“อภิสิทธิ์” เผยคุย ผบ.ตร.เร่งเจรจาม็อบเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ สั่งห้ามปิดถนน หวั่นโดนโวยสองมาตรฐาน พร้อมเตรียมปัดฝุ่น พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะ ปัดผลักภาระผู้ค้าราชประสงค์คุยม็อบเสื้อแดงชุมนุม ยันอยากให้สองฝ่ายรู้ปัญหา หวั่นหากรัฐคุยจะถูกมองขัดขวาง
วันนี้ (15 ม.ค.) ที่ภัตตาคารสีลมวิเลจ ซอยสวัสดี สุขุมวิท 31 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เมื่อวันที่ 14 ม.ค.ที่ผ่านมา ว่า ได้หารือถึงการชุมนุมของเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ขณะนี้มีการปิดช่องทางการจราจรบางช่วง และในช่วงค่ำมีการปิดถนน ตนจึงบอกว่าควรจะไปเจรจาเพราะว่าไม่ควรให้มีการปิดถนน มิฉะนั้นแล้ว จะกลายเป็นว่า ทำไมบางกรณีปิดถนนได้ บางกรณีปิดถนนไม่ได้ ซึ่งเขาพยายามที่จะชี้แจงว่าหลังจากที่ไปเจรจามากลุ่มผู้ชุมนุมได้พูดถึงเรื่องความปลอดภัย ตนจึงบอกว่าอย่างไรก็ไม่ควรให้มีการปิดถนน เพราะฉะนั้นขอให้ไปดำเนินการเจรจาอีก นอกจากนี้ ได้คุยถึงเรื่องกฎหมาย พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า โอกาสที่จะกลับมาใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ต้องการที่จะให้มี แต่ว่าต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ความเรียบร้อย เมื่อถามว่า หากมีกลุ่มผู้ชุมนุมมาเป็นจำนวนมาก และ มีการปิดเส้นทางการจราจรอีกจะทำอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องมีการเจรจากัน ทำความเข้าใจกัน เพราะกลุ่มผู้ชุมนุม อ้างว่า การปิดเส้นทางจราจร เพราะว่าจะช่วยดูแลความปลอดภัยได้ และไม่ให้มีมือที่ 3 เข้ามาได้ แต่จริงๆ จะต้องคิดถึงประโยชน์สาธารณะก่อน ซึ่งจะขอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปคุยอีกรอบ
เมื่อถามว่า เรื่องของกฎหมาย พ.ร.บ.ชุมนุมในที่สาธารณะมีความคืบหน้าอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทางกลุ่มผู้ค้าราชประสงค์ได้ขอเรื่องดังกล่าวมาด้วย ตนจึงขอให้ทางวิปรัฐบาลนำเรื่องกลับมาดูอีกครั้งหนึ่ง เพราะมีทั้งกฎหมายของทางรัฐบาลและของสมาชิกอยู่ว่าจะสามารถเร่งได้หรือไม่ แต่ต้องทำความเข้าใจเพราะว่ากฎหมายฉบับนี้จะเป็นปัญหาว่าจะไปจำกัดสิทธิมากไปหรือไม่ จึงขอให้ทำความเข้าใจกันให้ดี และถ้าสามารถที่จะดำเนินการเร่งรัดได้จะเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งจะสามารถเข้าทันสภาสมัยนี้หรือไม่นั้น อยู่ที่วิปรัฐบาล เพราะว่าเป็นผู้พิจารณาอยู่ ซึ่งอาจจะยังมีข้อห่วงใยในบางบทบัญญัติ ซึ่งถ้ามีอย่างนั้นเราพร้อมที่จะมาทบทวน
เมื่อถามว่า เรื่องกฎหมาย พ.ร.บ.ชุมนุม ในที่สาธารณะ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกร้องมาที่นายกรัฐมนตรีแล้วใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ เพราะว่าเขาอยากมีเครื่องมือ แต่ว่าความจริงแล้วปัจจุบันแนวของกฎหมายค่อนข้างชัด เวลาที่มีการไปทำอะไรแล้วละเมิดสิทธิของคนอื่น ซึ่งทางศาลได้เคยชี้เพียงแต่ว่าตำรวจเองมีความกังวลว่าเวลาจะไปดำเนินคดีจะดำเนินคดีในลักษณะไหน อย่างไร จึงอยากจะมีกฎกติกาที่ชัดเจนเท่านั้น ตนเข้าใจว่าเมื่อนำเข้าในขั้นตอนของกฤษฎีกาไป แล้วมีการปรับบางมาตรา จึงทำให้สาระอาจจะแตกต่างไปจากเดิมในบางเรื่อง เช่น สถานที่ที่ห้ามชุมนุม หรือ ขั้นตอนต่างๆ จึงจะต้องนำกลับไปดูให้เป็นที่ยอมรับกันทุกฝ่าย
ต่อข้อถามว่า กรณีที่กลุ่มผู้ค้าราชประสงค์ ที่นายกรัฐมนตรีให้ไปคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงเองนั้น จะเป็นการผลักภาระให้ประชาชนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ เพราะเขาเข้าใจดี เพราะถ้าสมมติว่ารัฐบาลเป็นเจ้าภาพเรื่องดังกล่าว กลุ่มผู้ชุมนุมจะบอกว่าเป็นเรื่องผลประโยชน์ของรัฐบาลหรือไม่ ที่ต้องการให้ผู้ชุมนุมไม่มาชุมนุม ตนจึงบอกว่าอย่างน้อยทั้งสองฝ่ายควรจะได้รับความคิดเห็น ซึ่งกันและกัน และทางผู้ค้าจะทราบว่าผู้ชุมนุมต้องการอะไร และ กลุ่มผู้ชุมนุมจะรู้ว่าผู้ค้าฯ เขาเดือดร้อนอย่างไร แต่ว่าในส่วนของรัฐบาล ให้ผู้ปฏิบัติ คือ เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปดู และเป็นคนกลาง ที่จะใช้วิธีอย่างนั้น อย่างนี้ได้หรือไม่ เพื่อที่จะให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้ และจะไม่มีเรื่องของการเมืองเข้าไปแต่ถ้าหากตำรวจเห็นว่ามีอะไรที่จะให้ รัฐบาลช่วยตัดสินใจก็จะไม่มีปัญหา แต่ถ้าให้เราไปคุยกับกลุ่มผู้ชุมนุมเอง จะกลายเป็นเรื่องการเมืองไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในส่วนของการยุบสภาต้องให้เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้ข้อยุติ และ ขณะนี้ได้ดูสถานการณ์หลังจากที่มีการยกเลิกการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งขณะนี้เป็นไปในทางที่เรียบร้อยดี แต่ว่าเดือนนี้ทราบดีว่าการชุมุนมทั้งในวันที่ 23 และ 25 ม.ค.ซึ่งจะต้องรอดูสถานการณ์ช่วงนั้นด้วย เพื่อที่จะประเมินว่าหลังจากที่ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไปแล้วการบริหารจัดการสถานการณ์เป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อย หรือไม่ ถ้าเรียบร้อยก็จะเป็นสัญญาณที่ดี เพราะขณะนี้ถ้าเราสามารถทำให้บ้านเมืองมีเสถียรภาพ ก็จะเป็นอีกเงื่อนไขหนึ่ง ที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งได้ เมื่อถามว่า นอกจาก 3 เงื่อนไขเดิม เรื่องการจัดทำงบประมาณปี 2555 เพิ่มมาอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า จะไม่มีเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติม