xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” เมินเจรจา! ซัด “แดง” ขู่ไม่สร้างสรรค์ - จ่อประกาศอัยการศึกหากม็อบลุย “ราบ 11”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


นายกฯ แถลง ไม่ร่วมเจรจาแกนนำเสื้อแดงในกรมทหารราบที่ 11 ระบุเป็นการเคลื่อนไหวเชิงข่มขู่คุกคาม ไม่สร้างบรรยากาศการเจรจา ย้ำยังเปิดทางพูดคุยแต่ต้องอยู่ภายใต้บรรยากาศสร้างสรรค์ ไม่ปิดทางยุบสภา ด้าน “สุเทพ” เผยเตรียมประกาศกฎอัยการศึกคุมพื้นที่ “ราบ 11” หากม็อบแดงบุกรุก



คลิกที่นี่ เพื่อฟัง แถลงการณ์พิเศษนายกรัฐมนตรี
เมื่อเวลา 08.05 น. สถานีโทรทัศน์ทุกสถานี ได้ออกอากาศเผยแพร่เทปบันทึกแถลงการณ์พิเศษของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยนายอภิสิทธิ์ แถลงการณ์พิเศษว่า พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่าน สถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้ หลังจากที่มีการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะมีการชุมนุมใหญ่ อย่างน้อยๆ ก็ 3 ครั้ง ในระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี หลายฝ่ายมีความวิตกกังวลกับอนาคตที่ไม่แน่นอนของบ้านเมือง หลายคนสัมผัสความเดือดร้อนด้วยตัวเอง จากปัญหาการจราจร จากปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันแน่นอนผู้ชุมนุม และผู้สนับสนุนมีเป้าหมายในการเคลื่อนไหว ซึ่งทำให้หลายครั้งนั้นสถานการณ์ของบ้านเมือง หรือบรรยากาศของบ้านเมือง จะมีความรู้สึกตึงเครียด

นายกฯ กล่าวต่อว่า อยากเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า ผมและรัฐบาลถือเป็นหน้าที่สำคัญที่จะดูแลการบริหารราชการแผ่นดินด้ำเนินการต่อไปได้ ดำเนินการทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ความเป็นปกติ และความสงบสุข โดยคำนึงถึงสิทธิ และเสรีภาพ เสียงสะท้อนจากทุกฝ่าย สองสัปดาห์ที่ผ่านมา แน่นอนครับเสียงที่พี่น้องประชาชนได้ยินอาจจะบ่อยที่สุด ก็คือเสียงของผู้ชุมนุมจากรายงานข่าวสารต่างๆ แต่ตนก็ถือโอกาสนี้เรียนเช่นเดียวกันว่า มีพี่น้องประชาชนอีกจำนวนมาก ซึ่งมีความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ผมขอขอบคุณพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ที่ให้กำลังใจผม รัฐบาล และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่ในระยะ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เสนอแง่มุมความคิดที่อาจจะแตกต่างไปจากผู้ชุมนุม ผมถึงเรียนว่า การแก้ไขปัญหาทางออกให้กับประเทศนั้น เราฟังเพียงคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอย่างเดียวไม่ได้ จำเป็นที่จะต้องฟังเสียงสะท้อนของคนทั้งประเทศ และยึดผลประโยชน์ของส่วนรวมของคนทั้งประเทศเป็นสำคัญ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ในบรรดาผู้คนซึ่งมีความเป็นห่วงเป็นใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็มีความรู้สึกหลากหลายเช่นเดียวกัน หลายคนก็มีความต้องการที่จะเห็นความเด็ดขาด อยากจะให้สถานการณ์ต่างๆ จบได้โดยเร็ว หลายคนรู้สึกอึดอัดมีความเดือดร้อนถ่ายทอดมา และคาดหวังว่า รัฐบาลจะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านั้น ได้อย่างทันท่วงที ผมขอกราบเรียนพี่น้องประชาชนว่า ตนและรัฐบาล รวมทั้งเจ้าหน้าที่มีความปรารถนาเช่นเดียวกับพี่น้องจำนวนมากที่ต้องการเห็นบ้านเมืองสงบสุข ขณะเดียวกันเราต้องยอมรับว่า ความเห็นที่แตกต่างยังมีอยู่ ที่สำคัญสุดในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผมมีหน้าที่ที่จะดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกกลุ่ม ทั้งเจ้าหน้าที่ และประชาชนทั่วไป และผู้ชุมนุมด้วย ผมยืนยันว่า รัฐบาลชุดนี้จะบังคับใช้กฎหมาย ให้กฎหมายนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์

นายกฯ กล่าวต่อว่า แต่ขณะเดียวกันก็อยากจะเรียนว่า การบังคับใช้กฎหมายก็เพื่อประโยชน์ในการนำพาความสงบสุข หากการบังคับใช้กฎหมายทำไปในลักษณะที่ไม่รอบคอบ แทนที่จะได้ผลอย่างที่เราต้องการไม่ให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายออกไป ซึ่งในที่สุดก็ไม่สมประโยชน์กับฝ่ายใดทั้งสิ้น มีแต่ประเทศชาติต้องสูญเสีย และที่สำคัญก็คือว่า หากเหตุการณ์ลุกลามบานปลายออกไป นำไปสู่ความรุนแรงนั้น คือการสูญเสียเลือดเนื้อชีวิตประชาชนคนไทย ไม่ว่าคนๆ นั้นจะมีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างไรก็ตาม เราคงไม่ต้องการให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นการชุมนุม การเคลื่อนไหวทางการเมือง และเหตุการณ์ต่างๆ ใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมอยากให้ข้อคิดกับทุกๆ ฝ่าย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีลักษณะของการคู่ขนาน การชุมนุมเคลื่อนไหวในลักษณะของการเมือง ซึ่งจะมีกิจกรรมที่หลากหลาย ก็จะดำเนินการไปวันต่อวัน หรือบางครั้งบางช่วง บางวันอาจจะมีหลายกิจกรรม แต่ขณะเดียวกันเราก็จะเห็นว่า มีการก่อความไม่สงบเกิดขึ้น มีการขว้างระเบิดยิงระเบิด ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ทำให้ประชาชนที่บริสุทธิ์ หรือเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ สถานการณ์เช่นนี้เป็นตัวที่ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ และรัฐบาลนั้น

จะต้องมีหลักยึดที่สำคัญ หลักก็คือ เราจะดำเนินการเพื่อให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ สัปดาห์ที่ผ่านมาการประชุมคณะรัฐมนตรี การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเกิดขึ้น รัฐบาลถูกตำหนิจากบางฝ่ายว่า ใช้มาตรการที่เกินเลยไป แต่ในที่สุดผลที่ออกมาคือ การเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ การประชุมครม.สามารถหยิบยกปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นภัยแล้ง เพี้ย เรื่องอื่นๆ เข้ามาพิจารณาแก้ไขปัญหาต่อไป การประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็มีกฎหมายสำคัญๆ ที่สามารถดำเนินการให้ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรได้ เช่น กฎหมายสภาเกษตร ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่พี่น้องเกษตรกรจะมีกลไกนี้ ต้องผ่านกระบวนการรัฐสภาต่อไป

“ขณะเดียวกันเมื่อใดก็ตาม ซึ่งเหตุการณ์ของการชุมนุมมีความสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะเกิดการปะทะกัน การเผชิญหน้ากัน การทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิปักษ์กับประชาชน รัฐบาลโดยผมได้กำหนดแนวทางที่ชัดเจนว่า จะต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น ผมต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ ทั้งตำรวจ และทหารเป็นพิเศษ เพราะได้สนองแนวทางทีได้กำหนดไว้เป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ และทหารที่อยู่ในพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานคร แม้กระทั้งในปริมณฑลนั้น เราได้กำหนดบทบาทหน้าที่ในการดูแลรักษาความปลอดภัยกับพี่น้องประชาชน และผู้ชุมนุมด้วย และบุคคลเหล่านี้มีภารกิจที่ไม่ได้ไปเป็นปฏิปักษ์กับใคร เพราะฉะนั้นเมื่อวานนี้เมื่อเกิดความรู้สึกในหมู่ผู้ชุมุนุม ซึ่งอาจจะเป็นการเข้าใจผิดที่คาดเคลื่อนว่า ที่เจ้าหน้าที่ทหารอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องการชุมนุมนั้น ทำให้เขาเกิดความอึดอัด อาจจะมีแกนนำไปพูดในลักษณะที่ว่า การที่มีเจ้าหน้าที่ทหารอยู่นั้น เป็นเรื่องของการที่จะมีการไปล้อม หรือเตรียมที่จะเข้าปราบปราม สลายการชุมนุม ความตึงเครียดก็เกิดขึ้น

นายกฯ กล่าวต่อว่า แนวทางซึ่งผม รองนายกฯสุเทพ เทือกสุบรรณ ศอ.รส. ผบ.เหล่าทัพ เราเห็นตรงกันก็คือว่า คนของเราที่ไปอยู่ที่นั้นนั่นไปเพื่อดูแลพี่น้องประชาชน เมื่อเกิดความเข้าใจที่คาดเคลื่อนขึ้นนำไปสู่ความตึงเครียดนั้น เราก็หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาการปะทะ 7 จุด 8 จุดที่ว่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่สาธารณะ เมื่อประชาชนผู้ชุมนุมเห็นว่า ทำให้เขาไม่สบายใจ เราก็เพียงแต่ปรับแผน สลับพื้นที่ สลับกำลัง เพื่อให้บุคลากรในกองทัพ และทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังสามารถดูแลปฏิบัติภารกิจดูแลความเรียบร้อย ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ทหารได้ โดยไม่ไปเผชิญหน้า หรือทำให้เกิดการปะทะกัน สุดท้ายเหตุการณ์ก็คลี่คลายได้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า แต่ขณะเดียวกันเมื่อถึงจุดที่ผู้ชุมนุมได้ไปดำเนินการที่ไปเรียกร้องให้ถอนเจ้าหน้าที่ออกจากทำเนียบรัฐบาล ตะรางนี้จะเป็นกรณีที่แตกต่าง เพราะกรณีเช่นว่านั้น ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ แต่เป็นพื้นที่ราชการ สุดท้ายเราจึงจำเป็นต้องยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ที่ดูแลเพื่อไม่ให้มีการปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล จำเป็นต้องจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตรงนั้น แต่ะถ้าเป็นพื้นที่สาธารณะถนนรอบๆ ก็สามารถที่จะมีการปรับเปลี่ยนได้ สุดท้ายเราก็สามารถปฏิบัติตามเป้าหมายหรือภารกิจของเราได้ ผู้ชุมนุมก็ได้มีการกลับไปชุมนุมที่ผ่านฟ้า และก็คลี่คลายในสถานการณ์ต่างๆ เพราะฉะนั้นผมอยากให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศมีความเข้าอกเข้าใจ ว่าแนวทางการปฏิบัติในสถานการณ์การชุมนุมนั้นเป็นไปตามนี้ ซึ่งผมต้องขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่าวงยิ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานด้วยความเหน็ดเหนื่อย ด้วยความยากลำบาก และหลายครั้งก็มีความรู้สึกไม่มั่นใจว่า จะสามารถดำเนินการในลักษณะเช่นว่านี้ และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาการปะทะกัน”

นายกฯ กล่าวต่อว่า ผมขอย้ำอีกครั้งว่า เจ้าหน้าที่ปฏิบัติภารกิจเพื่อรัฐ นั้นคือดูแลความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของผู้ชุมนุม พร้อมๆ กับยืนยันการเดินหน้าการใช้อำนาจในการบริหาร และอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ ตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีความฝักใฝ่ในทางการเมือง และผมได้ย้ำหลายครั้งแล้วว่า บุคลากรเหล่านี้ไม่ต้องฝักใฝ่ทางการเมือง ขอให้ปฏิบัติภารกิจที่เป็นภารกิจหลักของหน่วยงาน ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย ให้อย่างมีประสิทธิภาพและดีที่สุด เช่นเดียวกัน แม้ว่าผู้ชุมนุมจะประกาศว่า ตัวผม หรือท่านรองนายกฯสุเทพเป็นศัตรู หรือปฏิปักษ์ ผมก็ขอเรียนยินยันว่า ผมและรองนายกฯสุเทพ ไม่ถือเอาผู้ชุมนุมเป็นศัตรูหรือเป็นปฏิปักษ์ต่อพวกผม ตรงกันข้ามทางออกของปัญหาการชุมนุมที่เป็นข้อเรียกร้องทางการเมืองนั้น ผมก็ยืนยันมาตลอดว่า สามารถที่จะใช้กระบวนการทางการเมืองแก้ไขได้ วันนี้เหตุการณ์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ว่าขณะนี้พรรคฝ่ายค้านกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นได้ดำเนินการเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มเดียวกันแล้ว ซึ่งทำให้เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะว่าช่องทางการใช้เวทีของรัฐสภา หรือในสภาผู้แทนราษฎรก็คงจะมีความยากลำบากมากขึ้นในการแก้ไขปัญหา และก็ทำให้ข้อเรียกร้องที่เป็นข้อเรียกร้องทางการเมืองโดยตรงในขณะนี้ จึงมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยจำนวนมากเช่นเดียวกัน เพราะมองว่า ข้อเรียกร้องในการยุบสภา ซึ่งเดิมเป็นข้อเรียกร้องขอกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่นอกสภา ไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างชัดเจน อย่างที่ได้ปรากฏขึ้นใน 3-4 วันที่ผ่านมา ก็เป็นเรื่องที่ทำให้น้ำหนักของเรื่องที่เรียกร้องในเรื่องนี้ดูจะผิดเพี้ยนไป และก็ทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องพูดคุยกันมากยิ่งขึ้น มากกว่าที่จะเป็นการยื่นคำขาดหรือยื่นเงื่อนไข ในการพูดคุยการเจรจานั้น

“ ผมได้พูดมาตลอดว่า ไม่เคยปฎิเสธ แม้แต่ในเงื่อนไขของการยุบสภา และผมขอเรียนว่า ในความเป็นจริงแล้ว ก็มีอหลายกลุ่มที่พยายามเป็นตัวกลางในการเชื่อมเพื่อให้เกิดการพูดคุยกันระหว่างผมหรือรัฐบาลกับผู้ชุมนุม จนถึงวินาทีนี้ก็ยังไม่ได้มีการล้มเลิกกระบวนการเหล่านี้ และความจริงก่อนนี้หน้า แม้แต่เมื่อวันที่ผ่านมาก็มีการติดต่อประสานงานกัน สิ่งที่ผมได้บอกกล่าวไป หากจะมีการพูดคุยที่เกี่ยวข้องกับการยุบสภา ผมไม่ขัดข้อง แต่ต้องเกิดขึ้นภายใต้บรรยากาศที่การเคลื่อนไหวหรือการชุมนุมนั้นไม่ได้เป็นในลักษณะของการข่มขู่คุกคาม กดดัน ผมจำได้เมื่อวันที่ผมเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน กลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งปัจจุบันไปตั้งพรรคการเมืองอีกพรรคการเมืองหนึ่งแล้ว เขาเคยเรียกร้องให้ผู้นำรัฐบาลหรือรัฐบาลในขณะนั้น ผมเองเป็นคนพูดว่า ข้อเสนอในการลาออกนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นพิจารณา ถ้าหากมองว่า ตัดสินใจภายใต้การกดดันในการเคลื่อนไหวลักษณะนี้ วันนี้หากผู้ชุมนุมคำนึงถึงเรื่องการชุมนุมในระยะยาว รัฐบาลที่มาตามกระบวนการประชาธิปไตย กระบวนการรัฐธรรมนูญ กระบวนการัฐสภา

นายกฯ กล่าวว่า ผมยืนยันว่า รัฐบาลนี้มาตามกระบวนการเหล่านี้ เช่นเดียวกับหลายรัฐบาลในโลก หรือแม้แต่รัฐบาลในอดีตของประเทศไทย ซึ่งบางครั้งจัดตั้งขึ้นเป็นรัฐบาลผสม โดยพรรคการเมืองสามารถรวบรวมเสียงได้ ไม่จำเป็นที่พรรคการเมืองได้คะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่งด้วยซ้ำไป พรรคประชาธิปัตย์เคยเป็นพรรคอันดับหนึ่ง แต่ไม่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ก็เป็นกติกาที่เรายอมรับ หรือมีพรรคการเมืองใดมีเสียงข้างมากในสภา กรณีที่จะมีการไปดำเนินการตามเงื่อนไขภายใต้การกดดันเช่นนี้ รวมถึงจะเป็นปัญหาต่อการรักษาหลักของระบอบประชาธิปไตยในอนาคต ผมจึงได้บอกผ่าน ประสานงานไปยังแกนนำผู้ชุมนุมว่า หากจะมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ ขอให้การชุมนุมหรือการเคลื่อนไหวนั้นไม่มีในลักษณะในการข่มขู่ คุกคามหรือกดดัน เพราะฉะนั้นวันนี้ในช่วงสายที่ผู้ชุมนุมประกาศว่า จะมีการส่งผู้แทนเข้ามาที่ราบ 11 เพื่อมาพบกับผม โดยนำผู้ชุมนุมจำนวนมากมากชุมนุมข้างหน้าราบ 11 ทำให้เกิดการเผชิญหน้า ตึงเครียด ผมก็เรียนว่า มันเป็นบรรยากาศที่เป็นไปไม่ได้ ที่จะทำให้เกิดการเจรจา ไม่มีใครหรอกครับที่อยากให้มีการเจรจาภายใต้การรายรอบที่ฝ่ายหนึ่งจะบอกว่ามีกองเชียร์เป็นหมื่นหรือเป็นแสน ฝ่ายหนึ่งก็มีเจ้าหน้าที่ ซึ่งต้องรักษาที่ตั้งที่มั่น เป็นหน่วยราชการ เป็นหน่วยทหาร และมีอาวุธ นั้นไม่ได้เป็นแนวทางที่จะนำไปสู่บรรยากาศของการพูดคุยแก้ไขปัญหา และนำไปสู่ความสงบสุขก็ได้

“ผมจึงขอเรียนว่า เมื่อยังมีการแสดงเจตนาที่จะพูดคุยกัน เรามาทำบรรยากาศของการพูดคุยให้เหมาะสมในลักษณะที่จะนำไปสู่ ความสงบสุขอย่างแท้จริง ที่จะนำไปสู่กระบวนการของการยุบสภาหรือไม่ก็แล้วแต่ ก็เป็นเรื่องที่จะพูดคุยกัน ผมขอเรียนว่า ถ้ามีการเคลื่อนผู้ชุมนุมมาที่ราบ 11 ผมคงไม่สามารถเจรจาได้ และก็จะไม่อยู่เจรจา แต่ยืนยันที่จะเปิดช่องทางการพูดคุยกัน เมื่อกลับไปสู่เงื่อนไขที่ผมได้พูดมาตลอดว่า การชุมนุมต้องไม่มีลักษณะของการข่มขู่คุกคาม ผมยืนยันว่า การปฎิเสธที่จะเจรจาภายใต้บรรยากาศแบบนี้ มันใช่การปฏิเสธที่จะหาทางออก แต่เป็นการวางแนวทางที่ดีของการที่จะมีการพูดคุยแบบสร้างสรรค์และนำไปสู่ความสงบสุขได้ เรื่องนี้ผมจะไม่ลดความพยายามสื่อสารที่จะทำให้ผู้ชุมนุมเกิดความเข้าใจว่า ภายใต้เงื่อนไขบรรยากาศใดที่เราจะพูดคุยกันเพื่อที่จะหาทางออก”

ส่วนการเคลื่อนไหวหรือเหตุการณ์ที่เป็นการคู่ขนานที่เป็นความรุนแรงนั้น ขอเรียนว่า เจ้าหน้าที่ก็ทำงานอย่างแข็งขัน ในบางกรณีก็สืบสวนสอบจนกระทั่งออกหมายจับได้แล้ว และก็จะไม่ลดละความพยายาม การกระทำใดๆ ที่จะเป็นการทำที่ผิดกฎหมาย ก็ขอยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่มีการละเว้น การบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด

ตนขอเรียนครับว่าหากมีการเคลื่อนผู้ชุมนุมมาที่ราบ 11 ตนคงไม่สามารถที่จะเจรจาได้ และก็ไม่อยู่เจรจา แต่ยังยืนยันที่จะเปิดช่องทางการพูดคุย เมื่อกลับไปสู่เงื่อนไขที่พูดมาตลอดว่าการชุมนุมต้องไม่มีลักษณะการข่มขู่คุกคาม ตนยืนยันว่าการปฏิเสธที่จะเจรจาภายใต้บรรยากาศอย่างนี้ ไม่ได้ได้เป็นการปฏิเสธที่จะหาทางออก แต่เป็นการวางแนวทางที่ดีของการพูดคุยแบบสร้างสรรค์และนำไปสู่ความสงบสุขได้ ซึ่งตนจะไม่ลดความพยายามในการสื่อสารเพื่อให้แกนนำผู้ชุมนุมเข้าใจว่า ภายใต้เงื่อนไขบรรยากาศใดที่เราจะได้มีการพูดคุยกันเพื่อหาทางออก ส่วนการเคลื่อนไหวหรือเหตุการณ์ที่เป็นคู่ขนาน ที่เป็นความรุนแรงนั้น เจ้าหน้าที่จะทำงานอย่างแข็งขันในบางกรณีก็สามารถที่จะออกหมายจับได้แล้ว และจะไม่ลดละในความพยายาม รวมทั้งการกระทำใดๆ ที่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย รัฐบาลก็จะไม่มีการละเว้นในการบังคับกฎหมายอย่างเด็ดขาด ซึ่งตรงนี้คือภาพรวมที่ตนอยากจะคุยกับประชาชน

นายกฯ กล่าวต่อว่า แต่ในส่วนของศอ.รส. นั้น จะมาชี้แจงเกี่ยวข้องกับการรับสถานการณ์ในการชุมนุมที่จะมีขึ้นในราบ 11 วันนี้ ซึ้งจะมีการชี้ทั้งข้อกฎหมายและขั้นตอนต่าง ๆ ให้เกิดความเข้าใจที่ดีเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด เพื่อป้องกันความสับสนที่จะเกิดขึ้นในเรื่องของข่าวสารได้ สุดท้ายก่อนที่ตนจะให้รองนายกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาอธิบายในรายละเอียดนั้น ตนขอยืนยันกับประชาชนทุกคนว่าตนรับผิดชอบกับสถานการณ์บ้านเมืองอย่างเต็มที่ ไม่ว่าตนจะอยู่ที่ไหนจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา มีการประสานงานอย่างมีประสิทธิภาพกับรองนายกรัฐมนตรี ผู้นำเหล่าทัพ ตำรวจ รวมไปถึงฝ่ายการเมือง พรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายอื่นๆ เพื่อนำพาประเทศชาติให้ผ่านพ้นวิกฤติครั้งนี้ได้ ตนจะมีภารกิจอยู่ที่ใดก็ตาม หรือติดตามสถานการณ์อยู่ที่ใดก็ตาม

“ผมขอยืนยันว่าตนจะไม่ทิ้งประชาชน ผมเป็นนักการเมืองที่มาจากประชาชนไม่เคยมาด้วยวิธีการอื่น ผมทราบดีถึงอำนานหน้าที่และความรับผิดชอบที่ตนต้องมีต่อประชาชน บ้านเมือง และสถาบันหลักของชาติ และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ขอให้ประชาชนสบายใจว่า ผมจะทำทุกวิถีทาง ทุ่มเทเต็มความสามารถด้วยความร่วมมืออย่างดีจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของบ้านเมือง เพื่อที่จะเร่งเดินหน้าในการทำให้ประเทศของเราสังคมของเราพ้นวิกฤติครั้งนี้ไปได้” นายกฯ กล่าว

รายละเอียดนายกรัฐมนตรี แถลงข่าว

พี่น้องประชาชนที่เคารพรักทุกท่านครับ สถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้ หลังจากที่มีการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยเฉพาะมีการชุมนุมใหญ่อย่างน้อยๆ ก็ 3 ครั้ง ในระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเข้าใจความรู้สึกของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดีครับ หลายฝ่ายมีความวิตกกังวลกับอนาคตความไม่แน่นอนของบ้านเมือง หลายคนสัมผัสความเดือดร้อนด้วยตัวเองจากปัญหาการจราจร จากปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นในทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน แน่นอนผู้ชุมนุมและผู้สนับสนุน ก็มีเป้าหมายในการเคลื่อนไหว ซึ่งทำให้หลายครั้งนั้นสถานการณ์ของบ้านเมือง หรือบรรยากาศของบ้านเมือง จะมีความรู้สึกตึงเครียด

ผมอยากจะเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า ผมและรัฐบาล ถือเป็นหน้าที่สำคัญในการที่จะดูแลให้การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินการต่อไปได้ ทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อที่จะให้บ้านเมืองกลับเข้าสู่ความเป็นปกติและความสงบสุข โดยคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพ เสียงสะท้อนจากทุกฝ่าย

2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แน่นอนครับ เสียงที่พี่น้องประชาชนได้ยินอาจจะบ่อยที่สุด ก็คือเสียงของผู้ชุมนุมจากรายงานข่าวสารต่างๆ ผมก็ต้องขอถือโอกาสนี้เรียนเช่นเดียวกันว่า มีพี่น้องประชาชนอีกจำนวนมาก ซึ่งมีความคิดเห็นที่แตกต่างหลากหลาย ผมขอบคุณสำหรับพี่น้องประชาชนจำนวนมากที่ให้กำลังใจผม รัฐบาล และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เสนอแง่มุม ความคิดที่อาจจะแตกต่างไปจากผู้ชุมนุม ผมถึงเรียนว่าการแก้ไขปัญหาเพื่อหาทางออกให้กับประเทศนั้น เราจะฟังเพียงคนกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดไม่ได้ จำเป็นที่จะต้องฟังเสียงสะท้อนของคนทั้งประเทศ และยึดผลประโยชน์ของส่วนรวม ของคนทั้งประเทศเป็นสำคัญ

ในบรรดาผู้คนซึ่งมีความเป็นห่วงเป็นใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก็มีความรู้สึกหลากหลายเช่นเดียวกัน หลายคนมีความต้องการที่จะเห็นความเด็ดขาด อยากจะให้สถานการณ์ต่างๆ จบลงได้รวดเร็ว หลายคนรู้สึกอึดอัด มีความเดือดร้อน ก็ถ่ายทอดมา และคาดหวังว่ารัฐบาลจะสามารถที่จะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้อย่างทันท่วงที ผมขอกราบเรียนพี่น้องประชาชนว่า ผมและรัฐบาล รวมทั้งเจ้าหน้าที่ มีความปรารถนาเช่นเดียวกับพี่น้องจำนวนมากที่อยากจะเห็นบ้านเมืองสงบสุข ขณะเดียวกัน เราต้องยอมรับว่าความคิดเห็นที่แตกต่างยังมีอยู่ ที่สำคัญที่สุด ในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้ารัฐบาล ผมมีหน้าที่จะต้องดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกคน ทุกกลุ่ม ทั้งเจ้าหน้าที่ ทั้งประชาชนทั่วไป และผู้ชุมนุมด้วย

ผมยืนยันว่ารัฐบาลนี้จะบังคับใช้กฎหมาย ให้กฎหมายนั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ แต่ขณะเดียวกันก็อยากจะเรียนว่า การบังคับใช้กฎหมายก็เพื่อประโยชน์ในการนำความสงบสุข หากการใช้บังคับกฎหมายทำไปในลักษณะที่ไม่รอบคอบ แทนที่จะได้ผลอย่างที่เราต้องการ ก็จะทำให้เหตุการณ์ลุกลามบานปลายออกไป ซึ่งในที่สุดก็ไม่สมประโยชน์กับฝ่ายใดทั้งสิ้น มีแต่ประเทศชาติจะต้องสูญเสีย และที่สำคัญก็คือว่า อาจจะเป็นการลุกลามบานปลายไปสู่ความรุนแรง นั่นคือความสูญเสียชีวิตเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนคนไทย ไม่ว่าคนๆ นั้นจะมีความคิดเห็นทางการเมืองอย่างไรก็ตาม เราคงไม่ต้องการให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น

ดังนั้น การชุมนุม การเคลื่อนไหวทางการเมือง และเหตุการณ์ต่างๆ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมอยากให้ข้อคิดกับทุกฝ่าย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีลักษณะของการคู่ขนาน การชุมนุมเคลื่อนไหวในลักษณะของการเมือง ซึ่งจะมีกิจกรรมที่หลากหลาย ก็จะดำเนินไปวันต่อวัน หรือบางครั้งในบางช่วงบางวันอาจจะมีหลายกิจกรรม แต่ขณะเดียวกันเราก็จะเห็นว่ามีการก่อเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้น มีการขว้างระเบิด ยิงระเบิด ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาก็ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ หรือเจ้าหน้าที่ ต้องได้รับบาดเจ็บ อย่างนี้เป็นต้น

สถานการณ์เช่นนี้ที่เป็นตัวที่ทำให้การทำงานของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่จะต้องมีหลักยึดที่สำคัญ หลักที่ว่านั้นก็คือว่า เราจะดำเนินการเพื่อให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้ สัปดาห์ที่ผ่านมา การประชุมคณะรัฐมนตรี การประชุมสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องเกิดขึ้น รัฐบาลถูกตำหนิจากบางฝ่ายว่าใช้มาตรการที่เกินเลยไป แต่ในที่สุดผลที่ออกมาก็คือการเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้ การประชุม ครม.ก็สามารถหยิบยกปัญหาที่เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของภัยแล้ง จะเป็นเรื่องของเพลี้ย จะเป็นเรื่องอื่นๆ เข้ามาพิจารณาแล้วก็มีการเดินหน้าแก้ไขต่อไป การประชุมสภาผู้แทนราษฎรก็มีกฎหมายสำคัญๆ ที่สามารถดำเนินการให้ผ่านความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎรได้ เช่น กฎหมายสภาเกษตร ซึ่งจะเป็นครั้งแรกที่พี่น้องเกษตรกรจะได้มีกลไกนี้ ซึ่งก็จะต้องผ่านเข้าสู่กระบวนการของรัฐสภาต่อไป

ขณะเดียวกัน เมื่อใดก็ตามซึ่งเหตุการณ์ของการชุมนุมนั้นมีความสุ่มเสี่ยงต่อการที่จะเกิดการปะทะกัน การเผชิญหน้ากัน การทำให้เจ้าหน้าที่เป็นปฏิปักษ์กับประชาชน รัฐบาล โดยผม ได้กำหนดแนวทางที่ชัดเจนว่า จะต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น ผมต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ ทั้งทหาร ตำรวจ เป็นพิเศษ เพราะได้สนองแนวทางที่ได้กำหนดไว้เป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นตำรวจ หรือทหาร ซึ่งอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ในกรุงเทพมหานครและทั้งในปริมณฑลนั้น เราได้กำหนดบทบาทหน้าที่ก็คือ การดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชน รวมทั้งผู้ชุมนุมด้วย และบุคคลเหล่านี้ไม่ได้มีภารกิจในการที่จะเป็นปฏิปักษ์กับใคร
เพราะฉะนั้น เมื่อวานนี้ เมื่อเกิดความรู้สึกในหมู่ผู้ชุมนุม ซึ่งอาจเป็นความเข้าใจที่ผิดที่คลาดเคลื่อนว่า การที่เจ้าหน้าที่ทหารอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมนั้น ทำให้เขาเกิดความอึดอัด อาจจะมีการนำไปพูดในลักษณะที่ว่า การที่มีเจ้าหน้าที่ทหารอยู่นั้น เป็นเรื่องของการที่จะมีการไปล้อมเพื่อเตรียมที่จะเข้าปราบปรามหรือสลายการชุมนุม ความตึงเครียดก็เกิดขึ้น แนวทางซึ่งผม ท่านรองนายกฯ สุเทพ ศอ.รส. ผู้นำเหล่าทัพ เราเห็นตรงกันก็คือว่า คนของเราที่ไปอยู่ที่นั่นไปเพื่อดูแลพี่น้องประชาชน เมื่อเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนขึ้น นำไปสู่ความตึงเครียด เราก็หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาการปะทะกัน 7-8 จุดที่ว่านั้น ล้วนแล้วแต่เป็นพื้นที่สาธารณะครับ

เมื่อประชาชนผู้ชุมนุมเห็นว่าทำให้เขาเกิดความไม่สบายใจ เราก็เพียงแต่ปรับแผน สลับพื้นที่ สลับกำลัง เพื่อให้บุคลากรทั้งในกองทัพและทำงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถที่จะดูแล ปฏิบัติภารกิจในการรักษาความสงบเรียบร้อย ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ต่างๆ ได้ โดยไม่ไปเผชิญหน้า หรือทำให้เกิดการปะทะกัน สุดท้ายเหตุการณ์ก็คลี่คลายได้

แต่ขณะเดียวกัน เมื่อถึงจุดที่ผู้ชุมนุมได้ไปดำเนินการที่จะเรียกร้องให้มีการถอนเจ้าหน้าที่ออกจากทำเนียบรัฐบาล ตรงนี้จะเป็นกรณีที่แตกต่าง เพราะกรณีเช่นว่านั้นไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ แต่เป็นสถานที่ราชการ สุดท้ายเราจึงจำเป็นต้องยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ที่ดูแล เพื่อไม่ให้มีการบุกรุกหรือปิดล้อมทำเนียบรัฐบาล จำเป็นจะต้องปฏิบัติหน้าที่ตรงนั้น แต่ถ้าเป็นพื้นที่สาธารณะ เช่น ถนนรอบๆ ก็สามารถที่จะมีการปรับเปลี่ยนได้ สุดท้ายเราก็สามารถที่จะปฏิบัติตามเป้าหมายและภารกิจของเราได้ ผู้ชุมนุมก็ได้มีการกลับไปชุมนุมที่ผ่านฟ้าฯ และคลี่คลายเหตุการณ์ สถานการณ์ต่างๆ ได้

เพราะฉะนั้นผมอยากจะให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศมีความเข้าอกเข้าใจว่าแนวการปฏิบัติในเรื่องการบริหารสถานการณ์และการชุมนุมนั้นเป็นไปตามนี้ ซึ่งผมต้องขอขอบคุณทุกๆ ฝ่ายที่ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ได้ปฏิบัติงานด้วยความเหน็ดเหนื่อย ด้วยความยากลำบาก และหลายครั้งก็อาจจะมีความรู้สึกไม่มั่นใจว่าจะสามารถที่จะดำเนินการในลักษณะเช่นว่า และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาการปะทะกันได้อย่างไร ผมย้ำอีกครั้งครับ เจ้าหน้าที่ทุกคนขณะนี้ปฏิบัติภารกิจเพื่อรัฐ นั่นคือดูแลความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยของผู้ชุมนุม พร้อมๆ กับยืนยันการเดินหน้าการใช้อำนาจในการบริหาร และอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ตามวิถีทางของรัฐธรรมนูญ ไม่มีความฝักใฝ่ในทางการเมือง และผมได้ย้ำหลายครั้งว่า บุคลากรเหล่านี้ไม่ต้องฝักใฝ่ทางการเมือง ขอให้ปฏิบัติภารกิจที่เป็นภารกิจหลักของหน่วยงาน ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย ให้มีประสิทธิภาพและดีที่สุด
เช่นเดียวกัน แม้ผู้ชุมนุมจะประกาศว่าตัวผม หรือท่านรองนายกฯ สุเทพ เป็นศัตรูหรือเป็นปฏิปักษ์

ผมก็ขอเรียนยืนยันว่า ผมและท่านรองฯ สุเทพ ไม่ถือเอาผู้ชุมนุมเป็นศัตรูหรือปฏิปักษ์ของพวกผม ตรงกันข้ามครับ ทางออกของปัญหาของการชุมนุมที่เป็นข้อเรียกร้องทางการเมืองนั้น ผมก็ยืนยันมาโดยตลอดว่า สามารถที่จะใช้กระบวนการทางการเมืองแก้ไขได้ วันนี้เหตุการณ์จะชัดเจนยิ่งขึ้นครับ เพราะขณะนี้พรรคฝ่ายค้านกับกลุ่มผู้ชุมนุมนั้น ได้ดำเนินการเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มเดียวกันแล้ว ซึ่งก็ทำให้เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะว่าช่องทางของการใช้เวทีของรัฐสภา หรือสภาผู้แทนราษฎร ก็คงจะมีความยากลำบากมากขึ้นในการแก้ไขปัญหา และก็ทำให้ข้อเรียกร้องที่เป็นข้อเรียกร้องทางการเมืองโดยตรงในขณะนี้ จึงมีผู้ที่ไม่เห็นด้วยจำนวนมากเช่นเดียวกัน เพราะมองว่าการเรียกร้องในเรื่องการยุบสภา ซึ่งเดิมนั้นเป็นข้อเรียกร้องของกลุ่มคนซึ่งเคลื่อนไหวอยู่นอกสภา ไม่ได้มีความสัมพันธ์อย่างชัดเจนอย่างที่ได้ปรากฏขึ้นในช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา ก็เป็นเรื่องที่ทำให้น้ำหนักของเรื่องของการเรียกร้องในเรื่องนี้ดูจะผิดเพี้ยนไป และทำให้มีความจำเป็นที่จะต้องมีการพูดคุยกันมากยิ่งขึ้น มากกว่าที่จะเป็นการยื่นคำขาดหรือยื่นเงื่อนไข

การพูดคุย การเจรจานั้น ผมได้พูดมาโดยตลอดว่า ผมไม่เคยปฏิเสธ แม้แต่เงื่อนไขของการยุบสภา และผมขอเรียนว่า ในความเป็นจริงแล้วก็มีอีกหลายกลุ่มซึ่งพยายามที่จะเป็นตัวกลางในการเชื่อม เพื่อให้เกิดการพูดคุยกันระหว่างผม หรือรัฐบาล กับผู้ชุมนุม

จนถึงวินาทีนี้ ก็ยังไม่ได้มีการล้มเลิกกระบวนการเหล่านี้ และความจริงก่อนหน้านี้ แม้กระทั่งระหว่างเหตุการณ์เมื่อวานนี้ก็ยังมีการติดต่อประสานงานกัน สิ่งที่ผมได้บอกกล่าวไปก็คือว่า หากจะมีการพูดคุยที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการยุบสภานั้น ผมไม่ขัดข้อง แต่ต้องเกิดขึ้นภายใต้บรรยากาศที่การเคลื่อนไหวหรือการชุมนุมนั้น ไม่ใช่เป็นลักษณะของการข่มขู่ คุกคาม กดดัน ผมจำได้ครับเมื่อวันที่ผมเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้าน มีกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งปัจจุบันไปตั้งพรรคการเมืองอีกพรรคการเมืองหนึ่งแล้ว เขาเคยเรียกร้องให้รัฐบาลในขณะนั้น หรือผู้นำรัฐบาลนั้นลาออก ผมเองเป็นคนพูดครับว่า ข้อเสนอในเรื่องของการลาออกนั้นคงจะเป็นเรื่องยากที่จะให้ตัวนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นพิจารณา เพราะถ้าหากถูกมองว่าตัดสินใจภายใต้การกดดันในการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้

วันนี้ก็เช่นเดยวกันครับ หากผู้ชุมนุมคำนึงถึงเรื่องของประชาธิปไตยในระยะยาว รัฐบาลที่มาตามกระบวนการประชาธิปไตย กระบวนการรัฐธรรมนูญ กระบวนการของรัฐสภา ซึ่งผมยืนยันว่ารัฐบาลนี้มาตามกระบวนการเหล่านี้ เช่นเดียวกับหลายรัฐบาลในโลก หรือแม้กระทั่งรัฐบาลในอดีตในประเทศไทย ซึ่งบางครั้งจะตั้งขึ้นเป็นรัฐบาลผสม โดยพรรคการเมืองซึ่งสามารถรวบรวมเสียงข้างมากได้ ไม่จำเป็นต้องพรรคการเมืองที่ได้เสียงอันดับ 1 ด้วยซ้ำไป พรรคประชาธิปัตย์เคยเป็นพรรคอันดับ 1 ครับ แต่ไม่ได้มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ก็เป็นกติกาซึ่งเรายอมรับ เมื่อไม่มีพรรคการเมืองใดมีเสียงข้างมากในสภา

กรณีที่จะมีการไปดำเนินการตามเงื่อนไขภายใต้การกดดันเช่นนี้ จะเป็นปัญหาสำหรับการรักษาหลักของระบอบประชาธิปไตยในอนาคต ผมจึงได้บอกผ่านผู้ประสานงานไปยังแกนนำผู้ชุมนุมเสมอว่า หากจะมีการพูดคุยกันในเรื่องนี้ ขอให้การชุมนุมหรือการเคลื่อนไหวนั้นไม่มีลักษณะในการที่จะเป็นการข่มขู่ คุกคาม หรือกดดัน เพราะฉะนั้นวันนี้ในช่วงสายที่ผู้ชุมนุมประกาศว่าจะมีการส่งผู้แทนเข้ามาที่ราบ 11 เพื่อจะมาพบกับผม โดยนำผู้ชุมนุมจำนวนมากมาชุมนุมอยู่ข้างหน้าราบ 11 ซึ่งจะทำให้เกิดเหตุการณ์ของการเผชิญหน้า ความตึงเครียด ผมก็ขอเรียนว่ามันคงเป็นบรรยากาศที่เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เกิดการเจรจา ไม่มีใครหรอกครับที่อยากให้มีการเจรจาภายใต้ลักษณะซึ่งบรรยากาศรายล้อมนั้น ฝ่ายหนึ่งอาจจะบอกว่ามีกองเชียร์เป็นหมื่น หรืออาจจะเป็นแสน อีกฝ่ายหนึ่งก็มีเจ้าหน้าที่ซึ่งต้องรักษาที่ตั้ง ที่มั่น เป็นหน่วยราชการ เป็นหน่วยทหาร และมีอาวุธ นั่นไม่ใช่แนวทางที่จะนำไปสู่บรรยากาศของการพูดคุยที่นำไปสู่การแก้ไขปัญหา และนำไปสู่ความสงบสุขได้ ผมจึงขอเรียนว่า เมื่อยังมีการแสดงเจตนาในการที่พูดคุยกัน เราทำบรรยากาศของการพูดคุยให้มันเหมาะสม ในลักษณะที่จะนำไปสู่ความสงบสุขอย่างแท้จริง ซึ่งจะผ่านกระบวนการการยุบสภาหรือไม่ก็แล้วแต่ ก็เป็นเรื่องที่จะพูดคุยกันบนโต๊ะได้

ผมขอเรียนว่า ถ้ามีการเคลื่อนผู้ชุมนุมมาที่ราบ 11 ผมคงไม่สามารถที่จะเจรจาได้ และก็จะไม่อยู่เจรจา แต่ยังยืนยันที่จะเปิดช่องทางการพูดคุยกัน เมื่อกลับไปสู่เงื่อนไขที่ผมได้พูดมาโดยตลอดว่า การชุมนุมเคลื่อนไหวนั้นจะต้องไม่มีลักษณะของการข่มขู่ คุกคาม กดดัน ผมยืนยันว่าการปฏิเสธที่จะเจรจาภายใต้บรรยากาศอย่างนี้ ไม่ใช่การปฏิเสธที่จะหาทางออกกัน แต่เป็นการวางแนวทางที่ดีของการที่จะมีการพูดคุยแบบสร้างสรรค์และนำไปสู่ความสงบสุขได้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ผมจะไม่ลดความพยายามในการสื่อสารเพื่อให้แกนนำผู้ชุมนุมได้เกิดความเข้าใจว่า ภายใต้เงื่อนไขบรรยากาศใดที่เราจะได้มีการพูดคุยกันเพื่อหาทางออก
ส่วนการเคลื่อนไหว หรือเหตุการณ์ที่เป็นเรื่องคู่ขนาน ที่เป็นความรุนแรงนั้น ก็ขอเรียนว่า เจ้าหน้าที่ก็ทำงานอย่างแข็งขัน ในบางกรณีการสืบสวนสอบสวนจนกระทั่งออกหมายจับได้แล้ว และก็จะไม่ลดละในความพยายาม รวมทั้งการกระทำใดๆ ที่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ก็ขอยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่มีการละเว้นในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด

นี่คือภาพรวมที่ผมอยากจะขอถือโอกาสเรียนกับพี่น้องประชาชน หลังจากนี้ในส่วนของ ศอ.รส.จะได้มาทำการชี้แจงเกี่ยวข้องกับการที่จะรับกับสถานการณ์การชุมนุมที่อาจจะมีขึ้นที่ราบ 11 ในวันนี้ ซึ่งจะได้มีการชี้แจงทั้งข้อกฎหมาย ขั้นตอนต่างๆ ให้เกิดความเข้าใจที่ดี เพื่อป้องกันการเข้าใจผิด เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้นในเรื่องของข่าวสารได้
สุดท้ายก่อนที่ผมจะให้ท่านรองนายกฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงอธิบายในรายละเอียดนั้น ผมขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนทุกคนครับว่าผมรับผิดชอบกับสถานการณ์บ้านเมืองอย่างเต็มที่ ไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหน ผมก็จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา มีการประสานงานได้อย่างมีประสิทธิภาพกับท่านรองนายกรัฐมนตรี ผู้นำเหล่าทัพ ตำรวจ รวมไปถึงฝ่ายการเมือง พรรคร่วมรัฐบาล และฝ่ายอื่นๆ เพื่อนำพาประเทศชาติให้ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ได้ ผมจะมีภารกิจอยู่ที่ใด็ตาม หรือจะติดตามสถานการณ์อยู่ที่ใดก็ตาม ผมขอยืนยันกับพี่น้องประชาชนครับว่า ผมไม่ทิ้งพี่น้องประชาชน ผมเป็นนัการเมืองที่มาจากประชาชน ไม่เคยมาด้วยวิธีการอื่น ผมทราบดีถึงอำนาจหน้าที่และที่สำคัญคือความรับผิดชอบที่ผมต้องมีต่อประชาชน บ้านเมือง สถาบันหลักของชาติ และระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ขอให้พี่น้องสบายใจครับว่าผมนั้นจะทำทุกวิธีทาง ทุ่มเทเต็มความสามารถ ด้วยความร่วมมืออย่างดีจากเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของบ้านเมือง ซึ่งเข้าใจหลักการทั้งหลายที่ผมได้กราบเรียนกับพี่น้องประชาชนในวันนี้ เพื่อที่จะเร่งเดินหน้าในการทำให้ประเทศของเรา สังคมของเรา ผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ ผมขอใช้เวลาเพียงเท่านี้ในวันนี้ครับ และจากนี้ไปจะให้ท่านรองนายกฯ และ ศอ.รส. ได้ชี้แจงเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติต่างๆ เพื่อบริหารสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีสำหรับการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ สวัสดีครับ

กำลังโหลดความคิดเห็น