“คำนูณ” เผยผ่านเฟซบุ๊ก “มาร์ค” คิดเอาเอง จะไม่ใช้แผนที่ 1 : 2 แสน ระวางดงรัก กัมพูชาจะไม่มีทางทำสัญญาด้วย เพราะถ้าไม่ยอมรับแผนที่ 1 : 2 แสน ก็จะขัดรัฐธรรมนูญกัมพูชา ไม่มีผลบังคับใช้ ซึ่งการเจรจา JBC กัมพูชาก็ไม่มีทางถอยจากแผนที่ 1 : 2 แสน เพราะเป็นบทบังคับ หากยังดึงดันไม่มีทางได้ข้อสรุป ไทยมีแต่จะเสียดินแดนในทางปฏิบัติต่อเนื่องไปเรื่อยๆ
วันนี้ (25 ม.ค.) นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภาระบบสรรหา ได้เขียนบันทึกในเฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่อง MOU 2543 ถุงยางรั่วและเต็มไปด้วยโรคร้าย ! โดยมีเนื้อหาสรุปได้ว่า ตามที่นายอภสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ พยายามบอกว่า เอ็มโอยู.ไทย-กัมพูชา 2543 ไม่ได้หมายถึงการยอมรับแผนที่มาตรส่วน 1 ต่อ 2 แสน ระวางดงรัก เนื่องจากคำว่า maps มีตัว s แสดงว่ามีแผนที่หลายฉบับนั้น ในความเป็นจริง ทางกัมพูชาไม่ได้เห็นด้วยกับนายกฯ และนายศิริโชค เนื่องจากหากกัมพูชาไม่ยึดตามแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน จะเท่ากับเป็นการทำผิดรัฐธรรมนูญกัมพูชา ปี 1993
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญกัมพูชาฯ ดังกล่าว ในมาตรา 2 ได้ระบุไว้ว่า ให้เขตแดนของประเทศเป็นไปตามแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 100,000 ซึ่งก็คือแผนที่ที่จัดทำขึ้นใหม่ตามแผนที่มาตราส่วน 1 ต่อ 2 แสนเดิมนั่นเอง ดังนั้น กัมพูชาไม่มีทางที่จะไปทำสัญญาเรื่องเขตแดนกับต่างประเทศให้ผิดเพี้ยนไปจากที่รัฐธรรมนูญกำหนด หรือถ้าทำไปก็ไม่มีผลบังคับใช้ เพราะขัดกับรัฐธรรมนูญของประเทศ
นายคำนูณ ระบุอีกว่า ทางกัมพูชา จึงเชื่อมั่นว่า เอ็มโอยู.2543 คือการยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน รวมทั้งบันทึก เจบีซี.ทั้ง 3 ฉบับ ก็จะยึดตามหลักการแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนเช่นกัน เอ็มโอยู.43 จึงไม่มีประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้ประเทศไทยสูญเสียดินแดน นอกจากจะยันไว้ได้แค่ระยะหนึ่งเท่านั้น ขณะเดียวกันยังทำให้กัมพูชาเข้ามาครอบครองแผ่นดินไทยได้ต่อเนื่อง ทั้งบริเวณ 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหาร และบริเวณบ้านหนองจาน รวมทั้งเดินหน้าเข้าครอบครองพื้นที่อื่นๆ อย่างแยบยลต่อไป ดังนั้น เอ็มโอยู.2543 จึงไม่ต่างจากถุงยางอนามัยที่รั่ว นอกจากจะไม่สามารถป้องกันโรคได้แล้วยังเต็มไปด้วยเชื้อโรคร้ายแรงหลายชนิด รัฐบาลจึงควรหาถุงยางอันใหม่ที่ไม่รั่วและปราศจากเชื้อโรค ซึ่งก็ไม่ได้หมายถึงการทำสงครามเสมอไป
รายละเอียดบันทึก MOU 2543 ถุงยางรั่วและเต็มไปด้วยโรคร้าย !
“นายกฯ มาร์คบอกแล้วบอกอีกว่า MOU 2543 ไม่ได้ยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 ระวางดงรัก (รับระวางอื่นหมด) ตาม "ตรรกะตัว s" ของคุณศิริโชคฯ ที่เสนอออกมาตอนปี 2552 ผมโต้มาตลอดว่าแม้จะฉลาดที่ช่างสรรหาตรรกะมาอ้าง แต่เป็นเรื่องของนายกฯ มาร์คกับคุณศิริโชคฯเท่านั้น กระทรวงต่างประเทศไทยไม่ได้เห็นด้วย และที่สำคัญ...
กัมพูชาไม่ได้ยึดถือตามมาร์ค !
วันนี้ ผมมีหลักฐานมาบอกเพิ่มเติมว่า....
กัมพูชาไม่มีทางที่จะถือว่า MOU 2543 ข้อ 1 (ค) ไม่ได้หมายที่แผนที่ 1 : 200,000 ระวางดงรัก ตามมาร์คอย่างเด็ดขาด !!
เพราะมันขัดรัฐธรรมนูญกัมพูชาครับ !!!
รัฐธรรมนูญกัมพูชา Constitution of the Kingdom of Cambodia ฉบับปี ค.ศ. 1993 หรือ พ.ศ. 2536 ซึ่งสหประชาติเข้ามาช่วยร่าง บัญญัติไว้ในมาตรา 2 หรือ Article 2 ว่า...
"The territorial integrity of the Kingdom of Cambodia, shall absolutely not to be violated within its borders as defined in the 1/100,000 scale map made between the year 1933 – 1953 and internationally recognized between the years 1963 - 1969."
เป็นรัฐธรรมนูญฉบับเดียวในโลกกระมังที่กำหนดเขตแดนไว้ตายตัวตามแผนที่ที่ระบุไว้ ในกรณีนี้คือ "แผนที่ 1 : 100,000..." ก่อนจะดูต่อไปว่าได้เจ้าแผนที่อัตราส่วนนี้คืออะไร เรามาดูรัฐธรรมนูญกัมพูชากันต่อว่ากำหนดไว้เด็ดขาดว่าการทำสัญญาใด ๆ กับต่างประเทศจะขัดกับหลักการนี้ไม่ได้ ถ้าขัด ให้ถือว่าสัญญานั้นไม่มีผลบังคับใช้
ความในมาตรา 55 หรือ Article 55 บัญญัติไว้ดังนี้...
"Any treaty and agreement incompatible with the independence, sovereignty, territorial integrity, neutrality and national unity of the Kingdom of Cambodia shall be annulled."
เอาละครับ ทีนี้มาดูว่าไอ้เจ้าแผนที่ 1 : 100,000 ที่ระบุไว้ในมาตรา 2 มันคืออะไร ดร.สุวันชัย แสงสุขเอี่ยมค้นคว้าหาข้อมูลจนพบเอกสาร "Notes on the Cambodia - Vietnam boundary maps and the delimitation 1985/2005 Treaties." ฉบับลงวันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005 ซึ่งเป็นเอกสารที่ระบุแผนที่ทุกประเภทที่กัมพูชาใช้อยู่ มีระบุในข้อ 3 ว่า...
"The Cambodia - Thailand boundary (1 : 200,000 scale) maps were "made" in 1907, based on the 1904 - 1907 Treaty ; however, the 1 : 200,000 maps were re-examined, re-verified, converted into a larger scale (1 : 100,000) and re-published in the early 1950s."
ชัดมั้ยครับพี่น้อง ?
แผนที่ 1 : 100,000 ในมาตรา 2 รัฐธรรมนูญกัมพูชา ค.ศ. 1993 ก็คือแผนที่ 1 : 200,000 จัดทำใหม่นั่นเอง
พี่น้องกลับไปอ่านมาตรา 2 และมาตรา 55 รัฐธรรมนูญกัมพูชาอีกครั้ง
ก็จะพบว่า กัมพูชาไม่มีทางที่จะทำสัญญาหรือทำข้อตกลงกับประเทศใดให้เขตแดนของเขาผิดเพี้ยนไปจากแผนที่ 1 : 200,000 ได้เลย ถ้าทำ ก็ไม่มีผลบังคับใช้ เพราะนี่เป็นบทบังคับเด็ดขาดของรัฐธรรมนูญประเทศเขา
เพราะฉะนั้น....
1. เขาจึงยอมทำ MOU 2543 กับประเทศไทย เพราะมันยอมรับบรรจุแผนที่ 1 : 200,000 ไว้ในข้อ 1 (ค) หลักการนี้มาทำซ้ำอีกครั้งใน TOR 2546, กรอบเจรจา 28 ตุลาคม 2551 เขาเชื่อและเข้าใจอย่างนี้ ไม่มีทางจะเชื่อและเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้ ไม่ว่ามาร์คของเราจะเชื่อและเข้าใจอย่างไร
2. ในการเจรจาตามกรอบ JBC เขาไม่มีทางจะถอยจากหลักการแผนที่ 1 : 200,000 ได้ เพราะเป็นบทบังคับ
MOU 2543 และการเจรจาตามกรอบ JBC จึงไม่สามารถจะทำให้ไทยได้ประโยชน์ ไม่ว่าตรงจุด 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือจุดไหน หากว่าไทยยึดถือแตกต่างออกไปจากแผนที่ 1 : 200,000
การมี MOU 2543 และการเจรจาตามกรอบ JBC จึงไม่มีประโยชน์
ตรงกันข้ามกลับมีโทษ เพราะแม้จะ "ยัน" เอาไว้แค่ไม่ได้ไทยเสียประโยชน์อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเจรจากันไปก็ไม่มีทางตกลงกันได้ มาร์คอาจจะบอกว่าอย่างน้อยก็ไม่ต้องใช้กำลังกัน
แต่อย่าลืมนะครับว่า "ยัน" ไว้อย่างนี้ ไทยก็เสียประโยชน์หรือเสียดินแดนในทางปฏิบัติต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เพราะ MOU 2543 ไม่อนุญาตให้แก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น นอกจากเจรจา และสันติวิธี
MOU 2543 เมื่อเกิดขึ้นในปี 2543 กัมพูชาก็ครอบครองแผ่นดินไทยอยู่แล้วหลายจุด ทั้งที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร และที่บ้านหนองจาน มันก็เลยทำให้เขาได้ครอบครองต่อเนื่อง เราจะไปทำอะไรก็ไม่ได้ เพราะขัดข้อ 5 และข้อ 8 มิหนำซ้ำนับแต่ลงนามมา ไทยเคารพข้อ 5 และข้อ 8 มากกว่าเขา แต่เขาไม่เคารพ คงเดินหน้าเข้ามาอย่างแยบยลทุกรูปแบบ ไม่เพียงแค่ชุมชน ตลาด แต่ยังรวมถึงวัดอีกต่างหาก
MOU 2543 จึงมีค่าเพียงแค่มัดมือมัดเท้าประเทศไทยให้หลงอยู่กับมายาภาพว่ามีถึงยางอนามัยป้องกันโรคได้
แต่แท้จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่ถุงยางอนามัยรั่ว ๆ ที่ป้องกันโรคอะไรไม่ได้อย่างที่ อ.วีระพันธ์ มาไลยพันธ์กล่าวแล้วกล่าวอีก ผมว่ามันยังเป็นถุงยางอนามัยรั่ว ๆ ที่เขรอะขระไปด้วยเชื้อโรคร้ายแรงอีกต่างหาก !
ถ้ามาร์คเชื่อว่า MOU 2543 ไม่ได้หมายถึงแผนที่ 1 : 200,000 จริง ก็เลิกเสียเถอะครับ เพราะตามหลักฐานที่ว่ามานี้กัมพูชาเขาไม่มีทางจะเชื่อหรือถือตามท่านเพราะมันขัดรัฐธรรมนูญเขาครับ
หาถุงยางอนามัยใหม่ที่ไม่รั่วและไม่เกรอะกรังไปด้วยเชื้อโรคร้ายมาใส่ดีกว่า
ซึ่งไม่ได้หมายถึงถุงยางอนามัยยี่ห้อ "สงคราม" เสมอไป
ยกเว้นเสียแต่ว่าที่ท่านกล่าวอ้างมาก็เพียงเพื่อกล่าวอ้างต่อคนไทยเท่านั้น ไม่ได้กล่าวอ้างกับกัมพูชา ?”