ข้อเสียหายที่สุดของเอ็มโอยู 2543 คือการไปยอมรับแผนที่เถื่อน 1 : 200,000 ที่ทำให้คนไทยน้ำตาตกทั้งประเทศเมื่อปี 2505 ไว้ในข้อ 1 (ค) ซึ่งจะมีผลทำให้แทนที่จะเสียแค่ตัวปราสาทพระวิหารตามคำพิพากษาของศาลโลกกลับจะทำให้ต้องเสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตรรายรอบตัวปราสาทฯและดินแดนบริเวณชายแดนส่วนอื่นตามไปด้วย
ท่านนายกฯมาร์คก็แก้ต่างง่าย ๆ โดยบอกว่า MOU 2543 ไม่ได้ยอมรับแผนที่ 1 : 200,000
โดยใช้ "ตรรกะตัว S" ของคุณศิริโชค โสภาที่เสนอออกมาตอนปี 2552
ผมโต้มาตลอดว่าแม้จะฉลาดที่ช่างสรรหาตรรกะมาอ้าง แต่เป็นเรื่องของท่านนายกฯกับคุณศิริโชคฯเท่านั้น กระทรวงต่างประเทศไทยไม่ได้เห็นด้วย เพราะเหตุผลขณะที่ทำเอ็มโอยู 2543 นั้นคือการยอมให้แผนที่ 1 : 200,000 ขึ้นมาอยู่บนโต๊ะเจรจาด้วย มีหลักฐานเป็นหนังสือทางการถึงอดีตนายกฯชวน หลีกภัยในขณะนั้น แม้แต่การชี้แจงในรัฐสภาเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2553 นี่เองท่านรัฐมนตรีต่างประเทศกษิต ภิรมย์ก็ชี้แจงไม่เหมือนตรรกะตัว S ของท่านนายกฯ และที่สำคัญที่สุดคือไม่ว่าท่านนายกฯเราจะเชื่ออย่างไรก็ตาม...
กัมพูชาไม่ได้ยึดถือตามท่านนายกฯ !
กัมพูชายึดถือว่าเอ็มโอยู 2543 ยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 ทุกระวางไม่มีเว้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งระวางดงรักแผนที่ตรงจุดปราสาทพระวิหารและดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร !!
ท่านนายกฯแสดงแต่ความบางตอนที่อ้างว่าเป็นหนังสือจากกระทรวงการต่างประเทศแจ้งไปรัฐบาลกัมพูชาว่าเอ็มโอยู 2543 ข้อ 1 (ค) ไม่ได้หมายถึงแผนที่ 1 : 200,000 ระวางดงรัก แต่ยังไม่เคยแสดงตัวจริงของหนังสือทั้งหมดรวมทั้งที่มาที่ไปและการโต้ตอบจากฝ่ายกัมพูชามาให้ดูเลย ทั้ง ๆ ที่มันเป็นปัจจัยสำคัญของเรื่อง
กัมพูชาไม่มีทางที่จะถือว่าเอ็มโอยู 2543 ข้อ 1 (ค) ไม่ได้หมายที่แผนที่ 1 : 200,000 ระวางดงรักตามท่านนายกฯของเราอย่างเด็ดขาด !
เพราะมันขัดรัฐธรรมนูญกัมพูชาครับ !!
รัฐธรรมนูญกัมพูชา Constitution of the Kingdom of Cambodia ฉบับปีค.ศ. 1993 หรือพ.ศ. 2536 ซึ่งสหประชาติเข้ามาช่วยร่าง บัญญัติไว้ใน Article 2 ว่า...
"The territorial integrity of the Kingdom of Cambodia, shall absolutely not to be violated within its borders as defined in the 1/100,000 scale map made between the year 1933 – 1953 and internationally recognized between the years 1963 - 1969."
ก่อนจะดูต่อไปว่าได้เจ้าแผนที่อัตราส่วนนี้คืออะไร เรามาดูรัฐธรรมนูญกัมพูชากันต่อว่ากำหนดไว้เด็ดขาดว่าการทำสัญญาใด ๆ กับต่างประเทศจะขัดกับหลักการนี้ไม่ได้ ถ้าขัด ให้ถือว่าสัญญานั้นไม่มีผลบังคับใช้ ความใน Article 55 บัญญัติไว้ว่า...
"Any treaty and agreement incompatible with the independence, sovereignty, territorial integrity, neutrality and national unity of the Kingdom of Cambodia shall be annulled."
ทีนี้มาดูกันว่าไอ้เจ้าแผนที่ 1 : 100,000 ที่ระบุไว้ใน Article 2 มันคืออะไร จากเอกสาร "Notes on the Cambodia - Vietnam boundary maps and the delimitation 1985/2005 Treaties." วันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005 ซึ่งเป็นเอกสารที่ระบุแผนที่ทุกประเภทที่กัมพูชาใช้อยู่ มีระบุในข้อ 3 ว่า...
"The Cambodia - Thailand boundary (1 : 200,000 scale) maps were "made" in 1907, based on the 1904 - 1907 Treaty ; however, the 1 : 200,000 maps were re-examined, re-verified, converted into a larger scale (1 : 100,000) and re-published in the early 1950s."
แผนที่ 1 : 100,000 ในมาตรา 2 รัฐธรรมนูญกัมพูชา ค.ศ. 1993 ก็คือแผนที่ 1 : 200,000 จัดทำใหม่นั่นเอง
จึงไม่มีทางครับที่กัมพูชาจะทำสัญญาหรือทำข้อตกลงกับประเทศใดให้เขตแดนของเขาผิดเพี้ยนไปจากแผนที่ 1 : 200,000 ได้เลย ถ้าทำ ก็ไม่มีผลบังคับใช้ เพราะนี่เป็นบทบังคับเด็ดขาดของรัฐธรรมนูญประเทศเขา
เพราะฉะนั้น เรื่องของเรื่องมันจึงเป็นอื่นไปไม่ได้ครับ นอกจาก....
1.กัมพูชายอมทำเอ็มโอยู 2543 กับประเทศไทย หรือพูดให้ถูกต้องคือกัมพูชาผลักดันให้ไทยทำเอ็มโอยู 2543 กับเขาได้สำเร็จ เพราะมันยอมรับบรรจุแผนที่ 1 : 200,000 ไว้ในข้อ 1 (ค) หลักการนี้มาทำซ้ำอีกครั้งในทีโออาร์ 2546, กรอบการเจรจา 2 กรอบที่รัฐสภาอนุมัติเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 เขาเชื่อและเข้าใจอย่างนี้ ไม่มีทางจะเชื่อและเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้ ไม่ว่าท่านนายกฯและคุณศิริโชคฯของเราจะเชื่อและเข้าใจอย่างไร
2.
2. ในการเจรจาตามกรอบคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ หรือเจบีซี เขาไม่มีทางจะถอยจากหลักการแผนที่ 1 : 200,000 ได้ เพราะเป็นบทบังคับ
เอ็มโอยู 2543 และการเจรจาตามกรอบเจบีซีไม่ว่าประธานฝ่ายไทยจะเป็นนายวศิน ธีรเวชญาณหรือเปลี่ยนเป็นนายอัษฎา ชัยนามแล้วก็ตาม จึงไม่สามารถจะทำให้ไทยได้ประโยชน์ หรือรักษาประโยชน์ไว้ได้ ไม่ว่าตรงจุด 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือจุดไหน หากว่าไทยยึดถือหลักการแตกต่างออกไปจากแผนที่ 1 : 200,000
การมีเอ็มโอยู 2543 และการเจรจาตามกรอบเจบีซีจึงไม่มีประโยชน์ !
ประโยชน์ที่อาจจะมีอยู่บ้างก็คือหลอกตัวเองว่าเรายังไม่เสียประโยชน์ เพราะยังอยู่ในการเจรจา ยังไม่ได้ตกลงกัน
แต่โทษมีมากกว่ามหาศาล !
เพราะถ้าแค่ "ยัน" ไว้อย่างนี้ ไทยก็เสียประโยชน์หรือ “เสียอธิปไตยเหนือดินแดนในทางปฏิบัติ” ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เพราะเอ็มโอยู 2543 ไม่อนุญาตให้แก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น นอกจากเจรจา และสันติวิธี (ข้อ 8)
นอกจากนั้น ต้องเข้าใจว่าเอ็มโอยู 2543 เมื่อเกิดขึ้นในปี 2543 กัมพูชาก็ครอบครองแผ่นดินไทยอยู่แล้วหลายจุด ทั้งที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่วัดแก้วศิขาคีรีสะวาระสร้างขึ้นในปี 2541 และที่บ้านหนองจาน ที่เริ่มเป็นปัญหามาตั้งแต่ปี 2518 และ 2522 มันก็เลยทำให้เขาได้ครอบครองต่อเนื่อง เราจะไปเปลี่แปลงสภาพอะไรไม่ได้ เพราะขัดข้อ 5
มิหนำซ้ำนับแต่ลงนามมา ไทยเคารพข้อ 5 และข้อ 8 มากกว่าเขา แต่เขาไม่เคารพหรือเคารพน้อยกว่าเรา กัมพูชาคงเดินหน้าเข้ามาอย่างแยบยลทุกรูปแบบ
เอ็มโอยู 2543 จึงมีค่าเพียงแค่มัดมือมัดเท้าประเทศไทยให้หลงอยู่กับมายาภาพว่ามีถุงยางอนามัยป้องกันโรคได้
แต่แท้จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่ถุงยางอนามัยรั่ว ๆ ที่ป้องกันโรคอะไรไม่ได้เท่านั้น มันยังเป็นถุงยางอนามัยรั่วๆ ที่เขรอะขระไปด้วยเชื้อโรคร้ายแรงอีกต่างหาก !
ท่านนายกฯมีอะไรจะตอบโต้ไหมครับ ?
เราไม่ได้ต้องการสงคราม เราไม่ได้เกลียดชังประชาชนชาวกัมพูชา และเราไม่ได้ปฏิเสธเอ็มโอยูในทุกลักษณะ โปรดกรุณาอย่า “สวมหมวก” ให้เรา !
เราเพียงแต่ปฏิเสธเอ็มโอยู 2543 ที่ยอมรับแผนที่เถื่อน 1 : 200,000 เท่านั้น !
ท่านนายกฯมาร์คก็แก้ต่างง่าย ๆ โดยบอกว่า MOU 2543 ไม่ได้ยอมรับแผนที่ 1 : 200,000
โดยใช้ "ตรรกะตัว S" ของคุณศิริโชค โสภาที่เสนอออกมาตอนปี 2552
ผมโต้มาตลอดว่าแม้จะฉลาดที่ช่างสรรหาตรรกะมาอ้าง แต่เป็นเรื่องของท่านนายกฯกับคุณศิริโชคฯเท่านั้น กระทรวงต่างประเทศไทยไม่ได้เห็นด้วย เพราะเหตุผลขณะที่ทำเอ็มโอยู 2543 นั้นคือการยอมให้แผนที่ 1 : 200,000 ขึ้นมาอยู่บนโต๊ะเจรจาด้วย มีหลักฐานเป็นหนังสือทางการถึงอดีตนายกฯชวน หลีกภัยในขณะนั้น แม้แต่การชี้แจงในรัฐสภาเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2553 นี่เองท่านรัฐมนตรีต่างประเทศกษิต ภิรมย์ก็ชี้แจงไม่เหมือนตรรกะตัว S ของท่านนายกฯ และที่สำคัญที่สุดคือไม่ว่าท่านนายกฯเราจะเชื่ออย่างไรก็ตาม...
กัมพูชาไม่ได้ยึดถือตามท่านนายกฯ !
กัมพูชายึดถือว่าเอ็มโอยู 2543 ยอมรับแผนที่ 1 : 200,000 ทุกระวางไม่มีเว้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งระวางดงรักแผนที่ตรงจุดปราสาทพระวิหารและดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตร !!
ท่านนายกฯแสดงแต่ความบางตอนที่อ้างว่าเป็นหนังสือจากกระทรวงการต่างประเทศแจ้งไปรัฐบาลกัมพูชาว่าเอ็มโอยู 2543 ข้อ 1 (ค) ไม่ได้หมายถึงแผนที่ 1 : 200,000 ระวางดงรัก แต่ยังไม่เคยแสดงตัวจริงของหนังสือทั้งหมดรวมทั้งที่มาที่ไปและการโต้ตอบจากฝ่ายกัมพูชามาให้ดูเลย ทั้ง ๆ ที่มันเป็นปัจจัยสำคัญของเรื่อง
กัมพูชาไม่มีทางที่จะถือว่าเอ็มโอยู 2543 ข้อ 1 (ค) ไม่ได้หมายที่แผนที่ 1 : 200,000 ระวางดงรักตามท่านนายกฯของเราอย่างเด็ดขาด !
เพราะมันขัดรัฐธรรมนูญกัมพูชาครับ !!
รัฐธรรมนูญกัมพูชา Constitution of the Kingdom of Cambodia ฉบับปีค.ศ. 1993 หรือพ.ศ. 2536 ซึ่งสหประชาติเข้ามาช่วยร่าง บัญญัติไว้ใน Article 2 ว่า...
"The territorial integrity of the Kingdom of Cambodia, shall absolutely not to be violated within its borders as defined in the 1/100,000 scale map made between the year 1933 – 1953 and internationally recognized between the years 1963 - 1969."
ก่อนจะดูต่อไปว่าได้เจ้าแผนที่อัตราส่วนนี้คืออะไร เรามาดูรัฐธรรมนูญกัมพูชากันต่อว่ากำหนดไว้เด็ดขาดว่าการทำสัญญาใด ๆ กับต่างประเทศจะขัดกับหลักการนี้ไม่ได้ ถ้าขัด ให้ถือว่าสัญญานั้นไม่มีผลบังคับใช้ ความใน Article 55 บัญญัติไว้ว่า...
"Any treaty and agreement incompatible with the independence, sovereignty, territorial integrity, neutrality and national unity of the Kingdom of Cambodia shall be annulled."
ทีนี้มาดูกันว่าไอ้เจ้าแผนที่ 1 : 100,000 ที่ระบุไว้ใน Article 2 มันคืออะไร จากเอกสาร "Notes on the Cambodia - Vietnam boundary maps and the delimitation 1985/2005 Treaties." วันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 2005 ซึ่งเป็นเอกสารที่ระบุแผนที่ทุกประเภทที่กัมพูชาใช้อยู่ มีระบุในข้อ 3 ว่า...
"The Cambodia - Thailand boundary (1 : 200,000 scale) maps were "made" in 1907, based on the 1904 - 1907 Treaty ; however, the 1 : 200,000 maps were re-examined, re-verified, converted into a larger scale (1 : 100,000) and re-published in the early 1950s."
แผนที่ 1 : 100,000 ในมาตรา 2 รัฐธรรมนูญกัมพูชา ค.ศ. 1993 ก็คือแผนที่ 1 : 200,000 จัดทำใหม่นั่นเอง
จึงไม่มีทางครับที่กัมพูชาจะทำสัญญาหรือทำข้อตกลงกับประเทศใดให้เขตแดนของเขาผิดเพี้ยนไปจากแผนที่ 1 : 200,000 ได้เลย ถ้าทำ ก็ไม่มีผลบังคับใช้ เพราะนี่เป็นบทบังคับเด็ดขาดของรัฐธรรมนูญประเทศเขา
เพราะฉะนั้น เรื่องของเรื่องมันจึงเป็นอื่นไปไม่ได้ครับ นอกจาก....
1.กัมพูชายอมทำเอ็มโอยู 2543 กับประเทศไทย หรือพูดให้ถูกต้องคือกัมพูชาผลักดันให้ไทยทำเอ็มโอยู 2543 กับเขาได้สำเร็จ เพราะมันยอมรับบรรจุแผนที่ 1 : 200,000 ไว้ในข้อ 1 (ค) หลักการนี้มาทำซ้ำอีกครั้งในทีโออาร์ 2546, กรอบการเจรจา 2 กรอบที่รัฐสภาอนุมัติเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2551 เขาเชื่อและเข้าใจอย่างนี้ ไม่มีทางจะเชื่อและเข้าใจเป็นอย่างอื่นได้ ไม่ว่าท่านนายกฯและคุณศิริโชคฯของเราจะเชื่อและเข้าใจอย่างไร
2.
2. ในการเจรจาตามกรอบคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมฯ หรือเจบีซี เขาไม่มีทางจะถอยจากหลักการแผนที่ 1 : 200,000 ได้ เพราะเป็นบทบังคับ
เอ็มโอยู 2543 และการเจรจาตามกรอบเจบีซีไม่ว่าประธานฝ่ายไทยจะเป็นนายวศิน ธีรเวชญาณหรือเปลี่ยนเป็นนายอัษฎา ชัยนามแล้วก็ตาม จึงไม่สามารถจะทำให้ไทยได้ประโยชน์ หรือรักษาประโยชน์ไว้ได้ ไม่ว่าตรงจุด 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือจุดไหน หากว่าไทยยึดถือหลักการแตกต่างออกไปจากแผนที่ 1 : 200,000
การมีเอ็มโอยู 2543 และการเจรจาตามกรอบเจบีซีจึงไม่มีประโยชน์ !
ประโยชน์ที่อาจจะมีอยู่บ้างก็คือหลอกตัวเองว่าเรายังไม่เสียประโยชน์ เพราะยังอยู่ในการเจรจา ยังไม่ได้ตกลงกัน
แต่โทษมีมากกว่ามหาศาล !
เพราะถ้าแค่ "ยัน" ไว้อย่างนี้ ไทยก็เสียประโยชน์หรือ “เสียอธิปไตยเหนือดินแดนในทางปฏิบัติ” ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ เพราะเอ็มโอยู 2543 ไม่อนุญาตให้แก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น นอกจากเจรจา และสันติวิธี (ข้อ 8)
นอกจากนั้น ต้องเข้าใจว่าเอ็มโอยู 2543 เมื่อเกิดขึ้นในปี 2543 กัมพูชาก็ครอบครองแผ่นดินไทยอยู่แล้วหลายจุด ทั้งที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร ที่วัดแก้วศิขาคีรีสะวาระสร้างขึ้นในปี 2541 และที่บ้านหนองจาน ที่เริ่มเป็นปัญหามาตั้งแต่ปี 2518 และ 2522 มันก็เลยทำให้เขาได้ครอบครองต่อเนื่อง เราจะไปเปลี่แปลงสภาพอะไรไม่ได้ เพราะขัดข้อ 5
มิหนำซ้ำนับแต่ลงนามมา ไทยเคารพข้อ 5 และข้อ 8 มากกว่าเขา แต่เขาไม่เคารพหรือเคารพน้อยกว่าเรา กัมพูชาคงเดินหน้าเข้ามาอย่างแยบยลทุกรูปแบบ
เอ็มโอยู 2543 จึงมีค่าเพียงแค่มัดมือมัดเท้าประเทศไทยให้หลงอยู่กับมายาภาพว่ามีถุงยางอนามัยป้องกันโรคได้
แต่แท้จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่ถุงยางอนามัยรั่ว ๆ ที่ป้องกันโรคอะไรไม่ได้เท่านั้น มันยังเป็นถุงยางอนามัยรั่วๆ ที่เขรอะขระไปด้วยเชื้อโรคร้ายแรงอีกต่างหาก !
ท่านนายกฯมีอะไรจะตอบโต้ไหมครับ ?
เราไม่ได้ต้องการสงคราม เราไม่ได้เกลียดชังประชาชนชาวกัมพูชา และเราไม่ได้ปฏิเสธเอ็มโอยูในทุกลักษณะ โปรดกรุณาอย่า “สวมหมวก” ให้เรา !
เราเพียงแต่ปฏิเสธเอ็มโอยู 2543 ที่ยอมรับแผนที่เถื่อน 1 : 200,000 เท่านั้น !