“อภิวันท์” อ้างคำพูด “มาร์ค” ปลุกจิตสำนึกใช้สภาฯ แก้ปัญหาบ้านเมือง แถมปากเสียเหมือนเคย ยกเหตุการณ์ล้มล้างราชวงส์โรมานอฟ เปรียบเทียบสถานการณ์ม็อบแดงบุกกรุง ขณะเดียวกันยังพูดไม่คิดบอกเหตุการณ์ 7 ตุลาเลือด รัฐบาลใช้วิธีละมุนละม่อนแล้วในการลายการชุมนุมพันธมิตรฯ
พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เชื่อวว่าวันนี้ (18 มี.ค.) จะสามารถประชุมสภาได้ ซึ่งการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงก็เป็นการดำเนินการของเขา โดยเป็นการต่อสู้ระหว่างชนชั้น ยกระดับในการชุมนุมเพื่อสร้างความเป็นธรรมและยุติธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม เหมือนเช่นกรณีที่เรียกร้องให้นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการทำหน้าที่ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับทุกคน ซึ่งข้อเรียกร้องของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ให้ยุบสภา คงเป็นอีกทางหนึ่งที่ให้อำมาตย์ลงจากอำนาจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้หรือไม่ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ตนพูดไปหลายครั้งว่าเป็นห่วง เพราะขณะนี้ความแตกแยกของประเทศไทยก็ไปเหมือนกับรัสเซียในราชวงศ์โรมานอฟ และฝรั่งเศสในเหตุการณ์คุกบาสตีล จีนในราชวงศ์เหี้ยนเต้ ซึ่งเป็นกรณีที่คนรากหญ้าออกมาต่อสู้กับอำมาตย์ เป็นการต่อสู้ทางชนชั้นซึ่งเป็นเรื่องที่ยากจะแก้ไข ซึ่งในเมืองไทยสามารถแก้ไขได้ ถ้าผู้มีอำนาจเข้าใจปัญหาและมีจิตสำนึก เพราะขณะนี้ประชาชนใน กทม.ให้การตอบรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ดังนั้นนายกรัฐมนตรีและคนที่เหนือกว่านายกรัฐมนตรีควรจะพิจารณา
ส่วนทางออกที่จะให้สถานการณ์ของประเทศคลี่คลายลงนั้น พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ง่ายนิดเดียวคือต้องนำประเทศให้กลับคืนสู่ความเป็นธรรม และมีมาตรฐานทางกฎหมายเป็นมาตรฐานเดียว สังคมก็จะกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ เมื่อถามว่าแสดงว่าถ้าการตัดสินคดีพรรคประชาธิปัตย์ กรณีเงินบริจาค 258 ล้านบาท เหมือนกับกรณีของพรรคพลังประชาชน จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ไปได้ใช่หรือไม่ พ.อ.อภิวันท์กล่าวว่า ตนพูดถึงเรื่องทั่วๆ ไป ไม่ได้เจาะจงเฉพาะกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ต้องการบอกว่าหากบ้านเมืองเกิดความเป็นธรรมก็จะดีขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้ ส.ส.เพื่อไทยเรียกร้องให้ใช้เวทีสภา เพื่อหารือแก้ปัญหา พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ก็เป็นทางหนึ่งในการแก้ปัญหา ซึ่งขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีว่าจะรับฟังหรือไม่ เพราะนายกรัฐมนตรีเคยพูดไว้ว่านักการเมืองควรมีจิตสำนึกที่สูงกว่าคนธรรมดาในการรับผิดชอบบ้านเมือง
ผู้สื่อข่าวแย้งว่า แต่หลายฝ่ายระบุว่าควรรอให้บรรยากาศการเมืองเย็นลงกว่านี้ก่อน พ.อ.อภิวันท์กล่าวว่า ตนเห็นว่าในช่วงเวลานี้ ที่ควรเข้ามาหารือในสภาที่เป็นหนึ่งใน 3 อำนาจในการบริหารประเทศ เมื่อถามว่าหาก ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลมาร่วมประชุมเพื่อหารือและเกิดเหตุซ้ำรอย 7 ต.ค.2551 จะแก้ไขอย่างไร พ.อ.อภิวันท์กล่าวว่า เมื่อครั้งเหตุการณ์ 7 ตุลา รัฐบาลใช้วิธีละมุนละม่อมในการสลายการชุมนุม ซึ่งเป็นวิธีการที่ถูกต้อง ทั้งนี้ ถ้ามีเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้นอีกก็คงต้องใช้วิธีเดียวกัน ซึ่งตนเชื่อว่าจะไม่รุนแรง เมื่อถามว่าควรจะเปิดให้มีการหารือโดยเร็วที่สุดหรือไม่ พ.อ.อภิวันท์กล่าวว่า ถ้าสภาไม่ทำหน้าที่ก็แสดงว่าอำนาจนิติบัญญัติถูกแทรกแซง และบ้านเมืองคงเดินต่อไม่ได้ ถ้าอำนาจนิติบัญญัติไม่สามารถทำอะไรได้
ต่อข้อถามว่า จำเป็นหรือไม่หากมีการเปิดประชุมร่วมเพื่อหารือ จะต้องมีการเปลี่ยนสถานที่การประชุม พ.อ.อภิวันท์กล่าวว่า ไม่จำเป็น เพราะในการแถลงนโยบายของรัฐบาลก็แถลงที่อื่นมาแล้ว เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะใช้ ร.11 รอ. เป็นสถานที่ประชุมแทน พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ตนคงไม่ไปที่นั่น เพราะไม่ใช่สถานที่ประชุมสภา ในค่ายทหารตนไม่ไป ภาพลักษณ์ที่ออกมาคงดูไม่สวยงาม เมื่อถามว่าแล้วจะมีสถานที่ที่ปลอดภัยมากกว่านี้หรือไม่ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาจะเป็นผู้พิจารณา ทั้งนี้ตนขอร้องให้เข้ามาประชุมกันที่สภา เพราะเชื่อว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น
