ปชป.โต้ “ไข่แม้ว” ป้าย รบ.สีเกี้ยเซียะพรรคร่วมฯ แก้ไข รธน.

โฆษก ปชป.โต้ พท.ปัดรัฐบาลใช้งบประมาณขู่พรรคร่วมรัฐบาลแก้ไข รธน.หนุน พ.ร.บ.ม็อบชุมนุมที่สาธารณะเข้าสู่สภา อ้างการเมืองไม่ต้องเอี่ยว ให้ ตร.ใช้ดุลพินิจจัดการ แนะกลุ่มการเมืองยื่นฎีกาช่วย 7 คนไทยคิดให้ดี เสี่ยงขยายปัญหาระหว่างประเทศ

วันนี้ (16 ม.ค.) นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค ถือว่ากระบวนการภายในพรรคส่วนของกรรมาธิการสิ้นสุดแล้ว ต่อไปเป็นการร่วมปรึกษาพรรคร่วมรัฐบาล และ ส.ว.เชื่อว่า ทุกฝ่ายเห็นตรงกันที่จะยึดประโยชน์ของประเทศ และแนวทางปฏิรูปการเมืองภาพร่วมมากกว่าได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมือง และเห็นว่า มีเวลาทำความเข้าใจร่วมกัน ทั้งนี้ ทราบว่า พรรคร่วมจะมีการประชุมเรื่องดังกล่าวสัปดาห์หน้า เชื่อว่า จะใช้เหตุผลในการตัดสินใจของสมาชิกรัฐสภา ที่ผ่านมา ทุกคนใช้ความคุ้นเคยในระบบการเลือกตั้งแบบ ส.ส.เขต 400 คน ถือเป็นไปตามรัฐ 2540 ตามหลักสากลจะเปิดให้ประชาชนแสดงเจตจำนง ผ่านการเลือกตั้ง แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งชุดของคณะกรรมการศึกษาและปฏิรูปทางการเมือง ที่ อ.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เป็นประธาน ได้ยึดหลักสากล เช่น ประเทศเยอรมัน กำหนดสัดส่วน ส.ส.เขตกับส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 ต่อ 1 หรือ 1 ต่อ 2 แต่บริบทสังคมไทยเป็นได้ยาก

นพ.บุรณัชย์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา รัฐธรรมนูญ 40 ใช้สัดส่วน 1 ต่อ 4 และรับธรรมนูญ 50 1 ต่อ 5 จึงเป็นที่มาของจุดสมดุลที่จะใช้สัดส่วนให้เหมาะสมในประเทศไทย คือ 1 ต่อ 3 หรือ 125 ต่อ 375 และเชื่อว่า สมาชิกรัฐสภาจะก้าวข้ามความคุ้นเคยและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไป และยืนยันว่า พรรคไม่มีการที่จะวิธีการข่มขู่ หรือใช้งบประมาณแลกเปลี่ยน หรือมีการเกี้ยเซียะ หรือเล่นละครอย่างที่พรรคเพื่อไทยกล่าวหา ทั้งนี้ อยากให้พรรคเพื่อไทยแสดงความเห็นในการเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่าการสร้างความแตกแยกในรัฐบาล และการที่จะยึดรัฐธรรมนูญ ปี 40 มาใช้เป็นการสะท้อน ว่า เป็นการตอบโจทย์ส่วนตัวและหวังผลทางการเมืองต่อผู้กระทำผิดทางการเมือง มากกว่าการตอบโจทย์ของประเทศ

นพ.บุรณัชย์ กล่าวต่อว่า ส่วนการชุมนุมทางการเมือง พรรคเห็นว่า การชุมนุมไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ยังมีการสร้างความหวาดวิตกอยู่ ดังนั้น อยากให้แกนนำ สร้างความสบายใจด้วยการระบุวัน เวลา สถานที่ และลักษณะการชุมนุม เพื่อความสบายใจของประชาชนคนไทย ส่วนการชุมนุมของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ เลยเส้นของสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้สัญจรไปมา โดยเข้าใจว่า ผู้บริหารการชุมนุมไม่ได้ตั้งใจ พรรคเห็นว่า การดันร่าง พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะเข้าที่ประชุมสภา เป็นเรื่องที่ควรสนับสนุน เพราะเป็นการควบคุมความสงบเรียบร้อย และเป็นการให้สิทธิ์ในการชุมนุมที่สาธารณะ หากมีกฎหมายดังกล่าวจะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้ดุลยพินิจ และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญในการควบคุมดูแลการชุมนุมในที่สาธารณะ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับฝ่ายการเมือง อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การพิจารณาร่างดังกล่าวจะส่งให้กฤษฎีกา โดยให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญในการคุ้มครอง และไม่ริดรอนสิทธิ์ในการแสดงออก

นพ.บุรณัชย์ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกัน พรรคมีความวิตก ที่มีกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะยื่นฎีกาให้คนไทย 7 คนให้ได้รับการปล่อยตัวนั้น ถือว่าเป็นเจตนาดี ที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม แต่การเข้าชื่อถวายฎีกามีความเสี่ยง ที่อาจขยายปัญหาทางการเมืองและระหว่างประเทศ ดังนั้น อยากให้ทุกฝ่ายคิดให้ดี อดกลั้น อย่าปลุกระดมให้เกิดความแตกแยกจนปัญหาบานปลาย รวมถึงการเคลื่อนไหวเพื่อหวังผลทางการเมือง และยืนยันว่ารัฐบาลจะเร่งให้ความช่วยเหลือรวมถึงคลี่คลายปัญหาความไม่ชัดเจนเรื่องเขตแดน และจะปกป้องรักษาอธิปไตย ทั้งนี้ หากฝ่ายใดมีข้อมูลเรื่องดังกล่าวควรส่งผ่านให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นผู้ดำเนินการในฐานะเจ้าภาพ