xs
xsm
sm
md
lg

“วอลเปเปอร์มาร์ค” ชี้ คลิป “พนิช” ตัดต่อ หวังให้ไทยตกเป็นเบี้ยล่างเขมร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศิริโชค โสภา (แฟ้มภาพ)
วอลเปเปอร์ “มาร์ค” อ้างนายกฯไม่ได้ส่ง “พนิช” ไปชายแดนเพื่อยั่วยุเขมร จนถูกจับ แค่รับทราบจะเดินทางไปดูปัญหาเขตแดนที่ประชาชนร้องเรียนถูกทหารเขมรยึดที่ดิน โดยอ้างเป็นเขตแดนของกัมพูชา ชี้ คลิปที่ออกมาเป็นการตัดต่อเพื่อหวังผลทางการเมืองโจมตี “อภิสิทธิ์” และให้ไทยตกเป็นเบี้ยล่างในการเจรจาปัญหาต่างๆ กับกัมพูชา เชื่อ คณะอาจแค่พลัดหลงเข้าไปในเขตพิพาท เตือนคนไทยอย่าถูกปั่นหัวจนขาดเอกภาพ เป็นจุดอ่อนให้อีกฝ่ายนำไปใช้ประโยชน์

นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี กล่าวถึง คลิปภาพ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.โทรศัพท์ถึงผู้ช่วย ส.ส.อ้างว่า นายกรัฐมนตรีรับทราบการเดินทางเข้าไปในพื้นที่กัมพูชา และเรืิ่องดังกล่าวเป็นความลับที่นายกรัฐมนตรีรับทราบเพียงผู้เดียว ว่า ตนก็ได้้รับทราบกรณีที่ นายพนิช จะเดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับกลุ่มประชาชนที่มีความกังวลในเรื่องปัญหาเขตแดนไทย-กัมพูชาเช่นเดียวกัน โดยนายพนิช เล่าให้ฟังระหว่างงานเลี้ยงพรรคประชาธิปัตย์ก่อนที่จะเดินทางไปบริเวณชายแดนและถูกควบคุมตัวเพียงวันเดียว

โดย นายพนิช เล่าว่า จะเดินทางไป จ.ปราจีนบุรี ตามคำเชิญของกลุ่มประชาชนเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงกรณีที่มีชาวบ้านร้องเรียนเรื่องปัญหาที่ทำกินเพราะไม่สามารถเข้าไปทำกินในพื้นที่ของตัวเองได้ เนื่องจากมีชาวกัมพูชาอาศัยอยู่ ตนยังได้สอบถามไปว่าได้สอบถามกระทรวงการต่างประเทศหรือยัง ซึ่ง นายพนิช ก็บอกว่าได้สอบถามไปที่กระทรวงการต่างประเทศก็บอกว่าไม่มีปัญหาดังกล่าวแต่เมื่อมีข้อข้องใจก็คิดว่าไม่มีปัญหาที่จะไปพิสูจน์ข้อเท็จจริง

“ผมเชื่อว่า แม้แต่คุณพนิช ก็ไม่ทราบว่าจะมีการเดินทางไปสระแก้ว เพราะถ้ารู้ล่วงหน้าคงบอกผมไปแล้ว พอวันรุ่งขึ้น ผมพบนายกฯก็สอบถามว่ารับทราบเรื่องทีคุณพนิชเดินทางไปปราจีนฯหรือไม่ นายกฯก็บอกว่าคุณพนิชโทร.มาบอกก่อนเดินทางช่วงเช้า ว่า จะไปปราจีนบุรี ขอให้นายกฯช่วยประสานตำรวจตระเวนชายแดนเพื่อจะได้อำนวยความสะดวกในการลงพื้นที่ครั้งนี้ และในคลิปจะเห็นชัดว่ามีการตัดต่อเลือกเฉพาะส่วนที่จะเป็นประโยชน์ในการกล่าวหาโจมตีมาที่ตัวนายกฯเท่านั้น ทั้งที่คลิปดังกล่าวมีความยาวถึง 4 นาที”

นายศิริโชค กล่าวว่า ในคลิปตัวเต็มจะเห็นชัดเจนว่า นายพนิช ไม่ได้รู้จักพื้นที่และสอบถามนายวีระ เกี่ยวกับรายละเอียดของพื้นที่ตลอด ซึ่ง นายวีระ ก็อธิบายตามความเชื่อของตัวเองว่าเป็นแผ่นดินไทยที่ถูกกัมพูชาเข้ามาอาศัยอยู่ และเชื่อว่า จะถูกจับกุม เพราะเคยถูกจับมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่ได้มีเจตนาที่จะยั่วยุเพื่อให้ถูกจับกุมแต่อย่างใด เพราะถ้าติดตามการเคลื่อนไหวของนายวีระ จะเห็นว่า นายวีระ ยืนยันคำพูดนี้มาโดยตลอด ว่า เข้าพื้นที่ไม่ได้ เพราะทหารกัมพูชาดูแลอยู่ ประเด็นคือ จุดที่เป็นข้อพิพาทที่นายวีระระบุนั้น เป็นคนละจุดกับที่นายวีระและคณะถูกควบคุมตัว เนื่องจากจุดดังกล่าวเลยหลักเขตไทยไปแล้ว ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่คณะจะพลัดหลงเข้าไป เพราะไม่ชินพื้นที่ประกอบกับไม่มีชาวบ้านเจ้าของพื้นที่ไปด้วย ทำให้ไม่ทราบว่าได้เดินเข้าไปในพื้นที่กัมพูชาแล้ว

“ผมคิดว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อน และสังคมต้องตั้งสติให้ดี เพราะขณะนี้มีขบวนการปล่อยข่าวที่จะทำลายเจตนาดีของนายกรัฐมนตรีในการส่งคุณพนิชไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เรื่องนี้ในฐานะเป็นกรรมาธิการพิจารณากรอบเจบีซี ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องเขตแดนโดยตรง ลองคิดดูง่ายๆ ว่าการปล่อยคลิปตัดต่อที่พยายามกล่าวหาว่าคณะของคุณพนิช มีเจตนารุกล้ำเข้าพื้นที่กัมพูชาโดยนายกรัฐมนตรีรับรู้นั้น ใครที่ได้ประโยชน์ในการลากเอานายกฯเข้าไปสู่ปัญหานี้และสิ่งที่เกิดขึ้นมีผลทำให้ใครได้ประโยชน์ในการเจรจา ในขณะที่รัฐบาลต้องการช่วยเหลือคนไทยให้เร็วที่สุด ใครที่จะได้เปรียบในการเจรจาจากการทำให้รัฐบาลต้องตกเป็ยเบี้ยล่าง ถ้าเราตั้งสติตรงนี้แล้วตอบคำถามข้างต้นจะเห็นชัดว่าใครจงใจขยายปมเรื่องนี้เพื่อให้รัฐบาลมีปัญหามากขึ้นในการเจรจากับกัมพูชาและกัมพูชาจะใช้เรื่องนี้มาต่อรองกับรัฐบาลมากขึ้นด้วยหรือไม่เป็นสิ่งที่เราต้องร่วมกันหาคำตอบ” นายศิริโชค กล่าว

นายศิริโชค กล่าวด้วยว่า ปัญหาเขตแดนบริเวณดังกล่าวเรื้อรังมากว่าสามสิบปี และไม่เคยมีนายกฯคนใดให้ความสนใจ แต่นายกฯอภิสิทธิ์ รับฟังปัญหาและพยายามหาข้อเท็จจริง เพราะสิ่งที่ได้รับรายงานกับสิ่งที่ชาวบ้านร้องทุกข์ไม่ตรงกันนี่ คือ แนวทางการบริหารงานแบบรับฟังทุกฝ่ายก่อนที่จะสรุปเพื่อหาคำตอบในการแก้ปัญหา ไม่มีเหตุผลเลยที่จะกล่าวหาว่านายกฯ ต้องการให้มีการรุกเข้าไปพื้นที่กัมพูชา เพราะไม่ได้มีประโยชน์กับใครทั้งสิ้น การแสวงหาข้อมูลก็เพื่อให้ความเป็นธรรมกับชาวบ้านและนำมาสู่การกำหนดแนวทางเจรจาตามกรอบที่ได้วางกันไว้ตามข้อตกลงของสองประเทศ ซึ่งผลจากการหารือกันหลายครั้งระหว่างนายกฯสองฝ่าย ก็เป็นไปในทิศทางที่มีความเข้าใจแนวทางของแต่ละฝ่ายมากขึ้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะไปเพิ่มความตึงเครียดระหว่างกันเพราะไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายใดเลย

“ผมอยากย้ำว่า ประเทศเรามีหลายเรื่องที่มีปัญหาคั่งค้างอยู่ และต้องเจรจาหาข้อยุติร่วมกับกัมพูชา จึงไม่ควรให้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาเป็นอุปสรรคไปถึงเรื่องอื่น ซึ่งกัมพูชาเองก็ควรที่จะตระหนักในส่วนนี้ด้วยเพราะนายกฯก็ยืนยันแล้วว่าในระดับนโยบายเคยตกลงกันว่าเมื่อมีปัญหาลักษณะนี้ก็จะใช้วิธีการประสานงานเพื่อส่งตัวกลับ แต่เมื่อกัมพูชาไม่ได้ดำเนินการตามที่เคยพูด เราก็ต้องพยายามทำความเข้าใจเพิ่มเติม ที่สำคัญคือ คนไทยต้องไม่ถูกปั่นหัวจนทำให้ขาดความเป็นเอกภาพและกลายเป็นจุดอ่อนที่ทำให้เราเสียเปรียบในการเจรจา” นายศิริโชคกล่าว

ส.ส.สงขลา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแม้จะดูว่าทำให้สร้างปัญหาเพิ่มเติม แต่ตนคิดว่ามีจุดดีอยู่ด้วย นั่นคือ ทำให้เราเห็นปัญหาชัดเจนมากขึ้น และภาคประชาชนเองก็ต้องยืนอยู่บนข้อเท็จจริงมากกว่าจะยึดมั่นอยู่แต่ความเชื่อของตัวเอง โดยต้องเปิดกว้างรับฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน ขณะที่รัฐบาลก็ต้องสะสางเรื่องนี้ เพราะเห็นชัดในหลายจุดว่ามีปัญหา เช่น การละเลยในความทุกข์ของชาวบ้านที่เดือดร้อน เราต้องขันน็อตให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน เพราะรัฐบาลมีจุดยืนชัดเจนว่าเรารักษาสิทธิและอธิปไตยของชาติโดยไม่เอาเปรียบประเทศเพื่อนบ้าน

“ผมไม่อยากให้มีใครเอาเรื่องนี้ไปใช้เป็นประโยชน์ในทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด หน้าที่ของรัฐบาล คือ ทำให้คนทั้ง 7 กลับคืนสู่มาตุภูมิโดยเร็วที่สุด ไม่ใช่เฉพาะคุณพนิช แต่เป็นทุกคน เพราะทั้งหมดคือพลเมืองไทยที่รัฐบาลต้องดูแล และเมื่อคุณพนิชกับคณะกลับมาถึงประเทศไทยแล้วก็จะให้คำตอบได้ดีที่สุดถึงสิ่งที่สังคมตั้งข้อสงสัย แต่ผมยืนยันได้ คือ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะตั้งข้อสงสัยในเจตนาของนายกรัฐมนตรี เพราะท่านต้องการแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุดเท่านั้น” นายศิริโชค กล่าว

กำลังโหลดความคิดเห็น