ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศอ.บต.จัดพิธีโอนเงินให้หมู่บ้านโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนระดับหมู่บ้าน ปี 2545 จำนวนกว่า 512 ล้านบาท และคาดว่าจะมีการประกาศยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกหลายพื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หากสถานการณ์โดยรวมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นแล้วอย่างแท้จริง
วันนี้ (13 ม.ค.) นายภาณุ อุทัยรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า ศอ.บต.กำหนดจัดพิธีโอนเงินตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนระดับหมู่บ้าน หรือโครงการ พนม. ให้หมู่บ้านในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 2,248 หมู่บ้าน รวมเป็นเงิน 512,440,000 บาท ในวันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2545 ณ หอประชุมอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี ซึ่งโครงการ พนม.เป็นโครงการที่รัฐบาลมอบหมายให้ ศอ.บต. เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการรับผิดชอบโครงการ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นโครงการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนเป็นอย่างดี ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นมีรายได้เพิ่มขึ้น และหมู่บ้านชุมชนที่มีความเข้มแข็งปลอดภัยจากยาเสพติดด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจาก ศอ.บต.ได้กำหนดให้ทุกหมู่บ้านใช้เงินจากโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตส่วนหนึ่ง หมู่บ้านละ 30,000 บาท ไปจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดทุกหมู่บ้าน ซึ่งงบประมาณทุกบาททุกสตางค์ไปอยู่ที่หมู่บ้าน โดยไม่ผ่านส่วนราชการแต่อย่างใด เพียงแต่ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปเป็นพี่เลี้ยง และกำกับ ดูแล เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น
โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคิดเอง ตัดสินใจเองและดำเนินการเอง เพื่อประโยชน์ของประชาชนเอง สามารถนำเงินงบประมาณไปดำเนินการได้เกือบทุกเรื่องตามความต้องการของประชาชนเสียงส่วนใหญ่ โดยกระบวนการเวทีประชาคม จึงได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนในพื้นที่ให้ ศอ.บต.ดำเนินการให้การสนับสนุนให้หมู่บ้านทุกปีตลอดมา
การที่ทางรัฐบาลได้กำหนดสถานที่ในการจัดพิธีโอนเงินไปดำเนินการที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เนื่องจากเป็นอำเภอแรกในการประกาศเป็นพื้นที่ที่มีการยกเลิกการใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่นั้นดีขึ้นโดยลำดับแล้ว และประชาชนมีความเข้มแข็งในการป้องกันตนเอง ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าวอีกหลายพื้นที่ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป เพราะสถานการณ์โดยรวมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นแล้วอย่างแท้จริง
วันนี้ (13 ม.ค.) นายภาณุ อุทัยรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) กล่าวว่า ศอ.บต.กำหนดจัดพิธีโอนเงินตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนระดับหมู่บ้าน หรือโครงการ พนม. ให้หมู่บ้านในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 2,248 หมู่บ้าน รวมเป็นเงิน 512,440,000 บาท ในวันจันทร์ที่ 17 มกราคม 2545 ณ หอประชุมอำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธี ซึ่งโครงการ พนม.เป็นโครงการที่รัฐบาลมอบหมายให้ ศอ.บต. เป็นหน่วยงานเจ้าภาพหลักในการรับผิดชอบโครงการ ซึ่งได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2550 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นโครงการที่ตอบสนองความต้องการของประชาชนเป็นอย่างดี ทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นมีรายได้เพิ่มขึ้น และหมู่บ้านชุมชนที่มีความเข้มแข็งปลอดภัยจากยาเสพติดด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจาก ศอ.บต.ได้กำหนดให้ทุกหมู่บ้านใช้เงินจากโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตส่วนหนึ่ง หมู่บ้านละ 30,000 บาท ไปจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดทุกหมู่บ้าน ซึ่งงบประมาณทุกบาททุกสตางค์ไปอยู่ที่หมู่บ้าน โดยไม่ผ่านส่วนราชการแต่อย่างใด เพียงแต่ให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไปเป็นพี่เลี้ยง และกำกับ ดูแล เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพเท่านั้น
โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่กำหนดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคิดเอง ตัดสินใจเองและดำเนินการเอง เพื่อประโยชน์ของประชาชนเอง สามารถนำเงินงบประมาณไปดำเนินการได้เกือบทุกเรื่องตามความต้องการของประชาชนเสียงส่วนใหญ่ โดยกระบวนการเวทีประชาคม จึงได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนในพื้นที่ให้ ศอ.บต.ดำเนินการให้การสนับสนุนให้หมู่บ้านทุกปีตลอดมา
การที่ทางรัฐบาลได้กำหนดสถานที่ในการจัดพิธีโอนเงินไปดำเนินการที่ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เนื่องจากเป็นอำเภอแรกในการประกาศเป็นพื้นที่ที่มีการยกเลิกการใช้อำนาจตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่นั้นดีขึ้นโดยลำดับแล้ว และประชาชนมีความเข้มแข็งในการป้องกันตนเอง ซึ่งคาดว่าจะมีการประกาศยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ดังกล่าวอีกหลายพื้นที่ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป เพราะสถานการณ์โดยรวมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นแล้วอย่างแท้จริง