xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ชักเป๋!! ยันคลิป “พนิช” พูดชัดอยู่แดนไทยไปดูหมุด ส่งเช็กพื้นที่แล้วแต่ขาดพิกัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
นายกฯ เผยใช้ทุกช่องทางช่วย 7 คนไทย อ้าง “พนิช” ไม่ได้บอกจะไปสระแก้ว มารู้อีกทีตอนโดนจับ เล็งไล่จี้ ตชด.บอกดูคลิปจริงแล้ว ซัดพวกตัดต่อทำสับสน ยันลูกน้องพูดชัดอยู่ในแดนไทยไปดูหมุด 46 ลั่นไม่ใช่ภารกิจลับ แต่ให้ไปดูปัญหาที่ดิน เผยเขมรให้วิดีโอตัวเต็ม ก่อนส่งทหารเช็กพื้นที่ แต่ยังขาดพิกัด ไม่อยากพูดใช้เวลานานเท่าไหร่ หวั่นเกิดอุปสรรค รับยังไม่ได้คุย “ฮุน เซน” ชี้ ม็อบบุกสระแก้วไม่เป็นผลดี

วันนี้ (4 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีความคืบหน้าการช่วยเหลือ นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมคนไทย รวม 7 คน หลังถูกทหารกัมพูชาจับกุมไป ว่า ทาง นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่า ภารกิจของรัฐบาลในขณะนี้ คือ การให้ความช่วยเหลือ 7 คน ไทย เพื่อที่จะให้มีโอกาสกลับมาโดยเร็วที่สุด โดยขอเรียนว่า การทำงานตรงนี้จะใช้ลักษณะของการประสานงานเกือบจะเรียกว่าทุกช่องทาง เพราะว่าเราต้องการให้เรื่องนี้ได้ข้อยุติโดยเร็ว เพื่อไม่ให้เกิดการบานปลาย และเราก็เห็นว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในชายแดนนั้น ถ้าสามารถปฏิบัติกันในลักษณะซึ่งไม่เข้าไปยืดเยื้ออยู่ในกระบวนการยุติธรรม ก็จะดีที่สุด นี่คือ สิ่งที่เรากำลังดำเนินการและประสานงานกันอยู่ แน่นอนอีกเรื่อง คือ เราต้องดูแลเรื่องความเป็นอยู่ของคนเหล่านี้ ซึ่งเมื่อ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางญาติของทั้ง 7 คน ก็ได้เข้าไปเยี่ยมและจะต้องมีการดูแลเรื่องความเป็นอยู่อย่างต่อเนื่อง และประเด็นที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะต้องทำให้เรามาดูแนวปฏิบัติหลายๆ อย่าง ซึ่งจะเป็นการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา และป้องกันไม่ให้เกิดการกระทบต่อสิทธิและอธิปไตยของประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเดินทางของ 7 คน ไทยในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้ทราบมาก่อนล่วงหน้า หรือมีการสั่งนายพนิช ด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเคยแถลงข่าวไปเมื่อวันที่ 30 ธ.ค.53 ถ้าจำได้ตนได้บอกว่าตนได้มอบหมายให้นายพนิช ให้ประสานงานกับกลุ่มคน ซึ่งมีความข้องใจเกี่ยวกับเรื่องปัญหาของไทยและกัมพูชา เพื่อที่จะลดความขัดแย้งในสังคมไทย ซึ่งมันอาจจะลุกลามไปสู่การกระทบต่อทั้งสองประเทศ และประเด็นที่เกี่ยวกับการลงพื้นที่ เป็นเรื่องที่นายพนิช เคยรายงานให้ตนทราบว่ามีประชาชนที่ประสบกับความเดือดร้อนในเรื่องของที่ทำกินกับการอยู่ที่บริเวณชายแดน ฉะนั้น ก็จะไปลงพื้นที่เพื่อดูแลในเรื่องนี้ ซึ่งวันที่ไปก็ยังบอกกับตนว่าไป จ.ปราจีนบุรี ไม่ใช่ จ.สระแก้ว และก็สอบถามตนว่าการประสานงานกับเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไร ตนก็บอกว่า เมื่อเดินทางไปถึงจุดที่ควรที่จะต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ก็ขอให้ แจ้งกลับมา แต่ในข้อเท็จจริงก็บอกว่าเลขาฯของนายพนิชโทรเข้ามาติดต่อกับเลขาฯตนได้เมื่อ ตอนที่ถูกจับกุมแล้ว

เมื่อถามว่า ในการลงพื้นที่จริงดูเหมือนว่าไม่ได้มีทหารไปด้วย ได้มีการตั้งข้อสังเกตหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า บริเวณดังกล่าวเป็นบริเวณซึ่งขณะนี้ตำรวจตะเวนชายแดน (ตชด.) เป็นผู้ที่รับผิดชอบและปัญหาตรงนี้ต้องไปตรวจสอบกันว่าด่านของ ตชด.ตามถนนเกิดอะไรขึ้น เมื่อถามต่อว่า ในคลิปที่เผยแพร่ออกมามีการระบุว่าแม้แต่ทาง ตชด.ยังไม่กล้าเข้า แต่ทางคณะกลับเข้าไป จะเหมือนเป็นการท้าทายหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เหตุการณ์เคยเกิดขึ้นที่มีการถูกจับกุมและทางตชด.ได้เข้าไปประสาน

เมื่อถามว่า นายกฯ ได้มีโอกาสดูคลิปบ้างแล้วหรือยัง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ได้ดูแล้ว ขอเรียนว่า คลิปนี้มีความยาว 4 นาทีกว่า แต่มีคนที่ไปโพสต์ขึ้นในลักษณะตัดเหลือเพียงนาทีกว่า ทำให้เกิดความสับสน จริงๆ แล้วสิ้นสุดคลิปสั้น นายพนิช ได้พูดต่ออีก และไม่เหมือนกับตอนที่พูดตอนแรก คือ คุณพนิช มีความเชื่อว่า อยู่ในเขตไทย กำลังจะไปที่หลักหมุด 46 ฉะนั้นไม่ควรจะไปดูเฉพาะนาทีกว่า และทำให้เกิดความเข้าใจว่า นายพนิช กำลังบอกว่า มากัมพูชาโดยที่นายกฯรู้อะไรอย่างนั้นไม่ใช่ ข้อเท็จจริง คือ ตนเองรู้ว่า นายพนิชจะมีการลงพื้นที่เป็นเรื่องปัญหาชายแดน ปัญหาที่ทำกิน ซึ่งมีผลกระทบมา แต่การประสานเจ้าหน้าที่ไม่ได้เกิดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการเผยแพร่คลิปนี้สร้างปัญหาอะไรให้เกิดขึ้นกับการช่วยเหลือคนไทยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ยังไม่มีประเด็นอะไรบ่งบอกว่า จะเป็นปัญหา แต่ได้ให้ทุกฝ่ายติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะบังเอิญไม่ใช่เรื่องนอกเหนือไปจากที่นายกษิต เดินทางไปพบรัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา ดังนั้นตรงนี้เป็นสิ่งที่ยืนยันได้เราไม่ได้ปิดบังอะไร ในกรณีที่นายพนิช ไปประสานกับกลุ่มที่เคลื่อนไหวในเรื่องนี้ และจะไปลงพื้นที่บริเวณชายแดน เมื่อถามต่อว่า ดูจะหน่อมแน้มไปหน่อยหรือเปล่าที่อยู่ๆ เราจะเข้าไปโดยที่ไม่รู้ว่า เป็นเขตแดนของเราหรือของคนอื่น นายกฯ กล่าวว่า บริเวณนี้การพูดถึงเรื่องเขตแดนเวลาจะอยู่ในพื้นที่จะยากลำบากพอสมควร สิ่งที่เราทำเพื่อให้เห็นว่า ช่วงที่ผ่านมาคือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันที่ 29 ธ.ค.53 และตลอดทั้งวัน เราได้พยายามให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นประสานงาน แก้ปัญหาในระดับท้องถิ่น แต่ไม่ประสบความสำเร็จ และบ่ายวันที่ 30 ธ.ค.นายกษิต ได้เดินทางไปกัมพูชา และได้รับสิ่งที่กัมพูชาบอกว่า เป็นหลักฐานคือ วิดีโอทั้งหลาย ซึ่งไม่ใช่แค่ 1 นาที หรือ 4 นาที แต่ถึง 20 นาที และกัมพูชาบอกเป็นการแสดงให้เห็นว่า มีการรุกล้ำเข้าไป ซึ่งเราได้นำวิดีโอนั้นกลับมา และส่งเจ้าหน้าที่ไปในวันที่ 31 ธ.ค.โดยเข้าไปในพื้นที่ตามที่ปรากฏภาพในวิดีโอเพื่อหาพิกัด ทำงานกันต่อเนื่องจนกระทั่งเคานต์ดาวน์ เพราะตอนตีหนึ่งตนยังคุยโทรศัพท์อยู่ และในวันที่ 1 ม.ค.54 ก็เอาข้อมูลที่ได้มาดูพิกัด บวกกับแผนที่เพื่อลงจุดให้ได้ แต่แผนที่ที่มีอยู่ขาดรายละเอียดพอสมควรทำให้เกิดปัญหาการลงจุดในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า กระบวนการศาลของกัมพูชา เราสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน และเราสามารถเข้าไปประกันตัวได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทั้ง 7 คนจะมีทีมทนายที่ช่วยดูเรื่องนี้อยู่ โดยสถานทูตเป็นผู้จัดหาทนายให้ เมื่อถามต่อว่า แสดงว่าตอนนี้ตอบไม่ได้ว่า กระบวนการศาลจะใช้เวลาเท่าไร และจะเข้าไปประกันตัวได้เมื่อไร นายกฯ กล่าวว่า เราก็ติดตามตลอด โดยประสานทุกช่องทาง และขอให้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งนี้เข้าใจว่า ทุกคนมีความเป็นห่วงเป็นใย และมีความเห็น แต่การพูดในแต่ละครั้ง แต่ละเรื่องบางทีส่งผลได้ เพราะถูกตีความผิด ฉะนั้น อยากให้ช่วยกันระมัดระวัง

ส่วนที่มีรายงานแจ้งว่า 7 คนไทยจะถูกนำตัวขึ้นศาลประมาณกลางเดือนมกราคมนี้นั้น นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจน และไม่ขอแสดงความเห็น ขณะนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ประสานเป้าหมายของเราคือ คนเหล่านี้ได้รับการปล่อยตัวมาโดยเร็วที่สุด และคดีเป็นเรื่องที่เราไม่สามารถไปกำหนดได้ แต่เป้าหมายของเรา คือ ทำอย่างไรให้คนเหล่านี้ได้รับการปล่อยตัว โดยเราพยายามสื่อสารทางฝ่ายกัมพูชาว่า เรื่องลักษณะนี้เป็นเรื่องซึ่งเกิดขึ้นอยู่เป็นระยะๆ ตามแนวชายแดน ไม่ควรจะให้มาลุกลามบานปลาย อย่างไรก็ตามตอนนี้รัฐบาลกัมพูชายังไม่ท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

“ตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ผมขอไม่พูดอะไรมาก เพราะอยากให้คนทำงานได้ทำงานอย่างไม่มีปัญหาอุปสรรค” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เมื่อถามว่า การเจรจาเบื้องต้นที่เราขอให้กัมพูชาไม่นำทั้ง 7 คนขึ้นสู่กระบวนการศาล แต่ไม่สำเร็จ ตรงนี้ทำให้เราต้องทบทวนอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำว่า เรามีเป้าหมายชัดเจน และจะดำเนินการไปตามความเหมาะสมของสถานการณ์ต่างๆ และถึงตอนนี้ตนเองก็ยังไม่ได้คุยกับสมเด็จฯฮุน เซน เมื่อถามต่อว่า การชุมนุมที่จังหวัดสระแก้วจะเป็นแรงกดดันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการประสานงานกับผู้ชุมนุม ซึ่งมีทั้งผู้ที่เดินทางเข้าไป และต่อต้านการเดินทางเข้าไป แนวทางคือพยายามไม่ให้เกิดปัญหากัน ทั้งนี้ผู้ที่เคลื่อนไหวจะมีแนวคิดอย่างไร ตนอยากจะขอให้มาพูดคุยกันได้ แต่การเคลื่อนไหวที่ทำให้ถูกตีความ หรือสร้างแรงกดดันอาจไม่เป็นผลดี ดังนั้น อยากให้นำความกังวลและความห่วงใยทั้งหลายมาพูดคุยกับทางรัฐบาลได้ ยืนยันรัฐบาลไม่ได้ละเลยหรือเพิกเฉย และพูดตามจริงการที่นายพนิชมาอยู่ในเรื่องนี้ทั้งหมด เพราะรัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยเกี่ยวกับข้อร้องเรียนของราษฎรเรื่องที่ทำกิน หากรัฐบาลเพิกเฉยนายพนิช คงไม่มาอยู่ตรงนี้ตั้งแต่ต้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อความจากในคลิปที่นายพนิช ให้เลขาฯแจ้งนายกฯคนเดียว ตรงนี้จะชี้แจงยังไง โดยเฉพาะเรื่องรุกล้ำไม่รุกล้ำ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฟังเสียงคลิปต่อจาก 1 นาทีจากที่นายพนิช พูด และคลิปตัวเต็มก็อยู่ในยูทูป เหตุที่ต้องแจ้งตนเองคนเดียว เพราะตอนที่ นายพนิช จะไปได้รายงานตน ฉะนั้นเลขาฯตนไปบอกคนอื่นก็คงไม่รู้เรื่องว่า คืออะไร ก็ต้องแจ้งตนจะไปแจ้งใคร เมื่อถามว่า การเดินทางเข้าไปยังกัมพูชาเป็นทางลับหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จะลับอะไร ซึ่งวันเกิดเหตุที่ตนแถลงข่าว ตนก็ได้บอกว่า ก่อนที่นายพนิช ไปได้บอกว่า ไปดูชายแดน เรื่องพื้นที่ทำกิน ที่ชาวบ้านมีเอกสารสิทธิแล้วเข้าไปทำกินไม่ได้ และเป็นข้อห่วงใยในปัญหาอื่นๆ และนายพนิช ยังได้บอกอีกว่า ถ้าถึงจุดที่ต้องมีการประสานงานกับเจ้าหน้าที่จะทำอย่างไร ตนยังบอกว่า ให้แจ้งกลับมา

เมื่อถามว่า คลิปดังกล่าวจะมีน้ำหนักทำให้กัมพูชาดำเนินคดีกับ 7 คนไทยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ต้องดูให้จบ และสิ่งที่เจ้าหน้าที่ 2 ฝ่ายดำเนินการกันอยู่คือ สภาพพื้นที่ตรงนั้น มีความไม่ชัดเจนหลายเรื่อง เพราะตัวเขตแดนยังอยู่ในกระบวนการที่ยังไม่ได้ข้อยุติ มีเพียงหลักเขตบันทึกทางวาจาเดิม ซึ่งเป็นจุดแผนที่ 1 ต่อ 5 หมื่น ใช้เป็นแนวอยู่ และถนนตรงนั้นทั้ง เค 5 และศรีเพ็ญก็วกไปวนมา เมื่อถามอีกว่า โดยสรุปตอนนี้ทางการของไทยตอบไม่ได้ว่า 7 คนไทยรุกล้ำหรือไม่รุกล้ำที่กัมพูชา แล้วจะเอาอะไรไปต่อสู้คดีในศาล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราเอาข้อเท็จจริง แต่ปัญหาตอนนี้คือ ทำอย่างไรเอาตัวพิกัดมาลงตามแผนที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุการณ์เกิดมาก่อนปีใหม่ ทำไมยังไม่สามารถหาพิกัดได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันมีเลขพิกัดอยู่ 2-3 ตัว แต่ก็มีประเด็นอีกว่า จุดที่ถือว่าถูกจับกุมคือจุดไหน ห่างกัน 2-3 ร้อยเมตรตรงนั้น ก็มีผลมาก แต่ถ้าฟังจากคำพูดของคณะทั้ง 7 คนอย่างครบถ้วน เห็นว่าเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะเข้าไปรุกล้ำ เขาไปในพื้นที่ซึ่งเขาเห็นว่า เป็นพื้นที่ของเรา ส่วนข้อเท็จจริงเป็นเรื่องต้องว่า กันตามข้อเท็จจริง และคำพูดของนายพนิชที่เกิน 1 นาทีครึ่งไปนิดเดียว เขาพูดเองว่า เรากำลังเดินไปหาหมุดที่ 46 มีประโยคที่บอกว่า เป็นพื้นที่ของไทย

ผู้สื่อข่าวถามว่า เรียกว่า ตายน้ำตื้นได้หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เรามีหน้าที่ช่วยเหลือคนเหล่านี้ เมื่อถามว่า จะนำคลิปฉบับเต็มมาเปิดเผยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คลิป 4 นาทีกว่านั้นตนก็ดูจากยูทูป แต่ตนได้มีโอกาสเห็นวิดีโอ 20 กว่านาที ที่ให้กระทรวงการต่างประเทศมาด้วย แต่ในที่สุดความจริงย่อมหนีไปไม่พ้นความจริง ขณะนี้ภาระหน้าที่เราคือ ทำอย่างไรไม่ให้เรื่องนี้บานปลาย และให้ 7 คนของเรากลับมาได้โดยเร็วที่สุด เมื่อถามว่า ทำไมนายกฯ ไม่คุยโดยตรงกับนายกฯฮุนเซน ยังไม่ถึงเวลา หรือในระดับเจ้าหน้าที่ยังสามารถแก้ไขปัญหาได้ นายกฯ กล่าวว่า ทางเจ้าหน้าที่กำลังทำงานกันอยู่ คือไม่อยากให้เกิดความสับสน ขอเรียนว่า เรื่องแบบนี้ไม่ขอพูดรายละเอียด อยากให้การทำงานไปได้ราบรื่นมากที่สุด

เมื่อถาม เป็นเพราะประมาทหรือไม่ จึงทำให้เรื่องบานปลายหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้เรามีหน้าที่ค้นหาความจริง และช่วยเหลือคนที่ถูกจับตัวไป เมื่อถามว่า สมมุตินายกฯเป็นประชาชนคนทั่วไป การที่ 7 คนเข้าไปโดยไม่มีเจ้าหน้าที่ ตชด.พาไป คิดว่า มันผิดปกติอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนคงไม่มีหน้าที่ต้องตอบคำถามนี้ และวันนี้อยากให้สังคมไทยร่วมตัวกัน มีเป้าหมายอย่างแน่ชัดคือการปกป้องช่วยเหลือคนไทย และปกป้องอธิปไตยของไทย การแสดงความคิดเห็นในระหว่างการแก้ไขปัญหายังไม่ลุล่วง จะทำให้การแก้ไขปัญหายุ่งยากขึ้น และการแก้ปัญหาถึงจุดหนึ่งมันก็ต้องมีคำตอบออกมา แต่ถ้าเราวิพากษ์วิจารณ์ซึ่งกันและกัน กับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง คิดว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะทำในขณะนี้ ควรให้การทำงานของเจ้าหน้าที่บรรลุเป้าหมาย คือ รักษาสิทธิของประเทศไทย และคนไทยให้ราบรื่นที่สุด หลังจากนั้นหากเหตุการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว แน่นอนเราก็มาสะสางเรื่องราวต่างๆ อื่นๆ ได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายปานเทพ พงศ์พัวพันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ยังปฏิเสธการเดินไป เพราะรู้ว่าไปก็ถูกจับ กลุ่มที่ไปดูก็รู้เหมือนกันว่า ไปแล้วจะถูกจับ นายพนิช ได้แจ้งตรงนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า นายพนิช บอกว่า จะไปจังหวัดปราจีนบุรีดูเรื่องทำกิน และตนก็ขอตอบเฉพาะที่เกี่ยวกับตน ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์คนอื่น เมื่อถามว่า ถือว่า นายพนิช ทำนอกเหนือจากคำสั่งหรือไม่ นายกฯ กล่าวย้ำว่า ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ใคร ตนเพียงแต่บอกความชัดเจนว่า นายพนิช เข้าไปเกี่ยวข้อง และตนเข้าไปเกี่ยวข้องอย่างไร ตนก็บอกว่า นายพนิช พยายามจะไปรับฟังประเด็นที่กลุ่มเขาเคลื่อนไหวเรื่องไทย-กัมพูชาอยู่ และเขาเห็นว่า มีประเด็นควรจะต้องได้รับการแก้ไขโดยรัฐบาล และตนไม่ได้ต้องการให้บ้านเมืองวุ่นวายว่า เราจะต้องมาทะเลาะกันเอง และมีผลกระทบความสัมพันธ์ เขาก็ไปช่วยหาข้อมูล แต่การไปหาข้อมูลตนไม่ทราบข้อเท็จจริง และนายพนิช แจ้งว่า จะไปลงพื้นที่ที่ปราจีนบุรี แต่ไมได้บอกละเอียด และไม่ได้บอกว่าจะไปกับนายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทยหัวใจรักชาติ

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ นายกฯบอกว่า ให้ นายพนิช ไปประสานกับกลุ่มที่เคลื่อนไหว นายกฯ ยอมรับว่า ถูกต้อง และถือเป็นเรื่องการทำงานของเขา แต่การเดินทางไปของนายพนิช ระบุว่าไปกับ พันตรี แซมดิน เลิศบุศย์ คนสนิท พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ และวันที่นายพนิช ไปเขาพูดถึงปัญหาว่า ผ่านด่าน ตชด.ไปโดยที่ไม่เจอใครเลย และในวิดีโอเจ้าหน้าที่กัมพูชามาพูดบอกว่า ทำไมไม่ประสาน เขาก็บอกว่าไม่เจอใคร เมื่อถามต่อว่า แบบนี้แสดงว่า นายพนิช ให้ข้อมูลนายกฯครบหรือไม่ที่จังหวัดสระแก้ว นายกฯ กล่าวว่า ไม่ขอพูดเพิ่มเติม แต่ข้อเท็จจริงที่ได้รับทราบเป็นอย่างนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯเครียดหรือไม่กับการที่ให้นายพนิช ประสานพันธมิตรฯ แต่กลับกลายเป็นการสร้างปัญหาระหว่างประเทศ และกลายเป็นปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างนายกฯกับพันธมิตรฯด้วย นายกฯ กล่าวว่า หน้าที่ตน คือ การช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้ และจะแก้ปัญหาจากข้อมูล และเหตุที่ปรากฎว่ามีหลายประเด็นที่จะต้องแก้ไข

เมื่อถามว่า ตอบได้หรือไม่ทั้ง 7 คนจะได้รับการปล่อยตัวไม่เกินเดือนมกราคม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เดี๋ยวเราจะติดตามสถานการณ์ และไม่อยากให้ความคิดเห็นคาดการณ์อะไรต่างๆ อยากให้เจ้าหน้าที่ทำงานโดยไม่มีอุปสรรคเพิ่มเติมดีที่สุด ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่ขอความช่วยเหลือพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องหาก่อการร้าย ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับกัมพูชา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เป้าหมายของเราคือไม่ต้องการให้เหตุการณ์บานปลาย แต่หลังจากที่นายพนิช ถูกจับยังไม่เคยคุยกับนายพนิช เลย เมื่อถามว่า ตอนนี้ระดับความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชายังปกติใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ณ ขณะนี้ใช่ครับ แต่ไม่ขอตอบเหตุการณ์ล่วงหน้า ขณะนี้ขอให้เราทำงานเรื่องนี้ ถ้าเราไปพูดอะไรจะกลายเป็นถูกตีความอย่างนั้นอย่างนี้



กำลังโหลดความคิดเห็น