xs
xsm
sm
md
lg

“มิ่งขวัญ”นำทัพสับ“มาร์ค”ลงสนามทำศึกทั้งที่ไม่พร้อม

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง

“มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ”คือหัวหน้าทีมและบุคคลที่พรรคเพื่อไทยผลักดันให้เป็นผู้นำในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พร้อมกับเสนอชื่อแนบญัตติให้เป็นนายกรัฐมนตรีตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติให้พรรคฝ่ายค้านหากอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีจะต้องเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีแนบท้ายญัตติด้วย

ในทีมผู้อภิปรายรอบนี้ มิ่งขวัญเผยว่าจะใช้ส.ส.ในการอภิปรายไม่เกิน 20 คน โดย ส.ส.ที่จะลุกขึ้นอภิปราย 1 คนจะมีผู้ช่วยที่เป็นทีมส.ส.ด้วยกันเองในการหาข้อมูลและเตรียมการอภิปรายประมาณ 3 คน

ส่วนร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย เป็นที่ชัดเจนว่าจะไม่ร่วมวงอภิปรายต่อนข้างแน่ แม้จะถูกมิ่งขวัญ-แกนนำพรรครวมถึงส.ส.เพื่อไทยหลายสิบคนทั้งขอร้องและวิงวอนให้ช่วยเป็นพี่เลี้ยงให้มิ่งขวัญ ด้วยการร่วมทีมอภิปรายด้วย

แต่ “เหลิม บางบอน”ก็ยืนกรานไม่กลับคำพูด

เพราะหากกลับลำก็เสียคน ถึงขั้นมีข่าวบอกว่า เฉลิมพูดกับส.ส.อีสานหลายคนซึ่งเจอกันในลิฟท์ที่พรรคเพื่อไทยว่า

“ต่อให้ทักษิณมาขอร้อง ผมก็ไปร่วมทีมกับมิ่งขวัญไม่ได้ เพราะจะเสียผู้ใหญ่ เมื่อประกาศไปแล้วว่าไม่ร่วมด้วย ก็ต้องทำตามนั้น “

เหล่านี้ คือความชัดเจนล่าสุดอย่างเป็นทางการของพรรคเพื่อไทยในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบสุดท้ายของพรรคก่อนที่จะถึงการเลือกตั้งใหญ่

ขณะที่ประเด็นเรื่องการอภิปรายของพรรคจะเน้นเรื่องปัญหาความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี -การทุจริตในรัฐบาลของรัฐมนตรีบางกระทรวง-การด้อยประสิทธิภาพในการดูแลปัญหาเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน -เรื่องการสั่งสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงของนายกรัฐมนตรี ที่จะมีควันหลงติดมาอีกครั้งแม้ปีที่แล้วเพื่อไทยจะอภิปรายเรื่องนี้มาแล้วก็ตาม-ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับเพื่อนบ้านคือกัมพูชา

ทั้งหมดที่ยกมาข้างต้น เป็นเรื่องที่คาดเดาและทราบกันมานานแล้ว จึงไม่ถือว่าเป็นท่าทีล่าสุดใดๆจากพรรคเพื่อไทย

“ทีมข่าวการเมืองASTVผู้จัดการ”มองว่าการอภิปรายครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าแม้พรรคเพื่อไทยพยายามตีปี๊ปสร้างกระแสว่า

มีข้อมูลเด็ด-หลักฐานแน่น-แม้จะรอดพ้นการโหวตแต่จะไปไม่รอดทางการเมือง

อย่างไรก็ตาม เสียงสะท้อนจากหลายฝ่ายกลับพบว่าคนไม่ค่อยเชื่อน้ำยาพรรคเพื่อไทยเท่าไหร่ เหตุผลสำคัญเพราะ 2 ปีของการเป็นฝ่ายค้าน 2 ปีของการทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร หลายเสียงให้คะแนนแบบไม่ต้องคิด

“เพื่อไทยสอบตก”

แม้ครั้งที่แล้วจะอภิปรายไม่ไว้วางใจชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ในหลายเรื่องเช่นการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงของบริษัทชิโน-ไทยหรือปัญหาการบริหารงานในกระทรวงมหาดไทย

จนทำให้ส.ส.พรรคเพื่อแผ่นดิน โหวต “ไม่ไว้วางใจ”มาแล้ว แต่โดยข้อเท็จจริงก็รู้กันดีว่าที่เพื่อแผ่นดินโหวตเช่นนั้น เหตุผลหลักไม่ใช่เพราะเห็นด้วยกับข้อมูลและคำอภิปรายของฝ่ายค้าน แต่เป็นเรื่องของการงัดข้อกันในเรื่องผลประโยชน์การเมืองหลายต่อหลายกรณีของแกนนำพรรคภูมิใจไทย อย่างเนวิน ชิดชอบ-อนุทิน ชาญวีรกูล กับแกนนำพรรคเพื่อแผ่นดินอย่างไพโรจน์ สุวรรณฉวี-พินิจ จารุสมบัติ-เกษม รุ่งธนเกียรติ ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจล้วนๆ

อีกทั้งเพื่อแผ่นดินประเมินผิด คิดว่าอภิสิทธิ์ไม่กล้าปรับเพื่อแผ่นดินออกจากการร่วมรัฐบาล แต่สุดท้ายก็เสร็จหน้าหล่อจนได้ เพื่อแผ่นดินโดนถีบออกจากการร่วมรัฐบาล

ดังนั้น เพื่อไทยจึงไม่สามารถอ้างได้ว่านี้เป็นผลงานของเพื่อไทยที่อภิปรายไม่ไว้วางใจจนทำให้ส.ส.ร่วมรัฐบาลโหวตสวนรัฐมนตรีที่โดนอภิปรายมาแล้วได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

มาครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ของการลงสนามศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจของเพื่อไทย ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยไม่สามารถแสดงผลงานการเป็นพรรคการเมืองที่ต้องทำงานได้ทั้งในฐานะฝ่ายบริหารและฝ่ายค้าน ย่อมจะเป็นผลเสียต่อพรรคเอง

ที่มีโอกาสจะแสดงฝีมือให้ประชาชนได้ประจักษ์ว่า บนเส้นทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยซึ่งก็คือไทยรักไทย-พลังประชาชน ที่อยู่บนถนนการเมืองมาแล้วเกินสิบปีและเป็นพรรคที่มีส.ส.มากที่สุดสามครั้งติดต่อกันจากผลการเลือกตั้งปี 2544,2548 และ 2550 แม้ส่วนใหญ่จะทำหน้าที่ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาล แต่เมื่อถึงคราวต้องเป็นฝ่ายค้าน ก็ทำให้ประชาชนพึ่งได้ฝากความหวังได้ว่า จะตรวจสอบฝ่ายบริหารได้อย่างเข้มข้นและมีประสิทธิภาพ

หากเพื่อไทยไม่สามารถนำโอกาสตรงนี้มาสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคได้ ก็ถือเป็นความผิดพลาดร้ายแรงยิ่งนัก

โดยเฉพาะกับการสร้างฐานลูกค้าใหม่ของพรรคเพื่อไทย ที่ก่อนหน้านี้อาจเคยเลือกประชาธิปัตย์หรือพรรคการเมืองอื่น โดยไม่เคยเลือกไทยรักไทย-พลังประชาชนเลย รวมถึงกลุ่มที่ไปใช้สิทธิแต่ไม่ลงคะแนนให้ใครหรือโนโหวต แต่ตอนนี้กำลังสุดทนกับการบริหารประเทศของรัฐบาลอภิสิทธิ์และพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดในเวลานี้ ที่มีแต่เรื่องทุจริตคอรัปชั่นรวมถึงการทำให้ประเทศไทยส่อจะเสียทั้งดินแดนและศักดิ์ศรีให้กับกัมพูชา

คนกลุ่มนี้ก็อาจจะเลือกพรรคเพื่อไทยก็ได้ หากว่าคนของพรรคทำหน้าที่ฝายค้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ อภิปรายโดยมีข้อมูลข้อเท็จจริง พยานหลักฐานชัดเพื่อย้ำว่าถ้อยคำที่เขียนลงในญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเรื่องจริง เพื่อไทยก็จะได้คะแนนเสียงเพิ่มขึ้นมาเองโดยปริยาย

ทว่า กลับกันหากส.ส.เพื่อไทย ยังคงใช้เวทีอภิปรายมาทำในสิ่งเดิม ๆคือการฟอกผิดให้กับแกนนำนปช.และทักษิณ ชินวัตร ที่อยู่เบื้องหลังการเผาบ้านเผาเมือง- การสร้างหลักฐานเท็จในเรื่องการสั่งสลายการชุมนุมหรือการอภิปรายในประเด็นเรื่องปัญหาไทยกับกัมพูชา โดยพยายามพูดเพื่อเอาใจฮุน เซน ที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับทักษิณ ชินวัตร และดิสเครดิตกลุ่มๆต่าง อย่างฝ่ายพันธมิตรฯหรือกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ตลอดจนการเอาเวทีอภิปรายมายอวาทีเชลียร์ทักษิณ ชินวัตร

หรือการพูดซ้ำไปซ้ำมาวนแต่เรื่องเดิมๆตามสูตรเช่นประเทศไทยมีสองมาตรฐาน หรือการหลอกด่ารัฐมนตรี-แกนนำพรรคการเมืองคู่แข่งที่ถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่มีข้อมูลมายืนยันน้ำหนักการอภิปราย

ถ้าส.ส.เพื่อไทยคนไหน คิดจะใช้เวทีถ่ายทอดสดหวังจะเรียกคะแนนนิยมในพื้นที่ แต่กลับไม่ทำการบ้านเตรียมมาให้พร้อม แทนที่ออกทีวีแล้วจะดังคนรู้จัก มันจะกลับเป็นการฆ่าตัวตายหน้าจอไปด้วยซ้ำ

ดังนั้น เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ จึงถือเป็นเวทีพิสูจน์ทางการเมืองครั้งสำคัญของพรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะในยามที่พรรคมีปัญหาคลื่นใต้น้ำมากมาย

อันเห็นได้จากวันประชุมทีมอภิปรายนัดแรกเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ ที่ “มิ่งขวัญ”เรียกประชุมกันที่รัฐสภา ปรากฏว่า วันดังกล่าว นอกจากเฉลิมไม่เข้าร่วมเพื่อแนะนำการอภิปรายให้ส.ส.ในพรรคแล้ว ยังไปใช้ห้องประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฏรของศักดา คงเพชรที่อยู่ใกล้ๆกัน เป็นที่นัดเจอกันของคนในพรรคที่ไม่ค่อยชอบหน้ามิ่งขวัญที่จะขออภิปรายด้วย เช่น วิทยา บูรณศิริ ,วรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล เพื่อพูดคุยกันในเรื่องการอภิปรายโดยไม่ขึ้นกับทีมมิ่งขวัญ

ย่อมแสดงให้เห็นว่า เพื่อไทยเองลงทำศึกในสภาพที่ขุนพลพรรคต่างก็ไม่ยอมรับในตัวแม่ทัพอย่างมิ่งขวัญ มันจึงเป็นการศึกที่ไม่พร้อมของเพื่อไทยอย่างเห็นได้ชัด

แบบนี้บรรดารัฐมนตรีหลายคนที่เพื่อไทยประกาศจองกฐินซักฟอกไว้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรี ,สุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี,ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ,โสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม,พรทิวา นาคาสัย รมว.พาณิชย์ ,กรณ์ จาติกวนิช รมว.คลัง ,จุติ ไกรฤกษ์ รมว.ไอซีที เลยเบาใจ
กำลังโหลดความคิดเห็น