xs
xsm
sm
md
lg

“คำนูณ” ชี้ MOU43 ต้นเหตุ รบ.ตกเป็นเบี้ยล่างเขมร แนะใช้ทหารหนุนหลัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คำนูณ สิทธิสมาน
ส.ว.คำนูณ ย้ำ ไทยแพ้ตั้งแต่ยอมรับเอ็มโอยู 43 แล้ว จี้รัฐบาลให้งบทหารเพื่อหนุนรัฐบาลปกป้องอธิปไตย โดยไม่ต้องใช้กำลัง เพื่อให้เกิดภาวะสงคราม ด้าน พล.อ.อ.วีรวิท อัดรัฐบาลล้มเหลวบริหารราชการแผ่นดิน เย้ยไทยเสียเปรียบเขมร เหตุไร้เดียงสาเรื่องการเจรจา

วันนี้ (28 ม.ค.) ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา และคณะกรรมาธิการส่งเสริมภาคประชาชนป้องกันการทุจริตและตรวจสอบภาครัฐ ได้จัดเสวนาภาคีประชาชน เรื่องศักดิ์ศรีของไทย จะคงอยู่ได้อย่างไรกรณี 7 คนไทยถูกทหารเขมรจับในแผ่นดินไทย” มีเข้าร่วมเสวนา โดยมี นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ว.สรรหา นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตทนายผู้ประสานงานคณะ ทนายฝ่ายไทยในคดีปราสาทพระวิหาร ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ พ.ศ... และ นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ โดยมีผู้เข้าร่วมงานเสวนากว่า 100 คน

โดย นายคำนูณ กล่าวว่า การยกพื้นที่บ่อน้ำที่ยูเอ็นให้เขมร เป็นหลักที่ 47 จะมีลักษณะเบี้ยวเข้ามาเกิน 5 เมตร ซึ่งตรงนี้ผู้ว่าฯจังหวัดสระแก้ว กระทรวงการต่างประเทศ เขายึดตรงเขตนี้ที่ทำให้กลุ่มคนไทย 7 คนโดนจับกุมตัวไป จนกลายเป็นการยอมรับอำนาจอธิปไตยเข้าสู่ศาลกัมพูชา เพราะนายกรัฐมนตรีเชื่อข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งอยากถามว่า ทำไมนายกฯไม่ประท้วง ซึ่งต่อไปจะทำให้เป็นปัญหาในอนาคต นี่ถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ตนรับนายกฯในเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะแถไปเรื่อย ว่า เอ็มโอยู 43 นั้นดี ตนอยากจะบอกว่าการทำเอ็มโอยูตั้งแต่ปี 2543 นั้น เป็นจุดเริ่มต้นแพ้ของคนไทยแล้ว การทำเอ็มโอยู 43 ไม่ได้แปลงสภาพเต็มพื้นที่ ซึ่งก็ทำให้ตกเป็นของเขมร ทหารของไทยจะทำอะไรไม่ได้ เพราะเกรงว่าจะขัดเอ็มโอยู 43 เมื่อเกิดเหตุจับคนไทยทั้ง 7 คน ทหารก็ทำอะไรไม่ได้ในเมื่อมันมัดมือ มัดเท้าไว้หมดแล้วจะทำอะไรได้ เพราะนายกฯไม่ได้ประท้วงเขา

นายคำนูณ กล่าวอีกว่า การทำเอ็มโอยู 43 นั้นดี เพียงแต่เกรงว่าประชาชนจะทำให้เกิดสงคราม แต่ตอนนี้กำลังมีการจัดตั้งม็อบชนม็อบ ทำนายได้เลยว่าอีกไม่นานจะมีการจัดม็อบสนุบสนุนเอ็มโอยู 43 เพราะฉะนั้น เอ็มโอยู 43 มีหรือไม่มีไม่เกี่ยวกัน แต่ไม่ได้ทำให้เขมรยินยอมรับ ซึ่งรัฐธรรมนูญกัมพูชา ระบุว่า เขตแดนของกัมพูชาไม่มีวันให้ผิดเพี้ยนจากแผนที่ 1 ต่อ 1 แสนได้ แผนที่ดังกล่าวทำขึ้นโดยประเทศฝรั่งเศส แล้วเอ็มโอยู 43 ระบุว่า ไม่ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน แบบนี้เจรจากันไปให้เกิดใหม่อีก 10 ชาติ ก็ไม่สามารถให้เขมรเปลี่ยนแปลงได้

“ผมคิดว่าไม่จำเป็นต้องให้มีสงคราม หรือมีการปะทะกันหรอก เพียงแต่รัฐบาลไทยให้งบกับทหารเพื่อหนุนหลังรัฐบาลไทย โดยเป็นพลังอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมือง และทหาร เพื่อต่อรองกับนักการเมืองกัมพูชา เหมือนกับที่ทหารไทยต่อรองให้กัมพูชาทุบป้าย เฮีย อีส คอมโบเดีย แต่รัฐบาลกำลังบิดเบือนประชาชน ว่า ถ้ามี เอ็มโอยู 43 จะทำให้ต่อรองกันได้ แต่ความจริงมันไม่ใช่” นายคำนูณ กล่าว

ด้าน พล.อ.อ.วีรวิท กล่าวว่า ในฐานะที่ตนทำงานด้านความมั่นคงมา มองการกระทำของรัฐบาล นี่คือ การล้มเหลวของการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ดูแลผลประโยชน์ของชาติ คือ ดูแลความมั่นคง รวมไปถึงอธิปไตยและประชาชน ให้มีความอยู่ดี กินดี มีความมั่นคง เจริญก้าวหน้า

ตนเคยเขียนบทความในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง โดยระบุว่า นายกฯสารภาพความบกพร่องของตัวเองโดยชัดเจน สมมติว่า เรามีบ้าน เราจะบอกลูกตัวเองหรือไม่ ซึ่งเราจะต้องทำรั้วบอกลูกตัวเองว่า อาณาเขตบ้านของเราอยู่ตรงไหน แต่รัฐบาลไม่ทำพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชาให้ชัดเจน แต่พื้นที่ของไทยที่ติดกับมาเลเซีย ยังทำทางเข้าออกให้ชัดเจนได้ แต่ตรงพื้นที่ตรงนี้ทำไมไม่มี เพราะรัฐธรรมนูญปี 2550 ของไทยระบุในมาตรา 33 ระบุบอกชัดเจนว่า เรามีสิทธิ์ทุกอาณาเขตไทย และในมาตรา 34 พูดถึงสิทธเสรีภาพในการเดินทางของคนไทย ถ้าพื้นที่ที่รัฐบาล บอกว่า ไม่ได้เป็นของประเทศอื่น รัฐบาลจะต้องบอกว่าพื้นที่นั้นเป็นของไทย

พล.อ.อ.วีรวิท กล่าวอีกว่า และการที่คนไทยทั้ง 7 คน โดนจับในพื้นที่ดังกล่าว ทางสิทธิเสรีภาพของประชาชนในกรณีนี้คนไทยต้องรับโทษ เพราะพื้นที่ที่ถูกจับไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นพื้นที่ของใคร นั่นแสดงว่า ไม่ใช่ของกัมพูชา เรื่องนี้รัฐบาลจะต้องยืนยันให้ชัดเจนว่าคืออะไร เป็นพื้นที่พิพาทหรือพื้นที่อะไร จนขณะนี้รัฐบาลก็ยังไม่ทำอะไรให้ชัดเจน อย่างไรก็ตามแม้คนไทยถูกจับ ในมาตรา 40 ได้พูดถึงสิทธิของกระบวนการยุติธรรม เมื่อคนไทยไปรุกล้ำพื้นที่ประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลจะต้องเข้าไปช่วยเหลือโดยการประกันสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่เขาต้องได้รับในไทย ซึ่งรัฐบาลจะต้องรักษาประโยชน์ของประชาชน

ตนในฐานะเป็นกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.นายกฯก็ยังไม่ให้ความสนใจเลย ตนสงสัยว่าทำไมรัฐบาลไม่ใช้มาตรฐานสากลโลกในการบริหารราชการแผ่นดิน

พล.อ.อ.วีรวิท กล่าวต่อว่า เขตหลักแดนที่ 47 ที่อยู่ข้างบ่อน้ำ เมื่อคนไทยเห็นตรงกันเราต้องบอกให้คนไทยรับทราบว่า นั่นคือเขตของเรา และเราต้องบอกทั่วโลกด้วยว่าเขตแดนที่ 47 นี้ คนไทยยืนยันว่าเป็นของคนไทย แล้วจัดให้เจ้าหน้าที่ไปดูแลพื้นที่ดังกล่าว เพื่อไม่ให้ประชาชนพลัดหลงเข้าไป ถ้าเป็นเช่นนี้กัมพูชาก็ไม่มีเอาคนไทยไปขึ้นศาลกัมพูชาได้ รัฐบาลไทยอาจจะแจ้งยูเอ็นให้ช่วยก็ได้ ถ้าเอ็มโอยู 43 ไม่ดี รัฐบาลจะต้องแก้ แต่เราขาดความสามารถในการเจรจา ที่ผ่านมา เขมรเอาเปรียบเราทุกอย่าง เขาสามารถบริหารจัดการไม่ให้เราได้เปรียบ มีแต่ประเทศไทยเท่านั้นที่เสียเปรียบเขา และอ่อนด้อยในเรื่องเจรจา

ศ.ดร.สมปอง กล่าวว่า เอ็มโอยู 43 มีการซ่อนแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งไม่เป็นธรรมกับไทย ดังนั้น รัฐบาลควรออกมายอมรับว่าทำผิด แล้วกลับไปยึดสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศส 1904 และ 1907 เพราะยังไม่ได้มีการพูดถึงแผนที่ มีเพียงการระบุให้มีการปักปันเขตแดนโดยได้รับการยอมรับจากทั้ง 2 ฝ่าย แต่แผนที่ 1 ต่อ 2 แสนนั้น เป็นการจัดทำโดยฝรั่งเศสฝ่ายเดียว ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยตั้งสูญเสียดินแดน ในวันนี้เรายังไม่เสียดินแดน ดังนั้น จึงต้องทำอย่างไรไม่ให้เสียดินแดนไป นั่นก็คือรัฐบาลต้องยกเลิกเอ็มโอยู 43 ทันที และเริ่มทำแผนที่ทั้งไทยและกัมพูชาเห็นชอบร่วมกัน

ด้าน นายเทพมนตรี นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ กล่าวว่า พยานหลักฐานทั้งทางวิชาการ และทางทหารจำนวนมากบอกว่าย้านหนองจานอยู่ในเขตประเทศไทย โดยเฉพาะคำบอกเล่าของ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็น 1 ใน 7 คนไทยที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 29 ธ.ค.53 โดยกระทรวงการต่างประเทศก็มีหลักฐานที่สามารถนำมาต่อสู้คดีให้กับ 7 คนไทยได้ แต่กลับไม่ทำอะไรเลย ทั้งยังมีคนของรัฐบาลนำเอกสารที่เป็นเท็จออกมาใช้ในการปรักปรำ 7 คนไทยด้วยกันเอง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า จุดที่ 7 คนไทยถูกจับยังอยู่ในประเทศไทย
กำลังโหลดความคิดเห็น