“ยะใส” ถามปลาทอง “กษิต” พูดไม่มีสิทธิ์ไล่ รบ.แล้วที่ขึ้นเวทีพันธมิตรฯไล่ “แม้ว” ใช้สิทธิ์อะไร ซัดกองเชลียร์ “มาร์ค” รักได้แต่อย่าเบี่ยงประเด็น วอน รบ.โปรดอย่าอ้างสงครามอีก เพราะอ่อนแอเกินกว่าจะทำสงคราม ชี้ข้อมูลความจริงเริ่มได้ผลออกฤทธิ์ทำ รบ.ดื้อด้านดิ้นสุดตัว
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสุริยะใส กตะศิลา"
วันที่ 27 ม.ค.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ กล่าวว่าตนจะไม่พูดถึง นายกษิต ภิรมย์ ในฐานะบุคคล แต่มาวิจารณ์ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ดูแนวความคิดจากการสัมภาษณ์ในวันนี้แล้ว ทำให้ตนเชื่อว่าประเทศไทยพัฒนาไปไม่ได้ นายกษิต บอกว่า เรากดดันกัมพูชาไม่ได้ ขนาดเรื่องง่ายๆ แค่กดดันอย่าไปคิดไกลถึงการรบเลย เพราะรัฐบาลชุดนี้อ่อนแอเกินกว่าจะทำสงคราม มันเป็นไปไม่ได้ และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ไม่ได้ปรารถนาเช่นนั้น เราเรียกร้องเพียงแค่ให้รัฐบาลกดดันกัมพูชา เรียกร้องศักดิ์ศรีความเป็นชาติ
นายสุริยะใส กล่าวต่อว่าที่ นายกษิต บอกว่า เราต้องพึ่งพิงการค้าตามแนวชายแดนของกัมพูชา เพราะสามารถทำรายได้ถึง 60-70 เปอร์เซ็นต์ เมื่อท่านพูดเช่นนี้ตนไม่อยากขุดคุ้ยว่าใครได้ประโยชน์ หากผลประโยชน์ตกเป็นของคนไทยทั้งหมดก็น่ายินดี แต่มีข้อคิดอย่างหนึ่งการกระทำเช่นนี้เท่ากับเราทำมาค้าขายได้แม้กระทั่งกับโจร นายกษิต เคยพูดว่า ฮุนเซน เป็นพวกกุ๊ย มาวันนี้ซื้อของกุ๊ย แล้วมันต่างกับโจรตรงไหน ทำการค้าขายไม่ใช่คำนึงถึงผลประโยชน์ชขอชาติอย่างเดียวจะต้องไม่เลยหลักการบ้านเมืองด้วย ทั้งนี้ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลไหนเราก็ไม่เคยทำการค้าแบบเสรีกับประเทศพม่า เพราะพม่ายังไม่เป็นระบอบประชาธิปไตยที่เปิดเผย
่นายสุริยะใส กล่าวต่อว่าที่ นายกษิต พูดว่า พันธมิตรฯเป็นพวกคลั่งชาติ กระหายสงคราม นั้นตนไม่เข้าใจว่า นายกษิต ไปติดกับดักนักการเมือง นักวิชาการที่จ้างมาหรือไม่ ท่านต้องคิดใหม่ พันธมิตรฯไม่เคยคิดจะให้รัฐบาล หรือประชาชนในประเทศไปเกลียดชังกัมพูชา ประชาชนทั้งสองประเทศยังเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นมันไม่ได้เกี่ยวกับประชาชนเลย แต่มันเป็นเรื่องของบุคคลคนสองคนระหว่าง นักการเมืองไทยกับนักการเมืองกัมพูชา
ส่วนที่ นายกษิต พูดว่า พันธมิตรฯ ไม่มีสิทธิ์ไปกดดันหรือขับไล่รัฐบาล นั้น ตนไม่คิดว่า นายกษิต จะเป็นนักการเมืองที่มีความทรงจำสั้น ผ่านมาไม่นานลืมสิ่งทีเคยต่อสู้ เพราะไม่อย่างนั้นช่วงพันธมิตรฯชุมนุม 193 วัน ท่านเอาสิทธิ์อะไรมาไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โปรดอย่าลืมว่าการต่อสู้ครั้งก่อนของพันธมิตรฯเพียงแต่เราเห็นว่ารัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ คอร์รัปชัน จาบจ้วงเบื้องสูง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ นายกษิต แสดงออกนี้เป็นเพียงอาการของรัฐบาลที่ขาดความมั่นใจ เนื่องจากถูกพันธมิตรฯเอาข้อมูลความจริงมาตีแผ่ ตนถึงได้บอกว่า จะต่อสู้กับรัฐบาลดื้อด้านชุดนี้ ทางที่จะได้ชัยชนะ คื้อ ข้อเท็จจริงข้อมูลเท่านั้น เราอาจไม่ต้องการคนเป็นหมื่นเป็นแสน อยู่สามพันคนแล้วเราว่ากันด้วยข้อมูลความจริง ตนเชื่อว่า รัฐบาลอยู่ได้ไม่นาน ทุกวันนี้ประชาชนที่เขาวางตัวเป็นกลางนั่งดูข่าวสารอยู่ที่บ้าน เปิดดูทั้งเสื้อแดง และพันธมิตรฯ พวกเขาสรุปเป็นเสียงเดียวกันว่าเราสุดยอด ทำการบ้านมาทุกเม็ด
“อย่าปลด นายกษิต เพื่อบูชายัญเลย ปล่อยให้ท่านทำงานต่อไป เพราะอำนาจเด็ดขาดไม่ได้อยู่ที่กระทรวงการต่างประเทศ แต่อยู่ที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเท่านั้น ดังนั้นพันธมิตรฯอย่าหลงประเด็น จุดยืนของเราเรียกร้อง 3 อย่าไขว้แขว เพราะขณะนี้เริ่มมีการปล่อยข่าวว่าจะยุบสภาหนาหูขึ้น จุดประสงค์เพื่อไม่ต้องการให้พี่น้องมาร่วมชุมนุม” นายสุริยะใส กล่าว
นายสุริยะใส กล่าวถึงอาการลุกลี้ลุกลนของรัฐบาลในขณะนี้ ว่า เป็นอาการป่วยของรัฐบาล เพราะประชาชนจำนวนมากเรียกร้องให้ยกเลิกเอ็มโอยู 43 เหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์พูดมาทั้งหมดฟังไม่ขึ้นตนเชื่อว่าสาเหตุที่รัฐบาลบ่ายเบี่ยงไม่ยกเลิกเอ็มโอยู 43 เนื่องจากกลัวเสียหน้า เพราะเอ็มโอยู43นี้ต้นกำเหนิดมาจากพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งนี้ คนในพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มออกอาการคล้ายๆ กับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ มีการตั้งกลุ่มกองเชียร์ จ้างนักวิชาการมาบิดเบือนข้อมูล ตนอยากบอกให้คนที่ทำเช่นนี้เลิกเสียเถอะ สิ่งที่คุณทำกำลังสร้างความแตกแยกให้บ้านเมือง จิตใจทำด้วยอะไรถึงกล้าบิดเบือนเช่นนี้ ตนไม่ได้ต่อว่าอะไรหากจะรัก นายอภิสิทธิ์ ซึ่งพวกเราก็รัก และวันนี้จะกลับไปรักและรักมากกว่าเดิมด้วยหากยกเลิกเอ็มโอยู 43 ตนมาทำงานพรรคการเมืองใหม่ ไม่ได้ปรารถนาจะแข่งกับใคร พรรคการเมืองหากปกป้องอธิปไตยของชาติไม่ได้ ก็ไม่รู้จะมีพรรคการเมืองไว้ทำไม อย่าคิดว่านี่คือการหาเสียงให้พรรคการเมืองใหม่ ตนไม่ใช่นักเลือกตั้ง แต่ตนชอบไล่นักเลือกตั้ง อย่ามาลดทอนกำลังการต่อสู้ที่เป็นพลังแห่งเหตุผลเหนือผลประโยชน์
“อย่าถามว่าจะมีคนมาเยอะไหม อย่าถามว่าจะชนะอย่างไร จะชนะเมื่อไร เพราะนี่เพิ่งเริ่มการต่อสู้ ขณะนี้ไกล้ถึงวันเสาร์-อาทิตย์ แล้ว พี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่อยู่ในต่างจังหวัด เริ่มเตรียมรถทยอยกันเข้ามาแล้ว เพียงแค่การใช้ข้อเท็จจริงสื่อสารกับคนทั้งประเทศ เราก็เริ่มต่อกรกับรัฐบาลได้แล้ว ถ้าหากมีคนมากๆ ยิ่งดี เพราะจะทำให้รัฐบาลเปลี่ยนแนวคิดได้เร็วขึ้น” นายสุริยะใส กล่าวทิ้งท้าย