ตร.ยัน พ.ร.บ.มั่นคงที่รัฐประกาศใช้แค่รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ไม่ได้มุ่งหวังจะสลายการชุมนุม ระบุสิทธิการชุมนุมยังคงอยู่ เว้นแต่พื้นที่ที่มีประกาศห้ามเข้า แต่หากฝ่าฝืนก็จะมีการดำเนินการ ส่วน “วิเชียร” สั่ง ตร.ห้ามถอนกำลัง ให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่อง ย้ำดำเนินการการกับผู้ชุมนุมจะเป็นไปตามหลักสากล
วันนี้ (9 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษก บช.น. เปิดเผยถึงมาตรการในการปฏิบัติงานของตำรวจหลังคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หมวด 2 ควบคุมพื้นที่ 7 เขตในกรุงเทพฯ ประกอบด้วย เขตพระนคร เขตราชเทวี เขตป้อมปราบฯ เขตปทุมวัน เขตวังทองหลาง เขตวัฒนา และเขตดุสิต ตั้งแต่วันที่ 9-23 ก.พ. เพื่อดูแลสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ว่า ตำรวจนครบาลได้รับมอบหมายภารกิจ โดย พล.ต.ท.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบช.น.เป็น ผบ.กองกำลัง ดูแลควบคุมกำลังทั้งหมดที่ใช้ดูแลพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ทั้งตำรวจ สารวัตรทหาร เจ้าหน้าที่ กทม.
ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในการดูแลพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ได้มีการเตรียมกำลังไว้หลายส่วน โดยในวันนี้จะมีการออกคำสั่งรองรับภารกิจที่ได้รับมอบหมาย พร้อมทำแผนเผชิญเหตุทุกพื้นที่ในประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เช่น ที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐสภา ซึ่งภารกิจยังยืนยันว่าเป็นการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ ไม่ได้มุ่งดำเนินการต่อกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดโดยเฉพาะ เนื่องจากช่วงเวลาที่ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ ครอบคลุมทั้ง 2 กลุ่มที่จะมีการชุมนุม เพื่อป้องกันเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย ป้องกันมวลชนที่มีความเห็นไม่ตรงกัน หรือกลุ่มบุคคลที่ 3 ที่หวังสร้างสถานการณ์ต่างๆ ซึ่งการชุมนุมยังคงใช้สิทธิได้อยู่ แต่ในบางพื้นที่ที่มีประกาศห้ามเข้าหากฝ่าฝืนก็จะมีการดำเนินการ ตำรวจก็จะบังคับใช้อย่างเคร่งครัด แต่ไม่ได้มุ่งหวังจะสลายการชุมนุม แต่การชุมนุมที่มีการปิดเส้นทางจราจรขณะนี้ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) มอบนโยบายให้เปิดเส้นทางจราจรให้มากที่สุดเพื่อประชาชนจะใช้ประโยชน์ได้ จึงอาจต้องกำหนดจุดในการชุมนุมเพื่อให้ชุมนุมได้อย่างปลอดภัย
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวอีกว่า นอกจากพื้นที่ทำเนียบรัฐบาล และรัฐสภาทาง ศอ.รส.ได้มอบหมายให้ทางตำรวจจัดกำลังดูแลในพื้นที่ที่เป็นสัญลักษณ์ และด่านตรวจค้นอาวุธเข้มข้นขึ้น โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผบช.น.ได้เรียกประชุมระดับรอง ผบช.น. ผบก.1-9 เพื่อมอบหมายภารกิจคอยดูแลประสานงานกองกำลังทั้งหมด เช่นที่ทำเนียบให้ พล.ต.ต.กรีรินทร์ อินทร์แก้ว ดูแล พล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง ผบก.อคฝ.เป็น ผบก.เหตุการณ์พื้นที่ พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร เป็นผู้ดูแล รัฐสภา พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 เป็น ผบ.เหตุการณ์ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบก.น.6 เป็น ผบ.เหตุการณ์ ทุกพื้นที่มีรอง ผบช.น.ดูแล แก้ปัญหาประสานพื้นที่ พล.ต.ต.อิทธิพล พิริยะภิญโญ ดูแลเรื่องการสืบสวน พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน ดูแลการสอบสวน การฝ่าฝืนกฎหมาย ส่วนงานดูแลกำลัง งบประมาณเป็น พล.ต.ต.ศักดา ชื่นภักดี ดูแล พร้อมเพิ่มความเข้มในการดูแลสถานการณ์จากปกติที่มีประชุมเฉพาะช่วงเช้า เพิ่มตอนเย็นอีกส่วน
พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ทั้งนี้ทาง พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ได้สั่งการว่ากองกำลังตำรวจที่ปฏิบัติภารกิจจะไม่มีการถอนกำลังจะปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่อง 7 วันพร้อมส่งกำลังดูแล ส่วนเบี้ยเลี้ยงรัฐบาลอนุมัติงบประมาณสนับสนุนให้เป็นที่เรียบร้อย การดำเนินการการกับผู้ชุมนุมจะเป็นไปตามหลักสากลไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ชุมนุมใดก็เป็นคนไทยทั้งนั้น กฎใช้กำลังจะเป็นไปตามเดิมคือจากเบาไปหาหนัก จะเป็นไปตามขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในการขอเปิดเส้นทางการจราจร พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า มีความคืบหน้าพอสมควร เพราะเรื่องการขอเปิดถนนเราไม่ได้ขอเปิดทั้งเส้น เพียงแต่เส้นทางใดที่สามารถพอเปิดเป็นวันเวย์ได้ก็ขอให้เปิด เช่น ถนนราชดำเนินนอก หรือเวลาเร่งด่วนเช้า และเย็น เราก็ประสานทุกวันเพราะแกนนำแต่ละคนอาจมีความเห็นไม่ตรงกัน
ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ ออกมาวิจารณ์ว่าการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงนั้นไม่ถูกต้อง และอาจเข้าฟ้องร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอยกเลิก พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถใช้สิทธิตามกฎหมายได้ตามที่ได้ดำเนินการไป สามารถทำได้ไม่มีปัญหา ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจสามารถดำเนินการได้เลยเพราะเริ่มบังคับใช้ พ.ร.บ.มั่นคงแล้ว แนวทางหลายแนวทางตามคำพิพากษาศาลปกครองที่เคยให้แนวทางไว้ ขณะนี้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมก็ได้ฝ่าฝืนไปแล้วในการใช้กำลังปิดถนน ทุกกลุ่มใช้สิทธิได้ไม่ห้าม แต่ตำรวจไม่จำเป็นต้องหยุดตามคำทักท้วงเพราะดำเนินการตามขั้นตอนของเราอยู่แล้ว
