xs
xsm
sm
md
lg

เจ้าของที่หมุด 46 ยันทหารขแมร์ซุ่มจับ “พนิช” ในแดนไทย จี้นายกฯ ลงพื้นที่แบบเงียบๆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพแผนที่ที่คาดว่า คณะของนายพนิช วิกิตเศรษฐ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ เดินเข้าไปก่อนถูกทหารกัมพูชาจับกุม (ขอบคุณภาพจากเว็บ 15มูฟ)
เจ้าของที่ดินในหลักเขตที่ 46-48 โวยโดนเขมรยึดพื้นที่ทำนาไม่ได้มากว่า 30 ปี ยันมีเอกสารสิทธิที่ทำกิน แฉ กฟผ.ใช้ที่นาชาวบ้านขายไฟให้พวกรุกแดน ซัด ผบ.ทบ.ยุคเก่าไม่เคลียร์พื้นที่หลังสงครามเขมรสงบ ทำปัญหาเรื้อรัง แฉทหารเขมรแต่งไปรเวตซุ่มดักจับ “พนิช” ก่อนพาเข้ายัดข้อหาในแดนตัวเอง ปูดชุมชนรุกเพียบ แถมมีร้านเกะด้วย แนะ “มาร์ค-กษิต” แต่งชุดบ้านๆ ลงมาดูจะเห็นอะไรดีๆ


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง จ.ส.อ.ฤทธี เคยประสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ 

ASTVผู้จัดการ - วันนี้ (4 ม.ค.) จ.ส.อ.ฤทธี เคยประสิทธิ์ เจ้าของที่ดินในหลักเขตที่ 46-48 อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กล่าวในรายการ News Hour ทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ถึงกรณีพื้นที่ที่นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ และคณะ ถูกทหารกัมพูชาจับกุม ว่า ตนเคยเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการแล้วในเรื่องที่ทำกินเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งก็ได้มีเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปดูในพื้นที่ดังกล่าว ก็หลักเขตที่ 46 จริง พร้อมมีการถ่ายรูปและยิงสัญญาณดาวเทียม ซึ่งจากนั้นตนก็จะพาเดินเข้าไปในหลักเขตที่ 47 แต่คณะเดินทางไม่ยอมไป โดยอ้างว่ายิงสัญญาณดาวเทียมไปแล้ว หลังจากนั้น ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามคำร้องเรียน กระนั้นเมื่อสมัยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตนก็ได้เดินทางไปยื่นหนังสือให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เกาะช้าง แต่ก็ไม่มีการดำเนินการอะไร หลังจากนั้น ตนจึงได้ให้ นายพรพล ไปยื่นต่อ นายอลงกรณ์ พลบุตร ซึ่ง นายอลงกรณ์ ก็ได้ตั้งกระทู้ถามสดในสภาผู้แทนราษฎรต่อ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น โดย พล.อ.ชวลิต ตอบกระทู้ว่าจะชดเชยให้ ซึ่ง นายอลงกรณ์ ก็ได้ส่งเทปการตอบกระทู้สดมาให้ตน แต่หลังจากนั้น พล.อ.ชวลิต ก็ไม่ทำอะไร

จ.ส.อ.ฤทธี กล่าวว่า จากนั้นตนก็ไปยื่นหนังสือให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ อีกครั้งหนึ่ง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ดำเนินเรื่องให้ พอ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ตนก็ฝากเรื่องไปยังนายพรพล อีก แต่เรื่องก็เงียบหายไป ต่อมา นายวีระ สมความคิด แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ได้เข้ามาในพื้นที่ ชาวบ้านก็เลยพาเข้าไปในบริเวณเขตแดนไทยที่กัมพูชาครอบครองอยู่ ก่อนที่จะโดนจับ ซึ่งในครั้งนั้นตนได้โทรศัพท์ประสานกับ ตชด.ให้นำคนของเราออกมาได้สำเร็จ ทั้งนี้ ตนยืนยันว่า มีเอกสารสิทธิในที่ดินทำกิน แต่ตนก็ไม่เข้าไปทำนาในพื้นที่ไม่ได้ พอจะเข้าไปทำนาในพื้นที่ของตนก็ถูกทางกัมพูชาเอาปืนไล่ ขณะที่กัมพูชาได้ให้ทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มาตั้งเสาไฟฟ้าบนที่ดินของชาวบ้าน โดยเป็นการขายไฟฟ้าให้กับกัมพูชา

จ.ส.อ.ฤทธี กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นว่า เรื่องของเรื่อง คือ ทหารไทยไม่ทำอะไรตั้งแต่เสร็จสิ้นสมัยสงครามภายในประเทศกัมพูชา โดยพื้นที่ดังกล่าว เคยเป็นพื้นที่ลี้ภัยของกองกำลังเขมรเสรี และต่อมาทางสหประชาชาติได้จัดเป็นพื้นที่ลี้ภัยสงครามให้กับชาวกัมพูชา จากนั้นได้เคยมีผู้มาไล่ชาวกัมพูชาที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ แต่ชาวกัมพูชาไม่ยอมออกจากพื้นที่โดยอ้างว่าจนกว่าจะมีหลักแดนที่ชัดเจน ซึ่งตนมองว่า หากผู้บัญชาการทหารบกในยุคนั้นจัดการตั้งแต่แรกปัญหาก็จะไม่เกิด โดยขณะนี้มีชุมชนกัมพูชามาอาศัยอยู่ในพื้นที่แล้วกว่า 50 หลัง รวมทั้งร้านคาราโอเกะด้วย พร้อมกับมีทหารกัมพูชาแต่งชุดไปรเวตยึดครองบริเวณหลักเขตดังกล่าว ซึ่งมีฐานอยู่หลังหลักเขตกัมพูชาแต่ตัวทหารกัมพูชาเองกลับข้ามมาอยู่ในเขตไทย ซึ่งตนเชื่อว่าเป็นชุดเดียวกับที่จับกุมนายพนิช

ส่วนที่กระทรวงการต่างประเทศ และทางรัฐบาลพยายามที่สรุปว่าจุดที่ดินดังกล่าวเป็นแผ่นดินของกัมพูชานั้น จ.ส.อ.ฤทธี กล่าวว่า ตนอยากรัฐบาลให้ลงมาดูที่หลักเขต ว่า ตรงไหนเป็นของเรา ตรงไหนเป็นของเขา อย่าได้แต่พูด ถ้านายกฯ หรือนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล้ามาจริง ตนจะขอกราบเท้าเลย ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า จุดที่ นายพนิช ยืนและถูกจับกุมเป็นพื้นที่เขตแดนไทย คาดว่า ทหารเขมรคงยังซุ่มอยู่จนเห็นว่าเข้ามาใกล้ดินแดนจึงจับกุมและสร้างหลักฐานว่ารุกล้ำพื้นที่ ซึ่งถ้าเดินจากหลักเสาตามคลิปดังกล่าวไปจนถึงหมุดที่ 46 จะมีระยะทางประมาณ 600-800 เมตร

“ผมขอนายกฯ ช่วยดูแลเรื่องนี้ เพราะชาวบ้านเขาเสียภาษีให้รัฐแต่ไม่ได้ที่ทำกิน จนไม่มีเงินจะเสียแล้ว ผมอยากให้ลงมาดูพื้นที่ว่าเป็นอย่างไร และหากินอย่างไร ทำนาแล้วมีปัญหาไหม ถ้ารัฐบาลจะไม่เอาคืนที่ดินจากเขมร ก็ควรจะหาที่ทำกินให้ใหม่และจ่ายค่าดำเนินการเสียหายซึ่งไม่ได้ทำกินมากว่า 30 ปี ส่วนที่ว่าอาจมีผลประโยชน์ระหว่างทหารนั้น ผมไม่ขอพูดถึง แต่อยากให้นายกฯ ลงมาเอง ขอให้มาเงียบๆ แต่งตัวแบบชาวบ้าน นั่งรถกระบะมา จะได้เห็นอะไรดีๆ ทั้งนั้น” เจ้าของที่ดินในหลักเขตที่ 46-48 กล่าว

จ.ส.อ.ฤทธี กล่าวอีกว่า ล่าสุด ตนได้เดินไปสำรวจในพื้นที่ดังกล่าวพบว่าขณะนี้ได้ขึ้นป้ายกฎอัยการศึกไว้แล้ว ส่วนผู้ที่มาคัดค้านการชุมนุมของกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาตินั้น ตนเห็นว่า กลุ่มดังกล่าวถูกบีบให้ออกมาเคลื่อนไหว เพราะเกรงว่าจะเสียประโยชน์ในการค้าขายกับเขมร ตนก็แปลกใจทั้งๆ ที่สมัยก่อนที่หมู่บ้านถูกชาวกัมพูชารุกราน แต่ตนเชื่อว่าหลังจบเหตุการณ์ดังกล่าวแล้วทั้ง 2 ประเทศก็จะกลับมาค้าขายเหมือนเดิม
กำลังโหลดความคิดเห็น