“โฆษกมาร์ค” กลัวเสียหน้า วอนทุกฝ่ายยอมรับกติกา กมธ.เสียงข้างมาก หนุนสูตร 375+125 แนะพวกค้านยื่นแปรญัตติในวาระ 2-3 แขวะ “เสธ.หนั่น-ศุภชัย” ไม่กล้าโหวตสวนร่างแก้ รธน.ใน ครม.ยุ รัฐบาลจัดการเด็ดขาดกับกลุ่มเสื้อแดง หากทำผิดกฎหมาย เห็นใจผู้ประกอบการราชประสงค์เดือดร้อน แนะติดป้ายต้านชุมนุมกระตุ้นจิตสำนึก เตือนแกนนำสังวรทำผู้อื่นเดือดร้อนจะไม่ได้รับความสำเร็จ
วันนี้ (12 ม.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการลงมติของคณะกรรมาธิการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า เสียงข้างมากสนับสนุนร่างรัฐบาลก็ถือว่าเป็นไปตามกติกาและข้อบังคับ ดังนั้น อยากให้ทุกฝ่ายยอมรับมติเสียงข้างมาก ซึ่งขั้นตอนต่อไปผู้ที่ไม่เห็นด้วยก็สามารถสงวนคำแปรญัตติได้ และนำไปอภิปรายในวาระ 2 และ 3 ต่อไป ในที่ประชุมรัฐสภา ผลจะเป็นอย่างไร ก็เป็นเรื่องของอนาคต แต่เชื่อว่า ก่อนที่จะถึงวาระ 3 ผู้ใหญ่ในพรรคร่วมรัฐบาล ก็จะคุยกันเองให้เกิดความเป็นเอกภาพในเรื่องดังกล่าว มิฉะนั้น อาจจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลได้
นายเทพไท กล่าวว่า สำหรับมติเสียงข้างมากที่สนับสนุนร่างคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ถือว่าเป็นไปตามปกติ แต่ที่แปลกใจ คือ คณะกรรมาธิการที่มาจาก ครม.เช่น พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ และ นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรฯ ได้รับร่างของ ครม.จึงไม่เข้าใจว่าก่อนที่ร่างครม.ฉบับดังกล่าวเสนอเข้าสภาก่อนได้ผ่านมติ ครม.มาแล้ว ถ้าบุคคลทั้ง 2 ไม่เห็นด้วยกับร่างครม.ไม่ทราบว่าได้แสดงความคิดเห็นคัดค้านในที่ประชุม ครม.หรือไม่ แต่ถ้าหากไม่คัดค้านในที่ประชุม ครม.กับมาโหวตสวนในชั้นกรรมาธิการก็ถือว่าเป็นเรื่องผิดปกติอย่างยิ่ง
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรค กล่าวต่อว่า สำหรับกฎหมายฉบับนี้ อาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ที่จะพิจารณาโดยเชิญผู้เสนอคำแปรญัตติเข้ามาชี้แจงในที่ประชุม กมธ.ซึ่งมีจำนวนมากพอสมควร ซึ่งอาจใช้เวลาระยะหนึ่ง ก่อนที่จะนำข้อสรุปเสนอต่อประธานรัฐสภา เพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 และถึงขั้นตอนนั้นต้องดูบรรยากาศทางการเมือง ว่า พร้อมที่จะพิจารณากฎหมายฉบับนี้หรือไม่
นายเทพไท กล่าวถึงกรณีที่ผู้ประกอบการธุรกิจแยกราชประสงค์ ได้ออกมายื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลมาแก้ปัญหาการชุมรุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ว่า เป็นเรื่องน่าเห็นใจอย่างยิ่งสำหรับผู้ประกอบธุรกิจในพื้นที่ดังกล่าว ที่ต้องมารับชะตากรรมการชุมนุมของกลุ่ม นปช.ที่ทำให้คนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อน เพื่อผลประโยชน์ของคนๆ เดียว ซึ่งรัฐบาลก็ได้ตระหนักถึงเรื่องดังกล่าว โดยหาวิธีการเยียวยาผู้เดือดร้อน และขอร้องให้กลุ่มดังกล่าวหยุดเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่เป็นผล มิหนำซ้ำกลุ่มคนเหล่านี้จะเพิ่มจำนวนวันเคลื่อนไหว จาก 2 ครั้งต่อเดือน เป็น 3 ถึง 4 ครั้งต่อเดือน ย่อมสร้างความเดือดร้อนทวีคูณ แต่ถ้าหากว่ากลุ่มคนเหล่านี้กระทำผิดกฎหมาย รัฐบาลก็พร้อมที่จะบังคับใช้กฎหมายกลับคนเหล่านี้อย่างเต็มที่
นายเทพไท กล่าวว่า แต่บางครั้งการชุมนุมอาจจะไม่เกินขอบเขตของกฎหมาย แต่กลับสร้างความเดือดร้อนความรำคาญให้กับผู้ประกอบการธุรกิจ เช่น การกีดขวางทางเข้าอาคาร ศูนย์การค้า หรือโรงแรม ทำให้การดำเนินการธุรกิจไม่สะดวก การจราจรติดขัด ดังนั้น ควรใช้มาตรการทางสังคมจัดการกับกลุ่มคนเหล่านี้ เช่น แสดงออกถึงการต่อต้าน ไม่สนับสนุน ไม่ร่วมสังฆกรรม รวมไปถึงการติดป้ายต่อต้านการชุมนุมตึก หรืออาคารบริเวณสี่แยกราชประสงค์ เพื่อให้คนเหล่านี้ได้รับรู้ว่า คนสี่แยกราชประสงค์ไม่ต้องการให้ใครมาใช้พื้นที่เคลื่อนไหวทางการเมือง โดยไม่เคารพสิทธิและสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น
“ถ้าหากมีการแสดงออกลักษณะดังกล่าวมากขึ้นและกว้างขวาง ก็จะเป็นแรงกดดันให้กลุ่มคนเหล่านี้ เกิดความละอายใจ และเกิดสำนึกในการกระทำตัวเองไม่มากก็น้อย จึงอยากเรียกร้องไปยังแกนนำให้ระมัดระวัง และสังวรในความเดือดร้อนของผู้อื่น การเคลื่อนไหวทางการเมืองใดๆ ถ้าได้รับการปฏิเสธจากกระสังสังคม ก็จะไม่มีวันประสบความสำเร็จ หรือได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน” นายเทพไท กล่าว