นายกฯ ตีกรรเชียงหนี ปล่อยวางให้ ตร.เป็นคนกลาง เจรจากลุ่มผู้ค้าราชประสงค์ได้รับความเดือดร้อนจากกลุ่มคนเสื้อแดงชุมนุมป่วน อ้าง ไม่อยากให้การเมืองเข้าไปแทรกแซง เผย เรื่อง กม.พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ วิปรัฐบาล กำลังพิจารณา แต่ต้องใช้เวลา เพราะไม่อยากให้เป็นฉนวนความขัดแย้ง
วันนี้ (12 ม.ค.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ค้าราชประสงค์ เพื่อไม่ให้กลุ่มคนเสื้อแดงใช้พื้นที่สาธารณะเป็นพื้นที่ชุมนุม ว่า กลุ่มผู้ค้าราชประสงค์ ได้มาพูดถึงเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งทางผู้ค้าเข้าใจดีถึงสิทธิของผู้ชุมนุม ตนเห็นว่า ไม่อยากให้เป็นเรื่องของการเมือง แต่น่าจะเป็นเรื่อทีทั้ง 2 ฝ่ายพูดคุยกันและให้ตำรวจเป็นคนกลาง เพราะทางเจ้าหน้าที่ได้พยายามที่จะดูให้ผู้ชุมนุมใช้สิทธิได้ตามรัฐธรรมนูญ และไม่กระทบกระเทือนสร้างความเดือดร้อน แต่ที่ผ่านมา อาจจะมีบางประเด็นที่ยังเป็นปัญหาอยู่บ้าง แต่ในภาพรวมตนได้ชี้ให้เห็นว่าทางเจ้าหน้าที่ และผู้ชุมนุมได้มีการพูดคุยล่วงหน้าและพยายามหาแนวทางที่เหมาะสม ส่วนจะปรับให้มีความเหมาะสมอย่างไร 3 ฝ่ายจะประสานกันเอง จะได้ไม่มีเรื่องของการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า ดูเหมือนผู้ค้าค่อนข้างที่จะผิดหวัง เพราะรัฐบาลไม่สามารถให้ความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาได้ นายกฯ กล่าวว่า ทางผู้ค้าก็เข้าใจ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ เพราะจากที่นั่งคุยกัน ทางผู้ค้าทราบดีว่ามีประเด็นที่ละเอียดอ่อน ต้องระมัดระวัง ทั้งผู้ใช้กฎหมาย หรือผู้บังคับใช้กฎหมายเองซึ่งต้องทำด้วยความระมัดระวัง ถ้าไปทำอะไรแล้วเป็นฉนวนให้เกิดความวุ่นวายกว่านี้จะยิ่งแย่ ฉะนั้น เมื่อเราพูดถึงคนจำนวนมากและเป็นมวลชนที่เคลื่อนไหว ก็ต้องฟังผู้ปฏิบัติด้วย ทั้งนี้น่าจะมีแนวทางที่ปรับได้อีก ซึ่ง 3 ฝ่ายจะต้องไปคุยกัน
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช.ได้ยืนยันว่า อย่างไรก็ตาม จะชุมนุมกันที่บริเวณราชประสงค์เช่นเดิม เพราะการชุมนุมไม่ได้กระทบต่อสิทธิผู้อื่น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ควรที่จะคุยกัน เพราะหากคนอื่นไปพูดแทนจะหาว่าเป็นเรื่องการเมือง ให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงได้อธิบายว่าได้รับผลกระทบอย่างไร ส่วนที่จะตกลงกันได้หรือไม่นั้น อย่าไปสรุปว่าได้หรือไม่ได้ เพราะทางผู้ประกอบการเองเขามีความเข้าใจในเรื่องราวทั้งพอสมควร ซึ่งเขาพยายามเสนอแนวทางที่ทุกฝ่ายรับกันได้
เมื่อถามว่า เมื่อไหร่ที่มีการชุมุนมคนจะไม่กล้าที่มาซื้อของ หรือเข้ามาพักโรงแรมต่างๆ บริเวณดังกล่าว นายกฯ กล่าวย้ำว่า คงจะต้องให้ 3 ฝ่ายไปคุยกัน เพราะเขาก็มีแนวคิดของเขาอยู่ ซึ่งความจริงเขาได้มีโอกาสพูดคุยกับแกนนำผู้ชุมุนมบ้างแล้ว ซึ่งคนที่เขาพูดคุยด้วย ได้รับฟังตามสมควร เมื่อถามอีกว่า คนเสื้อแดงได้พูดถึงคนหลายกลุ่มที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน ตกลงจะสามารถได้ข้อยุติได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นคนกลาง ซึ่งได้ไปสัมผัสกับผู้ชุมุนมโดยตรงไปประสาน และจะพูดคุยกับคนที่ประสานงานจริงในวันที่มีการชุมนุม ส่วนจะได้ทางออกก่อนที่จะมีการชุมุนมในวันที่ 23 ม.ค.หรือไม่นั้น ตนหวังว่า จะเป็นอย่างนั้น เพราะทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความพร้อมที่จะพูดคุยกัน ส่วนในระยะกลาง ระยะยาว ก็พูดถึงเรื่องตัวกฎหมาย พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะนั้น ซึ่งตนได้บอกไปว่า ทางคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล กำลังพิจารณา เพราะต้องการที่จะผลักดันกฎหมายฉบับนี้ แต่ไม่ต้องการให้เป็นฉนวนความขัดแย้ง จึงต้องอาศัยเวลาการทำความเข้าใจ
เมื่อถามว่า กฎหมายฉบับนี้ก็ไม่สามารถผลักดันมาใช้ในช่วงเวลานี้ได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กฎหมายต้องใช้เวลา ซึ่งผู้ประกอบการที่มาก็เข้าใจ ซึ่งระหว่างที่ไม่มีกฎหมายก็ใช้วิธีการเจรจา 3 ฝ่าย เพื่อที่จะดูว่ามีแนวอย่างไรก็มีข้อเสนออยู่ต้องให้เขาไปคุยกันเองก่อน เมื่อถามว่า นอกจากตำรวจ รัฐบาลจะส่งใครส่งใครไปหรือไม่ เพราะทั้ง 2 ฝ่ายต้องการความมั่นใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะช่วยประสานงานให้ แต่หากรัฐบาลเข้าไปจะกลายเป็นเรืองการเมือง ฉะนั้น ให้ผู้ประกอบการและผู้ชุมนุมคุยกัน เป็นแนวทางที่ดีที่สุด ซักต่อว่า รูปแบบที่ต่างฝ่ายต่างใช้สิทธิของตนเองเป็นอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เขามีข้อเสนออยู่แล้ว แต่วาให้เขาไปคุยกันเองก่อน หากเราไปพูดอะไรตอนนี้ จะหาว่าเป็นการกำหนดจากฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ ให้เขาได้คุยกัน เพื่อที่จะได้เข้าใจซึ่งกันและกัน ว่าแต่ละฝ่ายต้องการอย่างไร และความเหมาะสมอยู่ที่ไหน
เมื่อถามว่า ในทางกลับกัน จะถูกมองว่ารัฐบาลผลักดันภาระหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายรักษาตามกฎหมาย และที่ผ่านมา เราพยายามที่จะจัดรูปแบบให้ รูปแบบไม่มีการสร้างปัญหายืดเยื้อ ซึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นครั้งแรกที่มีการชุมนุม โดยไม่มีการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉะนั้น ต้องค่อยๆ ปรับตรงนี้ไป เมื่อถามว่า รัฐบาลได้เตรียมมาตรกรที่จะรองรับ หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถูกต้อง แต่ตรงนี้เป็นส่วนต่างหาก ซึ่งขณะนี้ประชาชนที่เดือดร้อน เขามา อะไรที่รัฐบาลช่วยได้รัฐบาลก็จะดำเนินการ และวิธีการที่มากระทบกระทั่งกัน เพราะต้องไม่ลืมว่าถ้าพยายามที่จะทำอะไรแล้วเกิดการกระทบกระทั่งกัน แทนที่จะแก้ปัญหา กลับกลายว่าปัญหาจะใหญ่กว่าเดิม
เมื่อถามว่า แม้ว่าศาลจะมีคำพิพากษาที่ค่อนข้างชัดเจนออกมาแล้ว แต่ในทางปฏิบัติ กลับไม่สามารถปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีหลายคำวินิจฉัยที่ออกมา เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจรายงานให้ทราบว่า การชุมุนมเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา มีกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่าแนวรั้ว ศาลก็ยกคำร้อง ดังนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจเองยังมีปัญหาอยู่