“โฆษกมาร์ค” ตอก “เพื่อแม้ว” อย่ามัวพล่ามรัฐใช้งบกลางแลกประโยชน์พรรคร่วมฯ ท้าหาพยาน-หลักฐานมาพิสูจน์ เย้ยหาจุดยืนแก้ รธน.ให้ได้ก่อน อย่าทำตัวเป็นลิงหลอกเจ้า แขวะลิ่วล้อ พท.ปลุกผีปฏิวัติมาหลอกกันเอง ซัด “ประชา” ตัวปล่อยข่าวลวง
วันนี้ (24 ม.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประขำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหารัฐบาลจัดงบกลางปี เพื่อต่อรองและแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อแลกเปลี่ยนกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า พรรคเพื่อไทยสักแต่จะพูดไปวันๆ ไม่ไปศึกษาหาข้อมูลและทำการบ้านในเรื่องนี้ให้ดีพอ ซึ่งการจัดงบประมาณกลางปีได้เคยจัดทำมาเกือบทุกรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ เพียงแต่ในรัฐบาลชุดนี้มีการจัดเก็บภาษีเกินเป้าที่ประมาณการไว้จำนวน 120,000 ล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลจึงนำเม็ดเงิน 100,000 ล้านบาทมาจัดงบกลางปีเป็นงบประมาณคืนเงินคงคลัง 84,000 ล้านบาท ส่วนอีก 26000 ล้านบาทได้จัดสรรสันผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อนำไปใช้จ่ายในโครงการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโครงการเดิมของรัฐบาลทั้งสิ้น ดังนั้นก็อยากถามว่ารัฐบาลได้นำเม็ดเงินการจัดงบประมาณกลางปีไปหาประโยชน์แบ่งปันกับพรรคร่วมรัฐบาลตรงไหน ทั้งนี้ อยากท้าให้พรรคเพื่อไทยไปตรวจสอบและหาพยานหลักฐามาให้ได้ก่อนที่จะไม่กล่าวหาเพียงลอยๆ ถ้าไม่เป็นจริงตามที่กล่าวหาพรรคเพื่อไทยจะรับผิดชอบอย่างไร
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยประกาศไม่ร่วมสังฆกรรมกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผ่านมาหลายวันแล้วก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้นั้น นายเทพไทกล่าวว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยจะไม่ร่วมพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จริง พรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไรกับสมาชิกพรรค 5-6 คนที่ได้ยื่นคำแปรญัตติเอาไว้ ซึ่งอยากให้พรรคเพื่อไทยแสดงจุดยืนที่ชัดเจน อย่าตีสองหน้าหรือทำตัวเป็นลิงหลอกเจ้า อย่าเอาแต่ประโยชน์ให้แก่ตัวเอง สำหรับเรื่องนี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้รู้สึกวิตกกังวลใดๆ ทั้งสิ้น และจะไม่เคลื่อนไหวกดดันพรคร่วมรัฐบาลอย่างแน่นอน ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจะเข้าร่วมโหวตด้วยหรือไม่ จะโหวตสนับสนุนสูตรไหนจะเล่นเกมการเมืองอย่างไรก็เป็นสิทธิที่ทำได้ แต่ทุกอย่างพรรคประชาธิปัตย์ก็จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของรัฐสภา ซึ่งถ้ากฎหมายแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตกไปก็กลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี 50 แต่ถ้ากฎหมายผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาก็ประกาศใช้ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปจงไม่มีเรื่องใดที่ต้องทำให้วิตกกังวล
นายเทพไทกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาให้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องการปฏิวัติรัฐประหาร และระบุถึงผู้จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปว่า เป็นนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ว่าข้อมูลดังกล่าวน่าจะเป็นข้อมูลที่ขาดความน่าเชื่อถือเพราะคนที่ออกมาพูดคือนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ก็มีพฤติกรรมปล่อยข่าวลวงมาหลายครั้ง ถ้าดูสถานการณ์การเมืองขณะนี้ไม่มีเงื่อนไขใดๆ ที่จะนำไปสู่ข้ออ้างการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งประชาชนไม่สามารถจะยอมรับการปฏิวัติได้อีกต่อไป เพราะถือว่าเป็นการถอยหลังเข้าคลองและโลกในปัจจุบันก็ไม่ยอมรับผู้นำประเทศที่มาจากการปฏิวัติรัฐประหาร ถ้าเปรียบเทียบบ้านเมืองในขณะนี้กับยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีมีความแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงในยุคนั้นต้องยอมรับว่าบ้านเมืองถึงทางตันสังคมไม่มีทางออก จึงเกิดเหตุปฏิวัติ 19 ก.ย.49 ขึ้นมาด้วยเหตุผลมีการโกงกินอย่างมโหฬารมีการแทรกแซงองค์กรอิสระ มีการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง และมีความแตกแยกเกิดขึ้นในสังคม แต่เหตุการบ้านเมืองขณะนี้ไม่ได้เลวร้ายเหมือนเหตุการณ์ในวันนั้น แต่การปล่อยข่าวดังกล่าวน่าจะเป็นการปลุกผีปฏิวัติขึ้นมาหลอกกันเอง เหมือนคนชอบเล่าเรื่องผีแล้วเกิดการกลัวผีขึ้นมา ทั้งที่ไม่รู้ว่าผีมีจริงหรือไม่ในโลกนี้
