“ปานเทพ” ยกข้อมูลรายงานคณะกรรมการปักปันสยาม-ฝรั่งเศส คำพิพากษาศาลโลก บอกชัดไม่มีอุปสรรคปักปันเขตแดน “เขาวิหาร” มีสันปันน้ำเป็นพรมแดน และกัมพูชาไม่มีสิทธิใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ซัดปัญหาไทย-เขมรเกิดเพราะมีเอ็มโอยู 43 เตือนวันเสาร์ยังช่วย “วีระ-ราตรี” ไม่ได้เตรียมฟังคำตัดสินจาก ปชช.
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง การเสวนา “ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน” โดย “อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์”
วันที่ 2 ก.พ. 2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงข้อความที่พรรคประชาธิปัตย์อธิบายที่เขาไม่ปักหลักเขตแดนระยะทาง 195 กิโลเมตรนั้น เป็นเพราะเขตแดนเป็นเทือกเขาอยู่ห่างไกลมีความยากลำบากในการดำเนินการ ดังนั้นจำเป็นต้องปักหลักเขตแดนในวันนี้เนื่องจากเส้นสันปันน้ำอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมหลักเขตแดนจากช่องสะงำ ถึงจังหวัดตราด ซึ่งอยู่ช่วงเวลาเดียวกันถึงทำหลักเขตแดนได้อย่างไม่มีปัญหา ในการนี้ นายปานเทพได้ยกคำพิพากษาศาลโลก ที่พูดถึงรายงานการประชุมสยามกับฝรั่งเศสชุดแรก ระหว่างเดินสำรวจจากช่องสะงำ ซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันตกของเขาวิหาร เมื่อ พ.ศ. 2449 ว่า “ได้มีการสำรวจปักปันหมดทุกพื้นที่แล้วไม่เว้นแม้แต่บริเวณเขาวิหาร ดังรายงานการประชุมระบุว่า การปักปันทั้งหมดได้เสร็จสิ้นแล้วโดยไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น และได้มีการกำหนดเส้นเขตแดนเป็นที่แน่นอนแล้วนอกจากบริเวณเสียมราฐเท่านั้น” โดยหลังจากนั้นประธานคณะกรรมการผสมฯ ได้ส่งรายงานไปยังรัฐบาลของตนเองว่า “ตลอดแนวเขาดงรักถึงแม่น้ำโขง การกำหนดหลักเขตแดนไม่ประสบความยุ่งยากใดๆ เลย” แสดงว่าไม่มีความเดือดร้อนไม่มีความยุ่งยากตรงนี้ชัดเจนมาก
“20 ธ.ค.2450 พันเอก แบร์นาร์ด ประธานฝ่ายฝรั่งเศสของคณะกรรมการผสม บรรยายไว้ในกรุงปารีส ตอนหนึ่งว่า “แทบทุกหนทุกแห่งมีสันปันน้ำประกอบเป็นพรมแดน จะมีปัญหาโต้เถียงกันได้ก็เฉพาะที่จุดปลายสุดของทั้งสองด้านเท่านั้น” แสดงว่าทิวเขาดงรักซึ่งเป็นที่ตั้งของเขาพระวิหาร ไม่ได้อยู่ปลายสุดของด้านทั้งสองของเขาดงรัก จึงไม่ประสบปัญหา แสดงให้เห็นว่าไม่เคยมีหลักเขตแดนเพราะไม่จำเป็นต้องมีหลักเขตแดน เนื่องจากมีขอบหน้าผาที่มองเห็นด้วยตาเปล่า ใช้ขอบหน้าผาป็นเส้นเขตแดน” นายปานเทพกล่าว
นายปานเทพกล่าวอีกว่า คำพิพากษาศาลโลกไม่ได้พิพากษาชี้ขาดแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ไม่พูดถึงเขตแดนอาณาเขตที่พิพาท ทำให้ตลอดระยะเวลาคำพิพากษาศาลโลก กัมพูชาไม่เคยประกาศพระราชกฤษฏีกา ใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 เลย เพิ่งมาประกาศใช้เมื่อ พ.ศ. 2550 หลังมีเอ็มโอยู 43 ได้ 7 ปี ด้วยเหตุที่เอ็มโอยู 43 มีข้อตกลงให้เอาแผนที่ 1 ต่อ 200,000 มาเทียบเขตแดนแล้วไทยไม่ปฏิเสธ ทำให้กัมพูชาหยิบคำบรรยายท้ายฟ้องที่ได้เปรียบมาลบล้างทุกประเด็นที่เราโต้แย้งเพื่อจะใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 เพียงอย่างเดียว
ทั้งนี้ การบรรยายคำฟ้องต่อศาลโลกทำให้ไทยเสียเปรียบกัมพูชาอยู่ เนื่องจากมีเส้นสีน้ำเงินโผล่ขึ้นมาอีกเส้นหนึ่งเป็นเส้นเขตแดน และกัมพูชาอาศัยการบรรยายคำฟ้องที่เขาได้เปรียบนี้ พูดกับนานาชาติว่า การเซ็นเอ็มโอยู 43 หมายถึง ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200,000 คือเส้นสีน้ำเงินเส้นเดียว ตรงนี้เราไม่ได้คิดเอง ดูได้จากเมื่อครั้งกัมพูชาฟ้องยูเนสโก ว่าไทยรุกรานตามแผนที่ 1 ต่อ 200,000 ทำให้ยูเนสโกให้เงิน 5 หมื่นเหรียญ มาสร้างตลาดในดินแดนประเทศไทยบริเวณเขาพระวิหาร
“เรามีสนธิสัญญา และผลงานคณะกรรมการปักปันฯ ที่ว่า ไม่ต้องทำเขตแดน เพราะหลักเขตแดนใช้แนวสันปันน้ำที่ปรากฎให้เห็นชัดเจนด้วยตาเปล่า นอกจากนี้ยังมีคำพิพากษาของศาลโลก ที่ระบุว่า เส้นแขตแดนตามคำพิพากษาไม่ใช่ข้อเรียกร้องที่จะต้องกล่าวถึงในบทบฏิบัติการของคำพิพากษา ดังนั้น กัมพูชาหมดสิทธิใช้แผนที่ 1 ต่อ 200,000 ถ้าเราไม่มีเอ็มโอยู 43” นายปานเทพกล่าว
ส่วนประเด็นที่รัฐบาลอ้างถ้ายกเลิกเอ็มโอยู 43 จะทำให้กัมพูชาอ้างสิทธิเหนือจังหวัดสุรินทร์และศรีสะเกษได้ตามใจชอบนั้น นายปานเทพกล่าวว่า หลักฐานต่างๆ ก็มีมากมาย ถ้าปล่อยให้เขารุกรานอยู่อย่างนี้ก็อย่าอยู่เป็นรัฐบาลเลย ต้องถามว่าก่อนมีเอ็มโอยู 43 เคยได้ยินว่ากัมพูชารุกรานประเทศไทยหรือ ที่ผ่านมาไทยกับกัมพูชาไม่เคยทะเลาะกันในเรื่องเขตแดน เพิ่งมาทะเลาะกันก็หลังเซ็นเอ็มโอยู 43 นี่แหละ
นายปานเทพกล่าวทิ้งท้ายว่า ข้อเท็จจริงที่เรานำเสนอบนเวทีพันธมิตรฯ ว่าคนไทยถูกจับตัวในดินแดนไทยมีมากมาย เพื่อต้องการช่วย “วีระ-ราตรี” ต้องการกดดันให้รัฐบาลทำหน้าที่จากหลักฐานที่เรานำเสนอ ไม่ได้ต้องการให้รัฐบาลไปต่อสู้ในชั้นศาล แต่ให้นำหลักฐานนี้ไปใช้ช่วยคนไทยไม่ถูกพิพากษาโดยศาลกัมพูชา รัฐบาลไม่ต้องห่วงการอุทธรณ์ เพราะมันไม่ใช่ประเด็น เรารู้ว่าเรื่องนี้เป็นเกมการเมือง ที่ต้องการกลั่นแกล้งให้รับโทษหนัก เพื่อให้เขายอมรับสารภาพว่ารุกล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชา ท่านเหลือเวลาอีก 2 วันหากทำไม่ได้ วันเสาร์นี้เรามาฟังฉันทานุมัติจากพี่น้องประชาชนที่นี่