โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงโต้ถึงการประกาศของ ศอ.รส.ที่ห้ามยวดยานพาหนะผ่านรอบบ้านนายกฯ จะทำให้ชาวบ้านอุ่นใจมากขึ้น ชี้ จะบังคับใช้เมื่อมีม็อบไปป้วนเปี้ยนเท่านั้น ระบุเป็นแค่การป้องกัน ไม่ใช่บังคับใช้ทันที
วันนี้ (9 มี.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงผลการประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) ว่า หลังจาก ศอ.รส.ได้ออกประกาศฉบับที่ 4 เรื่องการห้ามใช้เส้นทางคมนาคมบริเวณรอบบ้านพัก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นั้น ขอยืนยันว่า การดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามประกาศดังกล่าวจะไม่กระทบกับผู้ใช้รถใช้ถนน และประชาชนที่พักอาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการห้ามเข้า หรือใช้เส้นทางดังกล่าวในกรณีที่ มีกลุ่มบุคคลเข้ามาสร้างความเดือดร้อน และทำให้เกิดความไม่สงบหรือความวุ่นวาย แต่ขณะนี้สถานการณ์ยังไม่ปรากฏเหตุดังกล่าวการดำเนินการทุกอย่าง จึงยังเป็นไปตามปกติ โดยประชาชนยังสามารถใช้ถนนทั้ง 4 เส้นทางในการสัญจรได้ อย่างไรก็ตาม การประกาศพื้นที่ควบคุมจะมีผลบังคับใช้ไปจนกว่าจะมีการยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง
อ้างชาวบ้านจะอุ่นใจมากขึ้น
“ชาวบ้านที่อาศัยอยู่บริเวณบ้านพักของนายกฯ น่าจะมีความอุ่นใจมากขึ้น หลังมีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพราะเจ้าหน้าที่จะเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งคงดีกว่าปล่อยให้มีม็อบหลบเลี่ยงด้วยการขี่รถจักรยานยนต์ หรือนั่งแท็กซี่ เดินเข้ามาเป็นกลุ่มๆ ก่อนมารวมตัวกันตะโกนผ่านเครื่องขยายเสียงและปิดกั้นถนน โดยที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ทำอะไรเลย แต่ถ้ามีกลุ่มบุคคลเดินทางมาชุมนุมด้วยความสงบ และไม่สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายก็สามารถทำได้” พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าว
เมื่อถามว่า หากมีผู้ชุมนุมไปรวมตัวปิดถนนและใช้เครื่องขยายเสียงในพื้นที่อื่นจะมีการประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมเพิ่มเติมหรือไม่ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องดูว่าการกระทำดังกล่าวอยู่ในพื้นที่จำนวน 7 เขตที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงหรือไม่ ถ้าอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวก็อาจมีการประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมเพิ่มเติมได้
ร่วมกับ กทม.รื้อบ่อส้วมหน้า ศธ.
ส่วนการดำเนินการรื้อถอนบ่อเก็บสิ่งปฏิกูลบนถนนราชดำเนิน บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการของกลุ่มพันธมิตรฯ หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการเปิดเส้นทางจราจรแล้วนั้น พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ทาง กทม.จะร่วมกับทาง บช.น.เพื่อเข้าไปทำการรื้อถอนบ่อปฏิกูลดังกล่าว ที่มีจำนวน 4 จุด จุดละ 3 ถัง ภายใน 1-2 วันนี้ เพื่อให้สามารถเปิดการจราจรทั้งสองช่องทางได้ตามปกติ ประกอบกับการสร้างบ่อดังกล่าวยังเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากตั้งอยู่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ และพื้นที่สำคัญหลายจุด ซึ่งส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ สร้างความเดือดร้อนให้กับข้าราชการและประชาชนที่สัญจรผ่านไปมา อย่างไรก็ตาม การเข้าไปรื้อถอนครั้งนี้คงไม่ถึงขั้นเข้าไปสลายการชุมนุม
เชื่อแดงชุมนุมมากกว่าเดิม
สำหรับการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มเสื้อแดงที่นัดรวมตัวกันในวันที่ 12 มี.ค.นี้ พล.ต.ต.ประวุฒิ กล่าวว่า การชุมนุมในวันดังกล่าวน่าจะมีผู้ชุมนุมมากขึ้นกว่าเดิม เพราะบางคนต้องการออกมาพบแกนนำที่เพิ่งได้รับการประกันตัวมา เชื่อว่า การชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อ และจะยุติการชุมนุมในช่วงค่ำของวันดังกล่าว นอกจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะจับตาการขึ้นปราศรัยของแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เพิ่งได้รับการประกันตัวมาทั้ง 7 คน ว่า มีพฤติกรรมละเมิดเงื่อนไขคำสั่งศาลที่ห้ามกระทำการอันเป็นการยั่วยุง ปลุกปั่น หรือปลุกระดม ซึ่งถ้าแกนนำทั้ง 7 คน ละเมิดเงื่อนไขของศาลทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะรายงานไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ให้ยื่นเรื่องถอนประกันต่อศาล