วานนี้(5 ม.ค.54)นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง การประชุมของคณะกรรมาธิการพิจารณา ร่าง รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่มีหารหยิบยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 – 98 ที่ว่าด้วย เขตเลือกตั้ง ขึ้นมาพิจารณา และมองว่า การกำหนดเขต และจำนวนส.ส. จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบพรรคอื่น เพราะมีการลดจำนวนส.ส.ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานลงนั้นดูเหมือนเป็นการ เข้าล๊อกพรรคประชาธิปัตย์ นั้น ว่า คงไม่ได้เข้าล๊อกพรรคประชาธิปัตย์ แต่ร่างที่คณะกรรมการชุดที่มีนายสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน เสนอมาเป็นอย่างนั้น และมีการพิจารณารับหลักการแบบนั้น สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ยืนยันว่าจะขอยึดแนวทางดังกล่าว ก็ต้องว่ากันไป
เมื่อถามว่าทางพรรคร่วมรัฐบาลติงว่า การกลับไปใช้แบบ ส.ส.เขต 375 คน และ ส.ส.สัดส่วน 125 คน จะทำให้จำนวนส.ส.เขต ของพรรคอื่นถูกตัดไป แต่ทางพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ ถูกตัดไปแค่ 4 ที่นั่ง นายสุเทพ กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง ก็จะมีทั้งคนที่ชอบ และไม่ชอบในพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็น อย่าไปเคร่งเครียดจนเสียสุขภาพ ตนยืนยันได้ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้คิดเรื่องความได้เปรียบ เสียเปรียบอะไร เมื่อถามว่า กี่ปีการเมืองไทยจะหลุดจากน้ำเน่า เพราะที่ผ่านมา มีส.ส.เน่าๆ อยู่เป็นจจำนวนมาก นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ดีขึ้นมาเยอะ พ้นมาเยอะแล้ว และเป็นเรื่องที่ต้องทำต่อไป
**เทพไท แนะพรรคฯจัดระเบียบลดส.ส.
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ความเห็นต่างขณะนี้ถือเป็นความเห็นโดยอิสระ ดังนั้นจึงควรเคารพกัน ส่วนกรณีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ที่ออกมาพูดถึงการตัดระบบบัญชีรายชื่อ ก็มีการวิพากษ์วิจาณ์ว่า เป็นการต่อรอง เล่นละคร จึงอยากจะเรียนว่า เป็นอิสระของพรรคการเมือง และพรรคการเมือง มีจุดยืนแตกต่างกัน แม้แต่พรรคร่วมก็ยังมีความเห็นต่างกันในหลาบประเด็น เช่น การลดจำนวน ส.ส. เขตเหลือ 375 เขต เมื่อดูความเคลื่อนไหว จะเห็นว่า คนที่คัดค้านเป็น ส.ส.ที่มาจากจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเป็นส่วนใหญ่
ส่วนความเห็นพรรคการเมืองที่วิตกว่าอาจจะกระทบจำนวนสมาชิกของตัวเอง แต่ก็สามารถนำไปเพิ่มที่ระบบสัดส่วนได้ เป็นทางออกที่ต้อง ไปบริหารจัดการภายในพรรคการเมืองว่า ส.ส.ที่ถูกตัดลงในเขตเลือกตั้ง จะไปอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ เป็นเทคนิคของแต่ละพรรคการเมือง ต้องมองภาพใหญ่ และเห็นแก่ระบบมากกว่าเห็นผลประโยชน์ของ ส.ส. และพรรคการเมือง
**สุนัย"โวพท. “20 ล้านเสียง”พร้อมหนุน
นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญไปในลักษณะไหน ให้มี ส.ส.เขตและ ส.ส.สัดส่วนเท่าไร พรรคเพื่อไทยก็พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง แต่น่าเป็นห่วงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการแก้ไขเพื่อ ส.ส. แต่ไม่ได้เหลียวแลโครงสร้างหลักของรัฐธรรมนูญ ที่รัฐธรรมนูญ 2550 ได้ไปดึงเอาสถาบันตุลาการลงมาร่วมแต่งตั้งองค์กรอิสระและ ส.ว.สรรหา ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาทำให้สถาบันตุลาการสั่นคลอน กระทบไปถึงสถาบันอื่นๆ ได้ในอนาคต ซึ่งสาเหตุนี้เป็นเหตุสำคัญที่พรรคเพื่อไทยไม่ขอร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เพราะเกรงว่าเมื่อได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแล้ว จะถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุในการทำลายสถาบันต่างๆ โดยเฉพาะการกำหนดจำนวน ส.ส.สัดส่วนที่มีจำนวนมากขึ้นแต่เป็นแบบรวมเขต ซึ่งคณะกรรมาธิการควรต้องพิจารณาให้ดีว่าในรัฐธรรมนูญปี 2540 พรรคไทยรักไทยได้คะแนนสัดส่วนมากถึง 19 ล้านเสียง และครั้งนี้หากพรรคเพื่อไทย ได้คะแนนสัดส่วนมาสัก 20 ล้านเสียงแล้วจะไปทำอย่างไรกัน
**ส.ส.เผาไทยหนุนสูตร400+100
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 93 -98 ที่เปลี่ยนสัดส่วน ส.ส. เป็น ส.ส.ระบบเขต 375 คนและ ส.ส.ระบบสัดส่วน 125 คนว่า การเสนอมาแบบนี้ถือว่าไม่เป็นธรรม เพราะจะทำให้ภาคเหนือและภาคอีสานมีสัดส่วน ส.ส.น้อยลงมาก ขณะที่ภาคใต้ลดลงเพียงเล็กน้อย ดังนั้นในการประชุมพรรคเพื่อไทยครั้งต่อไป ตนเองจะเสนอในที่ประชุมพรรคว่า เมื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเข้าสู่สภาฯในวาระที่สองและสาม จะไม่วอล์คเอาท์ และเข้าโหวตสนับสนุนคำแปรญัตติของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องที่มาของ ส.ส. ให้กลับไปใช้สัดส่วน ส.ส.ระบบเขต 400 คน และ ส.ส.ระบบสัดส่วน 100 คน และเชื่อว่าชนะแน่ เพราะมี ส.ว.บางส่วนร่วมด้วย
“เรื่องนี้ไม่ใช่การเกียเซี๊ยะกัน ตรงนี้เท่ากับเป็นการตบหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเกรงใจที่พรรคเพื่อไทยร่วมด้วย เพื่อให้แก้ไขได้สำเร็จ พอถึงตรงนี้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ยุบสภาก็ได้ แต่ถ้ามีความละอายและมีจิตสำนึกก็ควรยุบสภา เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอาด้วย”
**เด็กเผาไทยกังวลที่มาส.ส.สูตรใหม่
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวยอมรับว่าเป็นห่วง เพราะสูตรดังกล่าวอาจทำให้ พรรคเพื่อไทย หายไป 15 ที่นั่ง แต่ส่วนตัวไม่มั่นใจว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านหรือไม่ เพราะภายในพรรคร่วมเองมีความกังวลเช่นกัน มีความขัดแย้งกันภายในพรรคร่วม โดยเฉพาะภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์
**ภูมิใจไทย ถวิลหาสูต“400+100”
ด้านนายบุญจง วงไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นสูต 400+100 ของพรรคร่วม หรือสูตร 375+125 ของ นายสมบัติ ธรรมรงค์ธัญวงศ์ ต้องมีการหารือกันในชั้นกรรมาธิการ ว่าสูตรใดเหมาะสมมากที่สุด ทั้งนี้ หากเป็นสูตร 375+ 125 พรรคภูมิใจไทย จะรับได้หรือไม่นั้น เพราะพรรคภูมิใจไทย เห็นด้วยกับสูตร 400+100 มาตลอดนั้น ต้องดูเสียงส่วนใหญ่และต้องดูที่เหตุที่ผล.
เมื่อถามว่าทางพรรคร่วมรัฐบาลติงว่า การกลับไปใช้แบบ ส.ส.เขต 375 คน และ ส.ส.สัดส่วน 125 คน จะทำให้จำนวนส.ส.เขต ของพรรคอื่นถูกตัดไป แต่ทางพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ ถูกตัดไปแค่ 4 ที่นั่ง นายสุเทพ กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลง ก็จะมีทั้งคนที่ชอบ และไม่ชอบในพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะมีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็น อย่าไปเคร่งเครียดจนเสียสุขภาพ ตนยืนยันได้ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้คิดเรื่องความได้เปรียบ เสียเปรียบอะไร เมื่อถามว่า กี่ปีการเมืองไทยจะหลุดจากน้ำเน่า เพราะที่ผ่านมา มีส.ส.เน่าๆ อยู่เป็นจจำนวนมาก นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ดีขึ้นมาเยอะ พ้นมาเยอะแล้ว และเป็นเรื่องที่ต้องทำต่อไป
**เทพไท แนะพรรคฯจัดระเบียบลดส.ส.
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ความเห็นต่างขณะนี้ถือเป็นความเห็นโดยอิสระ ดังนั้นจึงควรเคารพกัน ส่วนกรณีนายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา ที่ออกมาพูดถึงการตัดระบบบัญชีรายชื่อ ก็มีการวิพากษ์วิจาณ์ว่า เป็นการต่อรอง เล่นละคร จึงอยากจะเรียนว่า เป็นอิสระของพรรคการเมือง และพรรคการเมือง มีจุดยืนแตกต่างกัน แม้แต่พรรคร่วมก็ยังมีความเห็นต่างกันในหลาบประเด็น เช่น การลดจำนวน ส.ส. เขตเหลือ 375 เขต เมื่อดูความเคลื่อนไหว จะเห็นว่า คนที่คัดค้านเป็น ส.ส.ที่มาจากจังหวัดที่ได้รับผลกระทบเป็นส่วนใหญ่
ส่วนความเห็นพรรคการเมืองที่วิตกว่าอาจจะกระทบจำนวนสมาชิกของตัวเอง แต่ก็สามารถนำไปเพิ่มที่ระบบสัดส่วนได้ เป็นทางออกที่ต้อง ไปบริหารจัดการภายในพรรคการเมืองว่า ส.ส.ที่ถูกตัดลงในเขตเลือกตั้ง จะไปอยู่ในระบบบัญชีรายชื่อ เป็นเทคนิคของแต่ละพรรคการเมือง ต้องมองภาพใหญ่ และเห็นแก่ระบบมากกว่าเห็นผลประโยชน์ของ ส.ส. และพรรคการเมือง
**สุนัย"โวพท. “20 ล้านเสียง”พร้อมหนุน
นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่ว่ารัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญไปในลักษณะไหน ให้มี ส.ส.เขตและ ส.ส.สัดส่วนเท่าไร พรรคเพื่อไทยก็พร้อมสำหรับการเลือกตั้ง แต่น่าเป็นห่วงว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการแก้ไขเพื่อ ส.ส. แต่ไม่ได้เหลียวแลโครงสร้างหลักของรัฐธรรมนูญ ที่รัฐธรรมนูญ 2550 ได้ไปดึงเอาสถาบันตุลาการลงมาร่วมแต่งตั้งองค์กรอิสระและ ส.ว.สรรหา ซึ่งจะกลายเป็นปัญหาทำให้สถาบันตุลาการสั่นคลอน กระทบไปถึงสถาบันอื่นๆ ได้ในอนาคต ซึ่งสาเหตุนี้เป็นเหตุสำคัญที่พรรคเพื่อไทยไม่ขอร่วมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เพราะเกรงว่าเมื่อได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแล้ว จะถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุในการทำลายสถาบันต่างๆ โดยเฉพาะการกำหนดจำนวน ส.ส.สัดส่วนที่มีจำนวนมากขึ้นแต่เป็นแบบรวมเขต ซึ่งคณะกรรมาธิการควรต้องพิจารณาให้ดีว่าในรัฐธรรมนูญปี 2540 พรรคไทยรักไทยได้คะแนนสัดส่วนมากถึง 19 ล้านเสียง และครั้งนี้หากพรรคเพื่อไทย ได้คะแนนสัดส่วนมาสัก 20 ล้านเสียงแล้วจะไปทำอย่างไรกัน
**ส.ส.เผาไทยหนุนสูตร400+100
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 93 -98 ที่เปลี่ยนสัดส่วน ส.ส. เป็น ส.ส.ระบบเขต 375 คนและ ส.ส.ระบบสัดส่วน 125 คนว่า การเสนอมาแบบนี้ถือว่าไม่เป็นธรรม เพราะจะทำให้ภาคเหนือและภาคอีสานมีสัดส่วน ส.ส.น้อยลงมาก ขณะที่ภาคใต้ลดลงเพียงเล็กน้อย ดังนั้นในการประชุมพรรคเพื่อไทยครั้งต่อไป ตนเองจะเสนอในที่ประชุมพรรคว่า เมื่อร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเข้าสู่สภาฯในวาระที่สองและสาม จะไม่วอล์คเอาท์ และเข้าโหวตสนับสนุนคำแปรญัตติของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องที่มาของ ส.ส. ให้กลับไปใช้สัดส่วน ส.ส.ระบบเขต 400 คน และ ส.ส.ระบบสัดส่วน 100 คน และเชื่อว่าชนะแน่ เพราะมี ส.ว.บางส่วนร่วมด้วย
“เรื่องนี้ไม่ใช่การเกียเซี๊ยะกัน ตรงนี้เท่ากับเป็นการตบหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลไม่จำเป็นต้องเกรงใจที่พรรคเพื่อไทยร่วมด้วย เพื่อให้แก้ไขได้สำเร็จ พอถึงตรงนี้พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ยุบสภาก็ได้ แต่ถ้ามีความละอายและมีจิตสำนึกก็ควรยุบสภา เพราะพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอาด้วย”
**เด็กเผาไทยกังวลที่มาส.ส.สูตรใหม่
นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวยอมรับว่าเป็นห่วง เพราะสูตรดังกล่าวอาจทำให้ พรรคเพื่อไทย หายไป 15 ที่นั่ง แต่ส่วนตัวไม่มั่นใจว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะผ่านหรือไม่ เพราะภายในพรรคร่วมเองมีความกังวลเช่นกัน มีความขัดแย้งกันภายในพรรคร่วม โดยเฉพาะภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์
**ภูมิใจไทย ถวิลหาสูต“400+100”
ด้านนายบุญจง วงไตรรัตน์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นสูต 400+100 ของพรรคร่วม หรือสูตร 375+125 ของ นายสมบัติ ธรรมรงค์ธัญวงศ์ ต้องมีการหารือกันในชั้นกรรมาธิการ ว่าสูตรใดเหมาะสมมากที่สุด ทั้งนี้ หากเป็นสูตร 375+ 125 พรรคภูมิใจไทย จะรับได้หรือไม่นั้น เพราะพรรคภูมิใจไทย เห็นด้วยกับสูตร 400+100 มาตลอดนั้น ต้องดูเสียงส่วนใหญ่และต้องดูที่เหตุที่ผล.
