xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” อย่าถามว่าจะให้ทำไง แต่ต้องตอบว่าทำไมหงอเขมร!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน

“จะให้ช่วยแบบไหน” !?
 

คำตอบโต้แบบมีอารมณ์ของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เมื่อวานนี้ (2 กุมภาพันธ์) ต่อข้อเรียกร้องของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยให้เร่งช่วยเหลือ วีระ สมความคิด และ ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ สองคนไทยหลังจากถูกศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก 8 ปี และ 6 ปีตามลำดับ โดยไม่ชอบ ทั้งที่คนไทยดังกล่าว “ถูกลักพาตัว” บนผืนแผ่นดินไทย

ขณะเดียวกัน นั่นยังเป็นคำพูดที่แสดงออกถึงอาการ “หมดท่า” ของผู้นำประเทศไทย ที่ไม่อาจสร้างภาวะผู้นำ สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนไทยได้เลย

ที่สำคัญที่สุดในเวลานี้ก็คือ นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์จะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้นทางใดทางหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะเขามีส่วนสำคัญในการ “ยัดเยียด” ให้คนไทยทั้งสองคนดังกล่าวต้องไปติดคุกกัมพูชา

ความล้มเหลวของรัฐบาลไทย และนายกรัฐมนตรีเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ การไปยกดินแดน ยกอธิปไตย รวมไปถึงยกอำนาจทางศาลไปให้กับกัมพูชา เพียงเพื่อต้องการกลบเกลื่อนความผิดพลาดของตัวเองเท่านั้น

ถามว่าตั้งแต่เริ่มแรกที่คนไทยทั้ง 7 คนถูกจับกุมขณะเดินทางไปตรวจสอบที่ดินของคนไทยที่ได้รับความเดือดร้อนจากการถูกทางการกัมพูชารุกล้ำเข้ามายึดครอง ทั้งที่ที่ดินแปลงนั้นมีเอกสารสิทธิ์จากหน่วยงานราชการไทยอย่างถูกต้อง และที่ผ่านมาได้เคยร้องเรียนมาแล้วหลายรัฐบาล มาจนถึงรัฐบาลในชุดของอภิสิทธิ์ด้วย แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลืออย่างจริงจัง จนนำไปสู่การตรวจสอบพิสูจน์ ซึ่งใน 7 คนไทยที่ว่านั้นก็มี พนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศรวมอยู่ด้วย

แต่ปรากฎว่าเมื่อคนเหล่านั้นถูกกัมพูชาจับกุมแทนที่ในตอนแรกจะยืนยันว่าพื้นที่เป็นเขตไทย หรือจะต้องมีการพิสูจน์ให้แน่ชัดก่อน เพื่อปกป้องคนไทย อีกทั้งการจับกุมดังกล่าวไม่ใช่เป็นการ “จับโจรปล้นควาย” หรือคดีอาญาตามแนวชายแดน ตรงกันข้ามนี่คือการทวงสิทธิ์ ทวงศักดิ์ศรี อธิปไตยไทย แต่รัฐบาลกลับผลักไสไล่ส่ง

ทั้งท่าทีและคำพูดของคนในรัฐบาลไล่เรียงกันมาตั้งแต่ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง สุเทพ เทือกสุบรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มาจนถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ล้วนออกมาเป็น “ลบ” ต่อคนไทยทั้งสิ้น โดยเฉพาะคำพูดที่ไปยืนยันว่าพื้นที่ที่ถูกจับกุมเป็นของกัมพูชาหน้าตาเฉย และให้ยอมรับคำตัดสินของศาลกัมพูชา

ไม่น่าเชื่อว่า นี่คือคำพูดของผู้นำและผู้บริหารระดับสูงในรัฐบาลไทย แทนที่จะยืนยันในหลักการ หรือหากจะให้ออกมา “กลางๆ” สักหน่อยอย่างน้อยก็น่าจะยืนยันว่าจะต้องรอพิสูจน์การปักปันเขตแดนให้ชัดเจนก่อน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องไม่ยอมให้ศาลกัมพูชาดำเนินคดีกับคนไทยเหล่านั้น จะต้องเร่งรัดกดดันให้ปล่อยตัวทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข

ขณะเดียวกัน ท่าทีดังกล่าวของรัฐบาลไทยนอกจากส่งผลลบต่อคนไทยแล้ว ยังจะสร้างความยุ่งยากในเรื่องอธิปไตยของชาติตามมา นั่นคือการสูญเสียดินแดนให้กับกัมพูชา เพราะกลายเป็นว่าฝ่ายตรงข้ามได้อ้างอิงคำพูดของผู้นำรัฐบาลไทยในเรื่องเขตแดนในบริเวณนั้น ซึ่งจะส่งผลให้การรุกล้ำเข้ามาได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ และทำให้คนไทยตามแนวชายแดนต้องเสียที่ดินทำกินของตัวเองที่เคยมีเอกสารสิทธิ์มีมาแต่เดิมไปในคราวเดียวกัน

หากพิจารณาเฉพาะนายกฯ อภิสิทธิ์ จะเห็นว่าเริ่ม “หมดสภาพ” เข้าไปทุกที การพูดจาแต่ละครั้งกลับไปกลับมาจนหาความแน่นอนไม่ได้ อย่างเช่น กรณีบริเวณที่คนไทยถูกจับกุม ตอนแรกก็บอกว่าเป็นของกัมพูชา แล้วให้ยอมรับกระบวนการยุติธรรมของประเทศนั้น จากนั้นไม่นานก่อนที่พันธมิตรฯออกมาชุมนุมในวันที่ 25 มกราคมเพียงหนึ่งวัน เขาก็ได้ออกโทรทัศน์ชี้แจงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชารวมถึงผลดีของเอ็มโอยู 2543 ที่อ้างว่าทำให้กัมพูไม่สามารถรุกล้ำเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งที่ในความเป็นจริงได้กระทำการสำเร็จสมบูรณ์แล้ว มีการละเมิดอยู่ตลอดเวลา

ในการชี้แจงดังกล่าวนายกรัฐมนตรีได้เปลี่ยนท่าทีใหม่ว่าพื้นที่ที่ 7 คนไทยถูกจับกุมนั้นยัง “ไม่ชัดเจน” ยังต้องรอพิสูจน์จากคณะกรรมการปักปันเขตแดนเสียก่อน และเห็นว่าแม้ศาลกัมพูชาจะตัดสินความผิด แต่ก็ไม่มีผลต่อเขตแดน โดยหลงลืมไปว่าทั้งคำพูดในเรื่องการรุกล้ำและการให้ยอมรับศาลกัมพูชาตั้งแรกมันถือว่าทุกอย่างได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว การเปลี่ยนกลับไปกลับมาแบบนี้มันก็ยิ่งทำให้ไร้น้ำหนักลงไปอีก

กรณีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการของกระทรวงการต่างประเทศเมื่อวันที่ 31 มกราคมก็เช่นเดียวกัน ข้อ 3 ระบุให้กัมพูชารื้อวัดแก้วศิขาคีรีสวาระ และธงชาติออกไป แต่บ่ายวันรุ่งขึ้นทั้งนายกฯ รองนายกฯฝ่ายความมั่น และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร กลับออกมาพูดสวนแถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศในรัฐบาลเดียวกันว่าเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน ไม่ใช่สั่งรื้อวัดแก้วฯแต่อย่างใด

สิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเกิดขึ้นจากผลการกระทำและคำพูดของนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทั้งสิ้นที่กลับไปกลับมา ใช้วาทศิลป์เพื่อพลิกพลิ้วไปวันๆ หรือเพื่อกลบเกลื่อนความผิดของตัวเองและพวกพ้องในอดีตเท่านั้น ทำให้เกิดผลกระทบเสียอธิปไตย เสียศักดิ์ศรีของชาติอย่างน่าอัปยศที่สุด ซึ่งความผิดพลาดดังกล่าวในฐานะผู้นำประเทศจะต้องรับผิดชอบ และไม่ต้องมาถามว่าจะให้รับผิดชอบอย่างไรเป็นอันขาด!!
กำลังโหลดความคิดเห็น