“มาร์ค” ฟุ้ง ศก.ปี 54 โต 3.2% รับการเมืองเป็นต้นเหตุฉุด ศก.ตกต่ำ ชี้ บ้านเมืองสงบจะผลักดันสู่โหมดการเลือกตั้ง ยันยุบสภาช้า-เร็ว แล้วแต่เงื่อนไขแก้ รธน.ลุ้นผลชุมนุม 23 และ 25 ม.ค.นี้
วันนี้ (15 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังค์ถัด) ออกมาระบุว่า ธนาคารโลกมองจีดีพีไทยปีนี้จะโตร้อยละ 3.2 ว่า คิดว่าอยู่ในพื้นฐานที่สามารถทำได้ และน่าจะสูงกว่าตัวเลขดังกล่าว เมื่อถามว่า นายศุภชัย ระบุว่า ไม่อยากให้เรื่องการเมืองมาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย นายกฯ กล่าวว่า ใช่ เพราะในภาพรวมเราได้พยายามอย่างยิ่งที่จะทำอย่างไร ให้การเมืองเข้ารูปเข้ารอย เพราะถ้าทำได้จะสามารถช่วยเศรษฐกิจได้มาก
เมื่อถามว่า ยอมรับหรือไม่ว่าการเมือง เป็นปัจจัยหนึ่งของการเติบโตทางเศรษฐกิจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราต้องยอมรับว่า 4 ปีที่ผ่านมา จนถึงวันนี้วิกฤติ ตั้งแต่ปี 48-49 เป็นต้นมา ทำให้มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ และเศรษฐกิจ ดังนั้นทุกฝ่ายจะต้องมาช่วยกัน
เมื่อถามต่อว่า หลายครั้งที่นักการเมือง ออกมาระบุว่า ความไม่ชัดเจนและความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองจะทำให้ฉุดรั้งความเจริญของประเทศ นายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ถือว่าเราได้แสดงความเข้มแข็งในฐานะของประเทศและเศรษฐกิจ และประชาชน เพราะว่าขนาดเราผ่านเศรษฐกิจยากๆ มา 2-3 ปี เศรษฐกิจเราสามารถฟื้นได้ค่อนข้างเร็ว และในปี 2553 ก็มีการขยายอัตราที่ค่อนข้างสูง แต่ว่าไม่ควรที่จะเป็นอย่างนี้ ควรที่จะสามารถให้เกิดความเชื่อมั่นได้มากว่านี้ ทั้งสำหรับนักลงทุนและนักท่องเที่ยว และขณะนี้ที่เราผลักดันในเรื่องของแผนปฏิรูปแผนปรองดอง การที่เราต้องการให้ทุกฝ่ายมุ่งไปสู่การเลือกตั้ง เพื่อให้การเมืองกลับเข้าสู่ภาวะที่ปกติได้มากที่สุด นั้นคือเป้าหมาย
เมื่อถามว่า ช่วงนี้การเมืองยังไม่มีเสถียรภาพ การยุบสภาเร็ว หรือช้า สิ่งไหนจะเป็นคุณแก่ประเทศมากว่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่า ขณะนี้ปัจจัยเศรษฐกิจไม่น่าจะไดรับผลกระทบอะไร แต่ว่าการตัดสินใจยุบสภา เพื่อประโยชน์ เพื่อที่จะให้บ้านเมือกลับเข้าสู่สภาวะที่มีความเข้าใจและยอมรับซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น และในส่วนของการยุบสภาต้องให้เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ข้อยุติ และขณะนี้ได้ดูสถานการณ์หลังจากที่มีการยกเลิกการประกาศพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ซึ่งขณะนี้เป็นไปในทางที่เรียบร้อยดี แต่ว่าเดือนนี้ทราบดีว่าการชุมุนมทั้งในวันที่ 23 และ 25 ม.ค.ซึ่งจะต้องรอดูสถานการณ์ช่วงนั้นด้วย เพื่อที่จะประเมินว่าหลังจากที่เรายกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปแล้วการบริหารจัดการสถานการณ์เป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อยหรือไม่ ถ้าเรียบร้อยก็จะเป็นสัญญาณที่ดี เพราะขณะนี้ถ้าเราสามารถทำให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพก็จะเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งได้ เมื่อถามว่า นอกจาก 3 เงื่อนไขเดิม เรื่องการจัดทำงบฯ เพิ่มมาอีกหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะไม่มีเงื่อนไขอะไร
