“สุเทพ” กร้าวไม่ยอมให้ไพร่แดงนำสมุนบุกราบ 11 ลั่นพร้อมประกาศกฎอัยการศึกจัดการขั้นเด็ดขาดทันที ขณะเดียวกันเตือนแกนนำปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้
วันนี้ (28 มี.ค.) เวลา 08.18 น. ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ศอ.รส. กองพลหารราบที่ 11 รักษาพระองค์นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง พร้อมด้วย พล.อ. ประวิตร วงษ์วสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา เสนาธิการทหารบก นายสุเทพ กล่าวว่า ศอ.รส.นี้จัดตั้งขึ้นโดยมติความเห็นของครม. ภายใต้กฎหมายความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อที่จะใช้ ศอ.รส.แก้ไขคลี่คลายสถานการณ์ ปกป้องดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน และทางราชการ เพื่อให้บ้านเมืองของเรามีความสงบเรียบร้อย และดำเนินต่อไปได้ หลักในการดำเนินการของศอ.รส.ยึดหลักการปฏิบัติการทุกอย่างต้องอยู่ภายในกรอบของกฎหมายเท่านั้น และศอ.รส. เคารพในสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งผู้มาชุมนุมและที่เป็นเจ้าของประเทศ แม้เราปฏิบัติหน้าที่ด้วยความผ่อนปรน แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเคารพความรู้สึกของประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศด้วย ก็ในการปฏิบัติหน้าที่ของศอ.รส. ทั้งที่เป็นพลเรือน ตำรวจ เจ้าหน้าที่ทางการทหาร ได้ยึดหลักการอดทน อดกลั้น ยืดหยุ่น ด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้เหตุการณ์ทั้งหลายขยายตัว พี่น้องในกรุงเทพฯเห็นชัดเจน เราได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ไปรักษาความสงบเรียบร้อย กระจายออกไปรักษาความสงบทั่วทั้งพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่เป้าหมายของการก่อเหตุการณ์ แต่ว่าเจ้าหน้าที่เหล่านั้น ไม่ได้พกพาอาวุธร้ายไปเลย ทำงานด้วยมือเปล่า มีเพียงแต่อุปกรณ์ปกป้องตนเอง เช่น โล่ หรือกระบองเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้กลุ่มคน หรือบุคคลมาบิดเบือน สร้างสถานการณ์ว่า เจ้าหน้าทำร้ายประชาชน หรือมีเจตนาที่จะทำร้ายประชาชน ตรงนี้เป็นเรื่องที่ขอให้พี่น้องประชาชนได้สังเกต เห็นถึงความตั้งใจของเจ้าหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ข้อเสียคือว่า เวลามีคนร้ายเข้าไปโจมตีสถานที่ของทางราชการขว้างระเบิดใส่ หรือยิงระเบิดเข้าใส่ มักจะได้รับบาดเจ็บ เพราะไม่มีอาวุธตอบโต้ได้ทันที เราจะติดตามคนก่อเหตุร้ายเหล่านั้นมาดำเนินคดีได้ทุกราย เราต้องทำกฎหมายให้ศักดิ์สิทธิ์ และต้องให้คนเหล่านี้ต้องได้รับโทษทางกฎหมาย บางคดีจับกุมคนร้ายได้แล้ว บางรวบรวมหลักฐานได้แล้ว เพื่อดำเนินการจับกุมตัวมาเรียบร้อยแล้ว ตนและผู้รับผิดชอบในศอ.รส.ทุกท่าน จะพยายามปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง และจะให้พี่น้องข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ได้ทำหน้าที่โดยเต็มที่ต่อไป ขอขอบคุณประชาชนที่สนับสนุน ศอ.รส.ด้วยการแจ้งเบาะแส และข้อมูล ศอ.รส.รู้สึกเสียใจพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ต้องพลอยได้รับบาดเจ็บจากการกระทำขอคนร้ายในบางกรณี แน่นอนเราเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อเจ้าหน้าที่ของเราด้วยทำงานด้วยมือเปล่า ได้รับบาดเจ็บ
“ยืนยันว่า ศอ.รส.จะไม่ยอมผ่อนปรนโดยเด็ดขาดในการที่จะปกป้องรักษาสถานที่สำคัญ เช่น โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านเป็นศูนย์รวมใจของพี่น้องประชาชนชาวไทย เราทราบพี่น้องเป็นห่วง สนามบินสุวรรณภูมิ รัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล สถานที่เหล่านี้ ศอ.รส.จะพยายามดูแลอย่างเข็มงวด และไม่ยอมผ่อนปรน กรณีที่มีการผ่อนปรนให้ผู้ชุมนุมไปเมื่อวาน ด้วยเหตุที่เราพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการกระทบกระทั่ง บานปลาย ศอ.รส.มีความกังวลใจ ขอซักซ้อมชี้แจงพี่น้องประชาชน บรรดาแกนนำ และผู้ร่วมชุมนุมที่มาบริเวณด้านหน้ากรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ซึ่งเป็นที่ตั้งสำคัญของทางทหาร และมีกฎหมายพิเศษที่จะให้อำนาจผู้บัญชาการหน่วยทหารแห่งนี้ ใช้อำนาจตามกฎหมายดูแลปกป้องสถานที่สำคัญแห่งนี้ กรมทหารราบที่ 11 เป็นสถานที่สำคัญของทหาร นอกจากมีทหารแล้ว ยังมีอาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ของกองทัพปกป้องประเทศ ปกป้องอธิปไตยของประเทศ เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ยอมให้ใครบุกรุกเข้ามาปราศจากการควบคุม เพราะผู้บุกรุกเหล่านั้น อาจจะฉวยโอกาสหยิบเอาอาวุธไปก่อการร้ายไปทำร้ายประเทศ ทำร้ายประชาชนข้างนอกได้ ถ้าหากมีกรณีการบุกรุกทหารราบที่ 11 ศอ.รส.ได้ตัดสินใจมอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่กรมพลทหารราบที่ 11 แห่งนี้ กรณีนี้เราไม่ได้มองพี่น้องประชาชนเป็นศัตรู แต่ต้องยับยั้งเหตุร้าย หรือการก่อการร้าย การประกาศใช้กฎอัยการศึกนั้น จะประกาศใช้ก็ต่อเมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่สามรถควบคุมได้ มีการบุกรุกกรมพลทหารราบที่ 11 เท่านั้น และประกาศใช้เฉพาะกรมทหารราบที่ 11 เท่านั้น จึงจะไม่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตปกติของพี่น้องประชาชนที่อยู่ภายนอก” นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ตนต้องประกาศซักซ้อม ถ้าหากมีการประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่นี้ จะแจ้งประชาชนทราบทันที เรายึดสำคัญ เรากราบเรียนข้อเท็จจริงในทุกเรื่อง ให้ประชาชนรับรู้ทุกขั้นตอนของศอ.รส. ถ้าไม่มีการบุรุกกรมพลทหารราบที่ 11 ก็จะไม่มีการประกาศกฎอัยการศึก และแม้ประกาศใช้ไปแล้ว ถ้าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ก็จะเลิกใช้ทันที อยากจะส่งข่าวสารไปถึงแกนนำผู้ชุมนุมตระหนักในเรื่องนี้ และขอให้ระมัดระวังควบคุม ดูแลพี่น้องประชาชนจำนวนมาก อาจมาร่วมชุมนุมอาจมีผู้ยุยง ปลุกปั่น อยากให้แกนนำทั้งหลายร่วมกันรับผิดชอบ เพราะไม่สามารถปฏิเสธได้แกนนำทั้งหลายพาพี่น้องมาด้วยตัวเอง ศอ.รส.จะพิจารณาใช้กฎหมายที่เหมาะสม และจำเป็นในการแก้ไขสถานการณ์ เพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ตนให้ความมั่นใจได้ว่าทุกภาคส่วนราชการร่วมมือปฏิบัติหน้าที่ 24 ชั่วโมงด้วยความเข้มแข็ง
เมื่อถามว่า เหตุการณ์ระเบิดตื่อเนื่องหลายจุดจะตัดสินใจประกาศกฎอัยการศึกวบางส่วนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า การประกาศเคอร์ฟิวร์มันกระทบต่อการดำรงค์ชีวิตตามสิทธิของพี่น้องประชาชนมาก เรามหลีกเลี่ยงที่จะไม่ทำ เมื่อถามงว่า แต่สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนเราไม่สามารถควบคุมกุมผู้ก่อเหตุได้ นายสุเทพ กล่าวว่า ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของ กทมม.เราควบคุมได้ แต่มีบางพื้นที่ที่มีคนจ้องอยู่เขาพก็พยาหาจุดอ่อน เราก็พยายามจะเข้มงวดมากขึ้น กระขายพื้นที่ให้มากขึ้น
เมื่อถามว่า การที่เขาสามารถนำระเบิดมายิงได้และก่อเหตุได้ถือเป็นจุดอ่อนไหวของกำลังพลใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า เขาต้องการที่จะยั่วยุเจ้าหน้าทีททหารเราให้โกรธ มีอารมณ์ในการตอบโต้ แต่ว่าทำไม่สำเร็จหรอก เพราะเราได้ซักซ้อมเจ้าหน้าที่ดีว่าการปฏิบัติหน้าที่คราวนี้เราใช้อารมณ์ไม่ได้ ต้องทำหน้าที่
เมื่อถามว่าจะทำหื้เจ้าหน้าที่เกิดควาเมสียขวัญหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่เสียขวัญ เจ้าหน้าที่บาดเจ็บเราก็ไปเยี่ยมเยียนทุกคน เมื่อคืนพี่น้องประชาบชนที่บาดเจ็บก็ไปเยี่ยม ตรงไหนไปเองไม่ได้ก็มอบให้รัฐมนตรีกระทรวงพัฒนาสังคมฯไป และเมื่อร้ว่าเขาขาดเลือดกรุ๊ปเอบี เราก็ไปขอให้นำเลือดที่โรงพบยาบาลพระมงกุฎฯมีอยู่มาช่วยก่อน และได้ขอให้บอกกับกำลังพลเจ้าหน้าที่ทหารใครมีรเลือดกรู๊ปนี้ให้ไปบริจาค
เมื่อถามว่าเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลประทบอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า สำหรับงพี้น้องประชาชนพลเรือนทีได้รับบาดเจ็บเราจ่ายค่ารักษษพยายาลให่หมดและจะดูแล ตนยังพูดกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สาธารณสุข ให้ไปดูในวันที่ผู้ก่อเหตุยิงเข้ากระทรวงสาธารณสุขมีข้าราชการที่เป็นเข้าของรถยนต์ที่เสียหายให้ไปดูเสียหายเท่าไรก็ให้เยียวยา
เมื่อถามว่าในสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ปกติแบบนี้นายกฯยังเดินทาไปต่างประเทศโดยบอกเป็นภารกิจนสำรคัญตอนนี้ยังมีอะไรที่สำคัญมากกว่าการดูแลบ้านเมือง นายสุเทพ กล่าวว่า มันก็สำคัญทำนองนี้ แต่ฃตนคงไม่สมารถที่จะพูดได้ แต่นายกฯก็ได้มอบหมายให้ดูแลแล้ว เมื่อถามว่า ไม่กังวนว่าจะถูกมองหนีสถานการณ์ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ นายกฯไม่ได้หนีสถานการณ์อยู่ในสถานการณ์ตลอด การเดินทางไปต่างประเทศของนายกฯไม่ได้ไป 7 วีน 10 วัน ทิ้งบ้านทิ้งเมืองอย่างนั้น ไปเช้ากลับบ่าย กลับเย็นไม่เรื่องที่ใครจะมากล่าวหาอย่างนั้นได้
เมื่อถามว่า อาจมีการพูดถึงเรื่องการแสดงสปิริต นายสุเทพ กล่าวย้ำว่า ไม่ นายกฯติดตามสถานการณ์และตนได้รายงานเกือบทุกชั่วโมง เมื่อถามย้ำว่า อาจถูกกล่าวหาในลักษณะไม่กล้าหาญพอที่จะเผิญสถานการณ์ นายวสุเทพ กล่าวย้ำอีกว่า ไม่เป็นอย่างนั้น นายกฯพร้อม ที่จะเผชิญหน้าทุกเหตุการณ์ แต่เมื่อตั้งคณะทำงานฯมีผู้รับผิดชอบแล้ว ก็ต้องให้อำนาจของคณะทำงานและผู้รับผิดชอบทำงานโดเยไม่ไปสอดแทรกก้าวก่าย ทั้งนี้นายกฯยังกำกับดูแลอยู่ แต่ให้พวกเราได้ติดแก้ไขสถานการณ์กันเยไม่ต้องเป็นภาระห่วงกังวนที่นายกฯจะเข้ามาแทรกแซง
เมื่อถามว่า การที่ไม่เปิดเผยว่านายกฯอยู่ที่ไหนเป็นการทำให้สังคมมองว่านายกฯไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ได้ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของพวกตนที่จะตัดสินใจที่จะไม่พูดเพราะพวกตนนอกจากมีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของ บ้านเมืองแล้ว เราก็ต้องมีหน้าที่ที่จะต้องรักษาผู้นำของประเทศ เพราะท่านต้องเป็นผู้ดูแลกำกกับบริหารประเทศ เป็นภาระของพวกตน และตนได้ขอร้องนายกไฯเองว่าอยู่ตรงไหนอย่าไปแสดง เพราะอีกฝ่ายหนึ่งประกาศตลอดเวลาอยู่ตรงไหนจะตามไปรังควาน ตอนนี้นอกจากท่านจะเดือดร้อนแล้วพี่น้องประชาชนคนอื่นๆที่อยู่รอบๆท่านก็จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย
เมื่อถามว่า นายกฯอยู่ใน กทม.หรือต่างจังหวัด นายสุเทพ ตอบเลี่ยงๆว่า อยู่แถวๆนี้แหละ เมื่อถามว่าการกันตัวนายกฯออกไม่ให้รู้ที่อยู่ ส่วนหนึ่งเพราะมีการข่าาวนายกฯตกเป็นเป้าหมายถุกลอบทำร้ายหรือเปล่า นายสุเทพ ถอนหายใจพร้อมกับกล่าวว่า พวกตนมีหน้าที่ดูแลรักษานายกฯให้ปลอดภัยให้สามารถทำหน้าที่บริหาราชการบ้านเมืองได้ แม้นายกฯไม่อยู่หากมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นตนก็สมารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทันที อย่ากังวนใจ ตนมีวิธีการ ยืนยันว่าตนยังอยู่ที่นี่ไม่ได้ไปไหน
เมื่อถามว่า เมื่อเราประกาศกฎอัยการศึกเราสามารถที่จะสลายการชุมนุมได้ทันทีเลยหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า อย่างที่เรียนไปที่นรี่ไม่ใช่แค่เป็นที่ตั้งของ ศอ.รส.แต่มีอาวุธยุทธโทปกรณ์มากมาย หากคนเหล่านี้หยิบฉวยไปได้อาจเป็นสงครามยิ่งใหญ่ เมื่อถามว่า มีความเป็นไปได้ที่จะต้องสลายการชุมนุม นายสุเทพ กล่าวยอมรับว่า ครับ
เมื่อถามว่าที่บอกว่านายกฯไม่ได้หนีสถานการณ์อาจถูกมองได้ว่านายกฯไม่พยายามที่จะเข้ามาดูแลสถานการณ์ด้วยตัวเอง หากเกิดเหตุคับขันจะชี้แจงอย่างไร นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่คับขันหรอก ต้องเข้าใจการทำงาน ในขณะที่พวกตนกำลังแก้ไขสถานการณ์อยู่ถ้ายังต้องฝพะวงเรื่องการปกป้องรักษานายกฯอย่างไร พวกเราทำงานยาก
เมื่อถามว่า แสดงว่าเหตุผลที่นายกฯไม่อยู่ที่นี่เพราะเป็นการรักษาความปลอดภัยส่วนสตัวของนายกฯ นายสุเทพ กล่าวว่า นายกฯไม่ใช่เป็นบุคคลแค่นาย กอ นายขอ นายกฯเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศ เป็นผู้ที่จะดูแลเรื่องการบริหาร แก้ไขปัญหาสำคัญๆของบ้านเมือง ฉะนั้นเราจะไม่ให้นายกฯเข้ามาลงสนามรับผิดชอบอะไรอย่างนั้นเอง ที่ไหนเขาก็ทำกันอย่างนี้
เมื่อถามว่า บริหารงานบนความหวาดกลัวมากไปหรือเปล่า นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ครับ ไม่มีอะไรที่หวาดกลัว ขอยืนยัน เดี๋ยวก็จะได้พิสูจน์กัน เมื่อถามว่าวันนี้การตัดสินใจยุบสภาฯตามข้อเรียกร้องกับการบริหารสถานการณ์ในขณะนี้อะไรดีกว่ากันสำหรับประเทศ นายสุเทพ กล่าวว่า คำถามอย่างนี้จะตอบทีเดียวตอนนี้จะเป็นปัญหา เอาไว้ค่อยถาม เมื่อถามว่านายกฯจะแถลงปฏิเสธการเจรจาในภาวะที่ถูกคุมคามกฎดันหากแกนนำส่งตัวแทนเข้ามาเจรจาท่านพร้อมยินดีต้อนรับหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ถ้าเป็นตังแทนพร้อมต้นอรับ จะหาน้ำหาท่าให้ ถ้าเป็นตัวแทนมา 3 คน 5 คน ไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่า เรื่องวินาศกรรมก่อนหน้านี้บอกว่าเป้าหมายคือสถานที่ราชการแต่ตอนนี้สื่อก็โดนด้วยเป้าหมายมีแจ้งเปลี่ยนหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง ส่วนเรื่องอาวุธที่ทะลักมาก่อเหตุนี้ตนก็พยายามตามอยู่ วันก่อนก็จับได้นิดหน่อย
รายละเอียด “สุเทพ” แถลงข่าว
การรักษาความสงบเรียบร้อยนั้น เราได้ยึดหลักว่าในการปฏิบัติการทุกอย่างทุกประการ จะต้องอยู่ภายในกรอบของกฎหมายเท่านั้น และศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยเคารพในสิทธิ ในเสรีภาพของพี่น้องประชาชน ทั้งผู้ที่มาชุมนุม และพี่น้องประชาชนที่เป็นเจ้าของประเทศ แม้ว่าเราจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความผ่อนปรน อะลุ้มอล่วย แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเคารพต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชนผู้เป็นเจ้าของประเทศด้วย
ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ทั้งที่เป็นพลเรือน ทั้งที่เป็นตำรวจ ทั้งที่เป็นเจ้าหน้าที่ทางการทหาร โดยยึดหลักการอดทนอดกลั้น ยืดหยุ่น ผ่อนปรน โดยความระมัดระวังอย่างที่สุด เพื่อที่จะไม่ให้เหตุการณ์ทั้งหลายขยายตัว บานปลายจนเกิดความเสียหายกับบ้านเมือง พี่น้องประชาชนที่อยู่ในกรุงเทพมหานครจะเห็นชัดเจนว่าเราได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร กระจายกันออกไปรักษาความสงบเรียบร้อยทั่วทั้งพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เป็นเป้าหมายของการก่อเหตุการณ์ แต่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นไม่มีผู้ใดที่ได้พกพาอาวุธร้ายไปเลย เจ้าหน้าที่ทำงานด้วยมือเปล่า มีเพียงแต่อุปกรณ์ในการปกป้องตนเอง เช่น โล่ หรือกระบองเท่านั้น
ทั้งนี้ เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้กลุ่มคน หรือบุคคลใดมาบิดเบือนสร้างสถานการณ์กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ทำร้ายประชาชน หรือมีเจตนาที่จะทำร้ายประชาชน ตรงนี้เป็นเรื่องที่ผมอยากจะขอให้พี่น้องประชาชนได้สังเกต ได้พิจารณา ได้เห็นถึงความตั้งใจของเจ้าหน้าที่ที่จะปฏิบัติต่อประชาชนด้วยความระมัดระวัง ข้อเสียก็คือว่า เวลามีคนร้ายเข้าไปโจมตีสถานที่ของทางราชการ เช่น ขว้างระเบิดเข้าใส่ หรือยิงระเบิดใส่ เจ้าหน้าที่มักจะได้รับบาดเจ็บ เพราะไม่มีอาวุธที่จะตอบโต้ได้ทันท่วงที
อย่างไรก็ตาม เราจะพยายามที่จะติดตาม นำตัวคนร้าย ผู้ก่อเหตุร้ายเหล่านั้นมาดำเนินคดีให้ได้ทุกราย เราต้องทำให้กฎหมายบ้านเมืองศักดิ์สิทธิ์ และต้องให้คนเหล่านี้ต้องได้รับโทษตามกฎหมาย ขณะนี้บางคดีก็ได้จับกุมคนร้ายได้แล้ว บางคดีก็ได้รวบรวมพยานหลักฐานชัดเจนแล้ว ขอหมายศาลเพื่อที่จะดำเนินการจับกุมตัวมาเรียบร้อยแล้ว
ผมและผู้รับผิดชอบในศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยทุกท่าน จะพยายามที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเข้มแข็ง และจะให้พี่น้องข้าราชการ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร ได้ทำหน้าที่โดยเต็มที่ต่อไป ต้องขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ได้กรุณาให้การสนับสนุนการทำงานของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ด้วยการแจ้งเบาะแสข้อมูล จนทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของเราหลายด้านประสบความสำเร็จ
ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย รู้สึกเสียใจที่พี่น้องประชาชน สุจริตชน ผู้บริสุทธิ์ ต้องพลอยได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของคนร้ายในบางกรณี แน่นอนเราเสียใจเป็นอย่างยิ่งต่อเจ้าหน้าที่ของเราด้วย ที่ทำงานด้วยมือเปล่าแล้วก็ได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม ขอกราบเรียยืนยันให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้มีความมั่นใจว่า ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยจะไม่ยอมผ่อนปรนโดยเด็ดขาด ในการที่จะปกป้องรักษาสถานที่สำคัญที่เราได้กำหนดไว้เป็นเป้าหมาย เช่น โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ประทับอยู่ที่นั่น พระองค์ท่านทรงเป็นศูนย์รวมใจของพี่น้องประชาชนชาวไทย เราทราบว่าพี่น้องเป็นห่วง หรือสนามบินสุวรรณภูมิ หรือรัฐสภา หรือทำเนียบรัฐบาล สถานที่เหล่านี้ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยจะพยายามที่จะดูแลอย่างเข้มงวด และไม่ยอมผ่อนปรน
กรณีที่มีการผ่อนปรนให้กับผู้ชุมนุมที่ได้ดำเนินการไปเมื่อวานนั้น ก็ด้วยเหตุที่เราพยายามที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการกระทบกระทั่ง ไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย สำหรับวันนี้ศูนย์อำนวยการฯ มีความกังวลใจที่จะต้องขอซักซ้อมและขอทำความเข้าใจ ชี้แจงกับพี่น้องประชาชน และบรรดาแกนนำ รวมทั้งผู้ที่มาร่วมชุมนุมในวันนี้ ขณะนี้ผู้ร่วมชุมนุมได้มาที่บริเวณด้านหน้าของกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เป็นที่ตั้งสำคัญของทางทหาร และมีกฎหมายพิเศษของทางทหารที่จะให้อำนาจผู้บัญชาการของหน่วยทหารแห่งนี้ ใช้อำนาจตามกฎหมายนั้น ดูแลปกป้องสถานที่สำคัญแห่งนี้
กราบเรียนว่า กรมทหารราบที่ 11 เป็นที่ตั้งที่สำคัญของทหาร ก็เหมือนกับหน่วยทหารในกองทัพทั้งหลาย นอกจากมีเจ้าหน้าที่ทหารแล้ว ที่นี่ต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ของกองทัพ ที่มีไว้เพื่อปกป้องประเทศ ปกป้องอธิปไตยของชาติ เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมให้ใครบุกรุกเข้ามาในลักษณะที่ปราศจากการควบคุม เพราะผู้บุกรุกเหล่านั้นอาจจะถือโอกาสหยิบฉวยเอาอาวุธ เอาเครื่องมือของทางราชการ แล้วเอาไปก่อการร้าย ไปทำร้ายประเทศ ทำร้ายประชาชนข้างนอกได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ต้องขออนุญาตกราบเรียนให้พี่น้องประชาชนได้ทราบว่า ถ้าหากมีกรณีการบุกรุกเข้ามาที่กรมทหารราบที่ 11 ทางศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ได้ตัดสินใจมอบอำนาจให้ผู้บัญชาการทหารประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่กรมทหารราบที่ 11 แห่งนี้
ตรงนี้ที่จำเป็นต้องกราบเรียนกับพี่น้องประชาชน เพราะสำหรับพี่น้องประชาชนโดยทั่วไปแล้ว พี่น้องประชาชนจะรู้สึกว่าการประกาศใช้กฎอัยการศึกนั้น เป็นมาตรการที่รุนแรง และมักจะไม่นำมาใช้ในพื้นที่ส่วนใดของประเทศ ปกติจะใช้ในบริเวณชายแดน หรือจังหวัดที่ล่อแหลมต่อการบุกรุกของอริราชศัตรู แต่กรณีนี้เราไม่ได้มองว่าพี่น้องประชาชนเป็นศัตรู แต่ที่ต้องทำนั้นเพื่อที่จะต้องระงับยับยั้งเหตุร้าย หรือการก่อการร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการบุกรุกเขตของกรมทหารราบที่ 11 แห่งนี้
ขอเรียนกับพี่น้องว่า จะประกาศใช้ต่อเมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่สามารถจะควบคุมได้ มีการบุกรุกเข้ามาในเขตกรมทหารราบที่ 11 แล้วเท่านั้น และกฎอัยการศึกนี้จะบังคับใช้เฉพาะในเขตพื้นที่กรมทหารราบที่ 11 ไม่บังคับใช้นอกเขตพื้นที่ของกรมทหารราบที่ 11 จึงจะไม่มีผลกระทบต่อการดำรงชีวิตตามปกติของพี่น้องประชาชน สุจริตชนทั้งหลายที่อยู่ภายนอกแต่ประการใดทั้งสิ้น
ผมต้องขอกราบเรียนซักซ้อม เพราะไม่ต้องการให้พี่น้องได้ตระหนกตกใจ ถ้าหากว่ามีการประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่นี้ ซึ่งเราจะแถลงชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้ทราบ ถ้ามีการประกาศใช้ โดยทันที
ขอกราบเรียนกับพี่น้องประชาชนที่เคารพว่า ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ยึดหลักการที่สำคัญประการหนึ่ง ก็คือเราจะกราบเรียนความจริงกับพี่น้องประชาชนทุกเรื่อง และให้พี่น้องประชาชนทั้งหลายได้รับรู้ รับทราบ ทุกมาตรการ ทุกขั้นตอน และทุกผลการปฏิบัติงานของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย ผมขอกราบเรียนว่า ถ้าไม่มีการบุกรุกกรมทหารราบที่ 11 ก็จะไม่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก และแม้ประกาศใช้ไปแล้ว ถ้าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เหตุการณ์สงบลง ก็จะเลิกใช้โดยทันที
ผมอยากจะขอความกรุณาพี่น้องประชาชนที่ได้ติดตามรับฟัง รับชม ฟังข่าวจากสื่อ ช่วยอธิบายพี่น้องประชาชนที่ไม่มีโอกาสได้รับทราบเรื่องนี้โดยทั่วกันด้วย และถ้าจะกรุณาได้ ผมอยากจะส่งข่าวสารนี้ไปถึงแกนนำของผู้ชุมนุมทั้งหลาย ขอได้โปรดตระหนักในเรื่องนี้ และใช้ความระมัดระวังในการดูแลในการควบคุมบรรดาพี่น้องประชาชนที่มาร่วมชุมนุม เพราะพี่น้องประชาชนจำนวนมาก และอาจจะมาร่วมชุมนุมด้วยความเข้าใจผิด ก็มีผู้ยุยง ก็มีผู้ปลุกปั่น บิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะฉะนั้นผมก็กังวลใจ อยากจะให้แกนนำผู้ชุมนุมทั้งหลายต้องช่วยกันรับผิดชอบ ท่านจะปฏิเสธไม่ได้ว่าท่านไม่สามารถจะควบคุมได้ เพราะแกนนำเป็นผู้นำพี่น้องประชาชนทั้งหลายมาด้วยตัวเอง
ขอกราบเรียนว่า ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยนี้จะพิจารณาใช้กฎหมายที่เหมาะสมและจำเป็นสำหรับการแก้ไขสถานการณ์ เพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย ผมให้ความมั่นใจกับพี่น้องประชาชนได้ว่า ทุกภาคส่วนของทางราชการ ทั้งพลเรือน ทั้งตำรวจ ทั้งทหาร พวกเราได้ร่วมมือกันปฏิบัติหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยความเข้มแข็ง และด้วยความสำนึกว่า พี่น้องประชาชนทั้งหลายได้มอบหมายภาระหน้าที่ ความไว้วางใจให้เราเป็นผู้ดูแลรักษาบ้านรักษาเมือง รักษาแผ่นดิน ก็ขอถือโอกาสนี้กราบขอบพระคุณสำหรับการสนับสนุนของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์ทั้งหลายจะคลี่คลายได้โดยรวดเร็ว