“ปานเทพ” จี้ รบ.ทำทุกวิถีทางช่วย “วีระ-ราตรี” ออกจากคุกเขมรให้ได้แบบไร้เงื่อนไข ขีดเส้นพรุ่งนี้ต้องมีอะไรคืบหน้า หากไม่ทำอะไรทุกคนที่เกี่ยวกับรบ.ชุดนี้ต้องรับผิดชอบ ถามเพียงพอหรือยังที่ต้องเสียสละ 2 คนไทยรักชาติ ชัดเจนแล้วหรือยังว่า MOU 43 เป็นผลเสียต่อชีวิตคนไทย ลั่นจะสู้อย่างถึงที่สุดไม่ให้การเสียสละของ 2 คนไทยสูญเปล่า พร้อมวอนคนที่ดูอยู่หน้าจอหากอยากกดดัน รบ. ต้องออกมามากๆ ตั้งแต่พรุ่งนี้
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง การเสวนา “ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน”
วันนี้ (1 ก.พ.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวบนเวทีรวมพลังปกป้องแผ่นดิน ถึงกรณีศาลกัมพูชาตัดสินจำคุก นายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ว่าเราจะไม่ให้การเสียสละของคนไทยสูญเปล่า ตนเขียนบทความ เขียนทุกวัน พูดทุกวันว่า เมื่อไหร่รัฐบาลจะเอาข้อมูลจากภาคประชาชนไปช่วย 7 คนไทยว่าไม่ผิด แต่รัฐบาล รองนายกฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พูดกี่ครั้งแล้วว่า 7 คนไทยล้ำแดนกัมพูชา วันนี้ไงผลงานของพวกท่านไง นี่แหละคือผลงานของพวกท่าน ใครล่ะที่เอาชาวบ้านที่ไม่ได้มีส่วนได้เสียเรื่องล้ำที่ทำกินของคนไทยและมาบอกว่าสระน้ำ UN อยู่ในกัมพูชา นักการเมืองคนไหนล่ะที่บอกว่าข้อมูลคนไทยกลุ่มนี้แม่นยำถูกต้องกว่า ขอความรับผิดชอบด้วยจากนายศิริโชค โสภา
นายปานเทพกล่าวอีกว่า จะกระทืบ 7 คนไทยอีกกี่ครั้ง ว่าสระน้ำ UN อยู่ในประเทศไทย ถ้ารัฐบาลถึงชั่วโมงนี้ยังไม่ทำอะไรอีก รัฐบาลต้องรับผิดชอบ ในพรุ่งนี้รัฐบาลต้องทำทุกวิถีทางให้ 2 คนไทยออกมาให้ได้ เขาพูดทุกวันว่าพื้นที่ทั้งหมดเป็นของกัมพูชาไม่เคยมีเขมรมาอพยพ สระน้ำ UN ก็อยู่กัมพูชา ไม่เคยสักครั้งที่จะปกป้องคนไทยที่รักชาติ
วันที่ชาวสระแก้วมาบอกว่า 7 คนไทยถูกจับบนแผ่นดินไทย ทำไมไม่เอาข้อมูลที่เป็นคุณไปช่วย 7 คนไทย ประชาธิปัตย์ไม่รู้หรือว่านี่คือพื้นที่เขมรอพยพ นายอลงกรณ์ พลบุตร เคยได้รับอนุมัติจากประชาธิปัตย์สมัยที่เป็นฝ่ายค้านให้ถามกระทู้ พล.อ.ชวลิต ว่าหลักเขตจาก 45 ถึง 49 ถูกเขมรมาบุกรุกที่ทำกินของคนไทยในดินแดนประเทศไทย วันนั้นพูดอย่างไร แล้ววันนี้มาทำเป็นไม่รู้เรื่องได้อย่างไร
“ประชาธิปัตย์รู้ดีที่นี่เป็นดินแดนประเทศไทย เพราะฉะนั้นเมื่อรู้อยู่แก่ใจแต่ไม่ดำเนินการ พรุ่งนี้หากยังไม่มีอะไรคืบหน้า ทุกคนที่เกี่ยวกับรัฐบาลชุดนี้ต้องรับผิดชอบ ต้องทำทุกวิถีทางให้ 2 คนไทยออกมาอย่างไม่มีเงื่อนไข และเราให้เวลา 1 วัน” นายปานเทพกล่าว
นายปานเทพยังกล่าวอีกว่า วันนี้ในที่สุดได้ปรากฎเห็นชัดแล้วว่า MOU 43 ที่บอกว่าเป็นเครื่องมืออันดีนักหนา แล้ว 7 คนไทยถูกจับในดินแดนประเทศไทยได้อย่างไร 2 คนไทยถูกศาลเขมรพิพากษาจำคุกในดินแดนไทยได้อย่างไร MOU 43 ไม่มีประโยชน์เลย
วันที่ 31 ม.ค. กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชา ได้แถลงโต้ประเทศไทย โดยเขียนว่า พื้นฐานคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งโดยอาศัยแผนที่ผนวก 1 ได้ให้ความเห็นอย่างชัดเจน ดังต่อไปนี้ ศาลอย่างไรก็ตามเห็นว่าประเทศไทย ค.ศ. 1908-1909 ได้ยอมรับแผนที่ผนวก 1 ในฐานะผลงานของคณะกรรมการเขตแดน และด้วยเหตุนี้จึงจดจำเส้นบนแผนที่นั้นในฐานะเป็นเส้นเขตแดน ผลคือระวางพระวิหารนั้นอยู่ในแผ่นดินกัมพูชา คู่ภาคีโดยปฏิบัติจดจำเส้นด้วยเหตุนั้นเป็นผลเห็นชอบให้อ้างเส้นเขตนั้นเป็นเส้นเขตแดน อย่างไรก็ตาม ไม่มีเหตุผลที่จะคิดว่าคู่ภาคีได้แนบสิ่งสำคัญเป็นพิเศษลงในเส้นสันปันน้ำ ศาลด้วยเหตุนี้รับรู้ขอบเขต และการตีความสนธิสัญญา ที่ประกาศความชอบของเส้นตามที่นาบไว้ในพื้นที่พิพาทและอื่นๆ
“อะไรรู้มั้ย เหลือเชื่อ ตนเขียนไว้ล่วงหน้าก่อนที่จะออกแถลงการณ์ฉบับนี้ ว่าคำพิพากษาศาลโลกพิพากษาเฉพาะตัวปราสาท วันหนึ่งหากเซ็น MOU แล้วปรากฏแผนที่นี้ เขาต้องอ้างคำบรรยายคำฟ้องทันที และเขาก็ทำอย่างนั้นนั้นจริงๆ ในแถลงการณ์ของกัมพูชา และกัมพูชาไม่มีสิทธิอ้างแบบนี้หากไม่มี MOU 43” นายปานเทพกล่าว
นายปานเทพกล่าวว่า มันเกิดอะไรขึ้นที่ประเทศไทย พื้นที่สันปันน้ำที่ชัดที่สุด อยู่บนเขาพระวิหาร กัมพูชามายึดวัดมาตั้งแต่ปี 2541 แล้วก็อ้างว่าเป็นพื้นที่เพื่อจะนำไปเป็นแผนบริหารจัดการมรดกโลก ไทยจะผลักดันออกแถลงการณ์ก็บอกว่าติดข้อ 5 ใน MOU 43 คือ ห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม แล้วจะไปรื้อวัดได้อย่างไร เพราะฉะนั้น MOU 43 เป็นปัญหาใช่หรือไม่ รื้อวัดไม่ได้แล้วจะไปแก้ไขเกณฑ์มรดกโลกได้อย่างไร ก็เขาบอกว่าพื้นที่เหล่านี้ห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม ไทยห้ามผลักดัน และกัมพูชาบอกว่าเป็นของกัมพูชาเพียงฝ่ายเดียว และจะยื่นมรดกโลกกุมภาพันธ์นี้ MOU 43 นี่แหละที่จะทำให้ไทยเสียดินแดน อย่างแน่นอนแล้ว
นายปานเทพกล่าวอีกว่า พื้นที่ที่เขมรที่อพยพมาพึ่งพระบรมโพธิสมภารและอ้างข้อ 5 ใน MOU บอกว่าอพยพมาแล้วยึดที่ดินทำกินของคนไทย แล้วบอกห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม แล้วเจรจากันกี่ปีกว่าจะหาหลักเขตเจอ กัมพูชาก็จะต้องทำให้เจรจาเท่าไหร่ก็ไม่เสร็จเพราะจะได้ยึดที่ทำกินคนไทยตลอดไป
นับตั้งแต่ใช้ MOU43 มา วัดเล็กๆ ที่วัดแก้วสิขาคีรีสวาระ ไม่เคยรื้อได้แม้แต่ครั้งเดียว ยึดที่ดินทำกินไม่เคยผลักดันได้แม้แต่ครอบครัวเดียว 11 ปีที่ผ่านมาชุมชนเหล่านี้ไม่อยู่เฉย ออกลูกออกหลาน เติบโต ขยายชุมชน อพยพมาเพิ่ม แต่คนไทยห้ามใช้กำลังผลักดัน แต่ไทยแก้ไขด้วยวิธีแข่งกันชักธงที่สถูปคู่ว่าใครสูงกว่ากัน ต่อให้สูงเสียดฟ้ามันก็แก้อธิปไตยไทยไม่ได้
“มันเพียงพอหรือยังที่เราต้องเสียสละ 2 คนไทยที่เขารักชาติ และหวงแหนแผ่นดิน วันนี้ชัดเจนแล้วหรือยังว่า MOU43 เป็นผลเสียต่อชีวิตคนไทย แม้แต่คนไทยที่เขารักชาติ เราสัญญาใช่มั๊ยว่าการเสียสละของพี่วีระ พี่ราตรี ครั้งนี้ เราจะไม่ปล่อยให้รัฐบาลอยู่ง่ายๆและสบายอย่างนี้ เราจะสู้อย่างถึงที่สุด อยากให้ฮุนเซนรู้ว่าพวกเราจะไม่มีวันยอม และกัมพูชาไม่มีวันได้มรดกโลกบริเวณรอบปราสาทพระวิหารอย่างแน่นอน” นายปานเทพกล่าว
นายปานเทพกล่าวปิดท้ายอีกว่า รู้ว่ายังมีพี่น้องที่ดูเราหน้าทีวีอีกมาก แต่ยังออกมาไม่มากเพราะเห็นว่ายังไม่ถึงจุดแตกหัก แต่อยากจะบอกว่าถ้าท่านต้องการแรงกดดันเพื่อส่งไปยังรัฐบาลให้เขาต้องช่วยคุณวีระ และคุณราตรี ต้องออกมาให้มากตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ตนขอร้อง