกมา ตนไม่มีหน้าที่ต้องชี้แจง เป็นเรื่องของกระทรวงการคลังที่จะทำหน้าที่ชี้แจง
วานนี้ (5 มิ.ย.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย นายบุญยอด สุขถิ่นไท สส.ระบบบัญชีรายชื่อ ได้เข้ายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้ตรวจสอบการ ทุจริตการระบายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวให้เอกชน โดยมีนายศักดิ์ชัย เมทินีพิศาลกุล ผอ.สำนักไต่สวนการทุจริตภาคการเมือง 1 เป็นผู้รับหนังสือ
นพ.วรงค์ได้เรียกร้องให้ตรวจสอบคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ทั้ง 10 คน ที่มีนายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ เป็นประธานและคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน รวมถึงเอกชน เนื่องจากพบว่ามีการขายข้าวให้กับโรงสีโชควรลักษณ์รุ่งกิจ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี จำนวน 800 ตัน ตันละ 5,700 บาท จำนวนเงิน4.56 ล้านบาท และโรงสีโชควรลักษณ์ รุ่งกิจ ได้ขายข้าวให้กับโรงสีทรัพย์ยืนยง ในวันต่อมาในราคาตันละ 12,000 บาท จำนวนเงิน 10 ล้านบาท โดยโรงสีทรัพย์ยืนยงได้โอนเงินล่วงหน้าให้กับโรงสีโชควรลักษณ์รุ่งกิจ ในวันที่ซื้อข้าวจากคณะกรรมการระบายข้าว ดังนั้น จึงเชื่อได้ว่าอาจมีการทุจริตจากโครงการนี้ เพราะสามารถที่ขายข้าวในราคาสูงกว่าที่ซื้อมาจากรัฐบาล รวมทั้งเชื่อว่าโรงสีที่ซื้อข้าวในราคาถูกเป็นเครือข่ายของนักการเมืองในรัฐบาล
นพ.วรงค์ ยังยื่นให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบเพิ่มเติม การระบายข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ที่เคยยื่นไปก่อนหน้านี้ ที่มีการขายข้าวให้กับบริษัท จีเอสเอสจี ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจของจีนว่ามีการจดทะเบียนในประเทศไทยหรือไม่ เพราะกฎหมายการประกอบธุรกิจคนต่างด้าวจะต้องจดทะเบียนในประเทศไทย และได้รับใบอนุญาตในการค้าข้าว
**"มาร์ค"จี้ "ปู" แจงจำนำเจ๊งตรงไปตรงมา
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ในรายการฟ้าวันใหม่ ทาง Blue Sky Channel กรณีมูดี้ส์ที่มีสัญญาณอาจจะลดอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยว่า ประเด็นที่น่าสนใจก็คือมันจะมี หรือไม่มี กรณีของมูดี้ส์ ปัญหาของนโยบายจำนำข้าว มีการวิพากษ์วิจารณ์กันกว้างขวาง แล้วก็มีการพูดกันในสภาเยอะมาก จึงอยากจะถามว่าทำไมนายกรัฐมนตรีไม่ได้ติดตาม เอาใจใส่ที่จะตอบ เพราะโครงการกำลังสูญเสียเงินเท่านั้นเท่านี้ ตกลงนายกรัฐมนตรีทราบหรือไม่ว่า ความเสียหายมันแค่ไหน แล้วก็นายกรัฐมนตรีกำหนดจุดยืนแล้วหรือยังว่า ที่เสียหายอยู่นี้ รัฐบาลตัดสินใจที่จะให้เสียหายอย่างนี้ต่อไป หรือรัฐบาลเห็นว่าจะต้องทบทวน
"อย่าลืมว่านายกฯ เป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติด้วยนะครับ เพราะฉะนั้น ที่ผมคิดว่าน่าจะต้องเรียกร้องคือ ทำไมนายกฯ ไม่ชี้แจงตรงไปตรงมา เอาตัวเลขต่างๆ มาดู แล้วก็ตัวเลขที่คนเขาใช้กัน จะเป็นนักวิชาการ องค์กรต่างๆ เอกชน ถ้ามันไม่จริง นายกฯ มาชี้แจงได้หรือไม่ครับว่า ทำไมเขาถึงเข้าใจกันตรงกันหมดแล้วว่า โครงการนี้นำไปสู่การขาดทุนมหาศาล”
เมื่อถามว่า มีนักข่าวถามนายกฯ ว่า ทราบหรือไม่ว่าโครงการจำนำข้าวนั้นขาดทุนเท่าไร นายกฯ ตอบว่า กระทรวงพาณิชย์ยังไม่รายงาน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็นั่นแหละครับ ก็ทำไมนายกรัฐมนตรีวันนี้ถึงใจเย็นขนาดที่ไม่ให้กระทรวงรายงานมา ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากำลังเป็นภาระสำหรับรัฐบาล แล้วก็ประเทศชาติอย่างมากในอีกหลายปีต่อเนื่อง
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อกรณีหากมูดี้ส์ลดอับดับเครดิตประเทศไทยว่า ผลกระทบ เรื่องของต้นทุนทางการเงินก็ส่วนหนึ่ง แต่มันไม่ใช่แค่ต้นทุนทางการเงินอย่างเดียว ต้องมาดูว่า ความเสี่ยงที่กำลังเกิดขึ้น ความเสียหายที่กำลังเกิดขึ้นนั้น มันสมเหตุ สมผลหรือไม่ ผลประโยชน์ไปตกอยู่ที่ใคร อย่างที่บอก ถ้ารัฐบาลยอมขาดทุนเพื่อที่จะช่วงเกษตกร แล้วถ้าสมมติว่า มันขาดทุนแล้วทุกบาท ทุกสตางค์ไปถึงเกษตรกรจริง ก็ยอมรับกันได้ในระดับหนึ่ง ถ้ามันไม่สูงเกินไป เพราะว่ามันก็เป็นการเติมกำลังซื้อ มันก็เป็นพยุงเศรษฐกิจ แต่ว่าถ้ามันปรากฎว่า เงินทุกบาทที่ใช้ไปนั้น แค่ครึ่งเดียวไปถึงเกษตรกร ก็ต้องถามนายกรัฐมนตรีว่า ทำไมถึงไม่มีแนวคิดที่จะทบทวน ไม่ได้จะช่วยเกษตรกรอย่างเดียว ตั้งใจจะช่วยคนอื่นด้วย เพราะว่ากว่าครึ่งนึงไม่ได้ไปเกษตรกร
**ชี้"ปู"ปัดความรับผิดชอบไม่ได้
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ พยายามปัดความรับผิดชอบต่อปัญหาเรื่องโครงการรับจำนำข้าว โดยไม่สามารถระบุความเสียหายจากโครงการว่ามีเท่าไร โดยข้อมูลจากแหล่งข่าวเชื่อถือได้ที่ฝ่ายค้านได้มานั้น ความเสียหายอยู่ที่ 2.6 แสนล้านบาท และหลังจากที่ได้ข้อมูลเหล่านี้มา ก็ยังไม่มีคนในรัฐบาลออกมาโต้แย้งข้อมูลของฝ่ายค้านได้ มีแต่การโยนความรับผิดชอบกันไปมา และจนถึงวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ยังไม่สามารถตอบได้ว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนเท่าไร และยังมีทีท่าไม่สะทกสะท้านต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น มีแต่การออกมาตอบโต้ที่ขาดข้อมูลตัวเลขทางวิชาการ อย่างไรก็ตาม ซึ่งแม้รัฐบาลจะพยายามปกปิดเรื่องนี้ แต่คงไม่สามารถปกปิดได้ตลอด และสักวันความเสียหายที่เกิดขึ้นจะต้องปรากฏ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ จะปฎิเสธความรับผิดเชอบไม่ได้ เพราะเป็นนโยบายของเพื่อไทยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ คิด และ น.ส.ยิ่งลักษณ์เอามาทำ
**นายกฯเรียก “บุญทรง-วัชรี”หารือด่วน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการแก้ปัญหาค่าเงินบาทแข็งค่า ซึ่งภายหลังหารือเสร็จ นายกรัฐมนตรีได้เรียกนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และนางวัชรี วิมุกตายน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เพื่อหารือถึงปัญหาโครงการรับจำนำข้าว ที่ถูกวิพากวิจารณ์อย่างหนักในขณะนี้
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า นายกรัฐมนตรี มีความกังวลอย่างมากในโครงการดังกล่าว หลังมีข่าวว่ามูดี้ส์อาจจะลดลำดับความเชื่อถือของประเทศไทยจากการขาดทุนของนโยบายรับจำนำข้าวลง
**ปู”ปราศรัยยกย่องชาวนา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้กล่าวคำปราศรัย เนื่องใน “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” ประจำปี 2556 โดยมีเนื้อหาตอนหนึ่งว่า เนื่องในวันที่ 5 มิ.ย. เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ขอส่งความระลึกถึง และความปรารถนาดีมายังพี่น้องชาวนาไทยทุกคน โดยข้าวถือเป็นอาหารหลักของคนไทย เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ อาชีพการทำนาจึงมีความสำคัญต่อวัฒนธรรมประเพณี สังคม จึงยกย่องให้ชาวนา เป็นกระดูกสันหลังของชาติ และการกำหนดให้มี “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” เพื่อให้ประชาชนได้ระลึกถึงความสำคัญ ของข้าวและยกย่องเชิดชูเกียรติพี่น้องชาวนาที่ต้องเหนื่อยยาก ทั้งแรงกาย แรงใจ ในการปลูกข้าวเพื่อให้ชาวไทยและชาวโลกได้มีอาหารบริโภคอย่างอุดมสมบูรณ์
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวต่อว่า แม้ว่าชาวนาจะได้รับการยกย่อง แต่รายได้ ตลอดจนความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่แท้จริงกลับเป็นไปในทิศทางตรงกันข้าม รัฐบาลจึงมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาที่มีอยู่เกือบ 4 ล้านครอบครัว ให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ลดรายจ่าย ขยายโอกาส เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยเฉพาะการเพิ่มรายได้ให้ชาวนาจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือก และช่วยลดรายจ่ายในการเพาะปลูกโดยการใช้บัตรสินเชื่อเกษตรกร การแจกจ่ายเมล็ดพันธุ์ข้าว และการเผยแพร่ความรู้ ที่เกี่ยวกับการปลูกข้าว ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต
**อีสานโพลเผยคนอีสานพอใจราคาข้าว
นายสุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล (E-Saan Poll) ศูนย์วิจัยธุรกิจและเศรษฐกิจอีสาน (ECBER) คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง "ความเห็นชาวอีสาน ต่อการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพและราคาสินค้า” ที่สำรวจระหว่างวันที่ 1-2 มิ.ย.2556 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,500 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด ด้านการแก้ไขปัญหาราคาข้าว ว่า ส่วนใหญ่ 61.6% พอใจ เพราะชาวนาสามารถขายข้าวได้ราคาดีขึ้น และมีรายได้เพิ่มสูงขึ้น มีที่รองรับการขายข้าวของชาวนา และสามารถจำหน่ายได้โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ส่วน 38.4% ไม่พอใจ เพราะเชื่อว่ามีการทุจริตในกระบวนการ ชาวนาไม่มาไถ่ข้าวคืน เป็นการทำให้ราคาอาหารเพิ่มสูงขึ้น และบางส่วนเห็นว่าราคารับซื้อข้าวยังต่ำอยู่ ต้องการให้เพิ่มขึ้นกว่านี้
นายสุทินกล่าวว่า ผลสำรวจสะท้อนกลุ่มตัวอย่างชาวอีสานเกินกว่าครึ่ง พอใจกับการแก้ไขปัญหาราคาข้าซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของอีสาน
***"บุญทรง"ตั้งโต๊ะแจงขาดทุนจำนำ7มิ.ย.นี้
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า วันที่ 7 มิ.ย.นี้ กระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลังจะแถลงข่าวชี้แจงตัวเลขขาดทุนโครงการรับจำนำข้าวร่วมกัน โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์ ปลัดกระทรวงการคลัง และตนเข้าร่วมการชี้แจง โดยในเบื้องต้นยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวที่ดำเนินการภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน 3 โครงการ คือ โครงรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 2554/55 โครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง 2555 และโครงการรับจำนำข้าวเปลือกฤดูกาล 2555/56 ไม่ได้ขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทตามที่เป็นข่าว แต่ได้รวมผลการดำเนินการแทรกแซงสินค้าเกษตรเป็นระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2546 ถึงปัจจัย โดยมั่นใจว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลชุดนี้จะขาดทุนต่อปีไม่เกิน 6-8 หมื่นล้านบาท หรือไม่มากไปกว่าการใช้เงินในโครงการประกันรายได้ของรัฐบาลชุดก่อนอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ตัวเลขขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท ที่คณะกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำสินค้าเกษตรของกระทรวงการคลัง ทำออกมา จะต้องเสนอคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ก่อน แต่กลับไม่มีการรายงาน กขช. อย่างเป็นทางการ และนำมาเปิดเผย จึงไม่แน่ใจว่าข้อมูลดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ ถึงแม้ว่าคณะกรรมการฯ ชุดนี้จะมีตัวแทนของกระทรวงร่วมอยู่ด้วย แต่ก็แค่ให้ข้อมูลไม่ใช่ให้ข้อสรุป ดังนั้น จึงให้ปลัดกระทรวงพาณิชย์หารือกับกระทรวงการคลังเพื่อรวบรวมข้อมูลให้ถูกต้อง ก่อนแถลงชี้แจงอย่างเป็นทางการ
ส่วนการคืนเงินจากการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลให้กับกระทรวงการคลังนั้น ได้คืนไปแล้ว 1.2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นการระบายจากที่ได้จากโครงการรับจำนำฤดูกาล 2554/55 มูลค่า 8-9 หมื่นล้านบาท ที่เหลือเป็นการระบายข้าวที่ได้จากโครงการรับจำนำข้าวฤดูกาล 2555/56 โดยแผนการคืนเงินยืนยันว่าเป็นไปตามเป้าหมายเดิม คือ ภายในเดือนก.ย.จะคืนได้เพิ่มเป็น 1.49 แสนล้านบาท
***โต้ปชป. อย่าลืมฟ้องตัวเองขายข้าวเจ๊ง
นายบุญทรง กล่าวว่า กรณีที่พรรคประชาธิปัตย์เตรียมยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อฟ้องร้องเรื่องการระบายข้าวของรัฐบาล รวมถึงพาดพิงถึงพ.ต.นพ.วีรวุฒิ วัจนะพุกกะ เลขานุการรมว.พาณิชย์ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการระบายข้าวนั้น เป็นเรื่องส่วนตัว ตนไม่มีหน้าที่ชี้แจงแทนใคร เพราะตนได้มอบหมายงานให้แต่ละคนทำตามขอบข่ายอำนาจของแต่ละคนแล้ว และมองว่าหากพรรคประชาธิปัตย์จะยื่นฟ้องเรื่องการระบายข้าว ก็ควรยื่นฟ้องการระบายข้าวสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลด้วย เพราะมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลสมัยนั้นขายข้าวได้ตันละ 5,400 บาท เท่านั้น
สำหรับกรณีที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ระบุว่า โครงการรับจำนำข้าวทำให้เครดิตความน่าเชื่อถือประเทศไทยลดลง เรื่องรับจำนำข้าวเป็นเพียงหนึ่งในหลายๆ ประเด็นที่มูดี้ส์หยิบยกมา ตนไม่มีหน้าที่ต้องชี้แจง เป็นเรื่องของกระทรวงการคลังที่จะทำหน้าที่ชี้แจง