""ศิริชัย" ซัดกบฎแดงจ้องล้มสถาบัน วอนพันธมิตรฯ อย่าตื่นตูม เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ปล่อยรบ.ทำหน้าที่ จวก "ทักษิณ" ใช้ชีวิตคนเป็นเครื่องมือจัดม็อบปาของเสียสะท้อนนิสัยโสโครก "หมอวรงค์" ประเมินแดงชุมนุม เชื่อเกมใต้ดินจ่อก่อวินาศกรรม ขู่ เมษาฯเลือด "มาร์ค" ตั้งหลักช้า แต่คราวนี้เตรียมใช้ไม้แข็งประกาศ 2 กม.มั่นคง ชี้ กำพืด "ทักษิณ" เอาแต่ได้ ระดมคนสู้ แต่ขนครอบครัวไปนอก
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น. วันพุธที่ 10 มีนาคม มี น.ส.รัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้มีการเชิญ นายศิริชัย ไม้งาม แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 2 และนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมวิเคราะห์ถึงสถานการณ์บ้านเมือง หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงเป่านกหวีดระดมพลอุ้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน
นายศิริชัย กล่าวถึงจุดยืนพันธมิตรฯต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ว่า หลังจากที่แกนนำพันธมิตรฯ มีการหารือกันก็เห็นพ้องให้เวลานี้หน้าที่หลักในการดูแลรักษาบ้านเมืองเป็นของรัฐบาล ส่วนทางพันธมิตรฯ จะขอเฝ้าดูเหตุการณ์และประเมินท่าที ซึ่งถ้าหากรัฐบาลไม่สามารถจัดการหรือควบคุมสถานการณ์ได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็จำเป็นที่พันธมิตรฯ จะต้องมีการเคลื่อนไหว แต่การออกมาในครั้งนี้ ไม่ใช่ต้องการให้ประชาชน 2 ฝ่ายเผชิญหน้ากัน แต่เป็นการต่อต้านกลุ่มคนที่คุกคามสังคมและประเทศชาติ
นายศิริชัย กล่าวต่อว่า แกนนำพันธมิตรฯ เห็นตรงกันว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าข่ายกบฎ ที่ต้องการล้มล้างสถาบัน ดังนั้น ตอนนี้สิ่งที่พันธมิตรฯ อยากจะเรียกร้องคือต้องการให้รัฐบาลใช้กฏหมายจัดการกับคนที่ป่วนบ้านเมือง แต่ตนขอเตือนประชาชนและพี่น้องพันธมิตรฯ ว่าอย่าตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยขอให้ตั้งสติและอย่าตกเป็นเหยื่อ จนกระทั่งหวาดกลัวไม่กล้าทำอะไร เนื่องจาก มันจะทำให้กลุ่มคนพวกนี้สะใจมากขึ้น
นพ.วรงค์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีการประเมินสถานการณ์การชุมนุมคนเสื้อแดง พบว่ามีกลุ่มบริวาร พ.ต.ท.ทักษิณ 2 ส่วนที่ร่วมเคลื่อนไหวในครั้งนี้ คือ กลุ่มที่เคลื่อนไหวบนดิน ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจน ในการปิดกรุงเทพฯ และทำให้การจราจรเป็นอัมพาต ส่วนอีกกลุ่มเป็นกลุ่มใต้ดิน ที่เคลื่อนไหวโดยมุ่งก่อวินาศกรรม ซึ่งอาจจะใช้มอเตอร์ไซต์เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุวขวางปาระเบิด
"รัฐบาลมีการประเมินสถานการณ์การชุมนุมว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการก่อเหตุรุนแรง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ทุกอย่างจะเป็นไปตามกฏหมาย และใช้มาตรการกับผู้ชุมนุมตั้งแต่เบาไปหาหนัก" นพ.วรงค์ กล่าว
นายศิริชัย กล่าวว่า วันนี้จะเห็นได้ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงทำทุกอย่างตามที่แกนนำสั่ง โดยไม่มีแผนรองรับสถานการณ์และความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุม แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนการชุมนุมที่ผ่านมา เนื่องจากคาดว่าจะยิ่งรุนแรง เพราะมีการสร้างภาพหลอกมวลชน ซึ่งมีความพยายามจะทำให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกรังแก โดยในความจริงเป็นการเอาชีวิตประชาชนเป็นตัวประกันและเป็นเครื่องต่อรอง
นพ.วรงค์ กล่าวว่า พฤติกรรมของแกนนำคนเสื้อแดงมันสะท้อนความรุนแรงชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการปลุกเร้าให้ไปเอาขวดและหาน้ำมันเอาข้างหน้า หรือจะเป็นการปลุกระดมต่อต้านอำนาจรัฐ ซึ่งแกนนำเสื้อแดงไม่เคยใช้ตรรกะ มีแค่การตะโกนให้เข่นฆ่ากันอย่างเดียว เพื่อให้เกลียดชังนายกฯ และองคมนตรี ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด คือ สมุน พ.ต.ท.ทักษิณ ทุกคนอยากจะสร้างผลงาน เพื่อเอาใจนายใหญ่ที่ดูไบ ฉะนั้น จุดที่น่าห่วงคือการไม่มีแกนนำหลักอย่างชัดเจน
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนคิดว่าเวลานี้ คนรำคาญ เบื่อการชุมนุมแบบหยาบคายที่สาระไม่มี แต่เอามันไว้ก่อน ทั้งหมดเพื่อตอบสนองความต้องการของนายใหญ่ ซึ่งมันค้านกับกระแสคนส่วนใหญ่ที่ไม่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเลือกทำสงครามครั้งสุดท้ายขั้นแตกหัก และยิ่งมีการพูดกันว่า เงินยังไม่ออก ก็เป็นไปได้ว่า คนอาจจะไม่มากพอถึง 1 ล้านคน
"ครั้งนี้เมื่อเทียบกับเดืนเมษาฯ ต่างกันเยอะ ตอนนั้นถือว่าเป็นการต้อนรับน้องใหม่นายกฯ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ทำให้การจัดการเจ้าหน้าที่รัฐ ยังไม่ลงตัวมากเท่าวันนี้ เพราะหลังผ่านไปแล้ว 1 ปี ทุกอย่างราบรื่น มีการตั้งรับดีกว่าครั้งก่อน แต่จุดที่น่ากังวลคือ ความพยายามสร้างเรื่องเท็จเพื่อหลอกลวงประชาชน" นพ.วรงค์ กล่าว
นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า มีข้อมูลว่าแกนนำเสื้อแดง สั่งให้ผู้ชุมนุมเอาถุงพลาสติกไปใส่ฉี่และอึ เพื่อขวางใส่เจ้าหน้าที่หรือสถานที่ราชการ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นมันน่าเป็นห่วง มันเป็นเหมือนการทำสงครามชีวภาพขั้นพื้นฐาน ดังนั้น กทม. ต้องเตรียมการรองรับเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นรถน้ำ หรือรถดับเพลิง
นายศิริชัย กล่าวว่า การกำหนดยุทธศาสตร์ปาของเสีย ตนคิดว่าแกนนำคนเสื้อแดงมีจิตใจสกปรก เป็นการต่อสู้สะเปะสะปะ เป็นม็อบโสโครก ที่ต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของชาติ นี่หรือเป็นกลุ่มคนที่ทวงประชาธิปไตย หรือรักประเทศชาติ ภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชนมันสะท้อนทุกอย่าง
"ถ้าเกิดพันธมิตรฯออกมาชุมนุม มีคนถามว่ามันจะไม่ยุ่งหรือ ผมขอยืนยันว่า หน้าที่หลักเป็นของรัฐบาล ส่วนพันธมิตรฯอยู่ในที่ตั้ง แต่ถ้าหากรัฐบาล ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันป้องกันบ้านเมือง โดยวิธีการไม่ใช่การให้คน 2 ฝ่ายมาเผชิญหน้ากัน แต่อาจจะเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ให้ทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" นายศิริชัย กล่าว
นพ.วรงค์ กล่าวว่า รัฐบาลจะใช้กฏหมายในมือให้เป็นประโยชน์ โดยมีการยืนยันเรื่องยุบสภาหรือปฏิวัติไม่มีทางแน่นอน ซึ่งหากสถานการณ์รุนแรงจริง ก็จะใช้ 2 เครื่องมือ คือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือพ.ร.บ.กฏอัยการศึก
นายศิริชัย กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เรียกร้องให้คนอื่นสู้ แต่ตัวเองกลับพาครอบครัวหนี ทำไมไม่เอาลูกเมียมาเดินนำหน้าขบวนประท้วง แบบนี้มันแสดงพ.ต.ท.ทักษิณ รักครอบครัวมากกว่าประเทศชาติหรือกลุ่มผู้ชุมนุมที่สู้เพื่อตัวเอง
นพ.วรงค์ กล่าวว่า พฤติกรรมส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เอาคนในครอบครัวหลบไปต่างประเทศ มันคือการเอาตัวรอด และส่อนิสัยเอาแต่ได้ เพราะในสถานการณ์ที่เรียกร้องให้ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็สมควรที่ครอบครัวชินวัตรจะออกมานำม็อบ ดังนั้น มันจึงตอบได้ว่า การชุมนุมนี้แรงหรือไม่ ก็ตอบได้ว่าแรง แต่วันนี้ต้องถามกลุ่มคนเสื้อแดงว่าทุกวันนี้สู้เพื่ออะไร เขาพาครอบครัวหนีไปแล้ว แต่มีคนกลุ่มหนึ่งมาทนแดด ทนร้อน และเสี่ยงตายเพื่อเขา โดยทั้งหมด พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้หวังแค่ให้รัฐบาลยุบสภา แต่ต้องการสร้างเงื่อนไขเพื่อเจรจากับเบื้องสูงด้วย
"พอกระบวนการยุติธรรมไม่ออกมาอย่างที่หวังไว้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เลือกวิธีการอื่นที่เป็นการไม่ยอมรับคำตัดสิน ทั้งที่ตัวเองก็สู้ตามกระบวนการยุติธรรมตลอด ดังนั้น มันบ่งบอกความสองมาตรฐานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถือเป็นสไตล์ส่วนตัว" นพ.วรงค์ กล่าว
รายการ “คนในข่าว” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน เวลา 20.30-22.00 น. วันพุธที่ 10 มีนาคม มี น.ส.รัตน์ติกรณ์ จารุเกษตรวิทย์ เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งวันนี้มีการเชิญ นายศิริชัย ไม้งาม แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่น 2 และนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมวิเคราะห์ถึงสถานการณ์บ้านเมือง หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงเป่านกหวีดระดมพลอุ้ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับบ้าน
นายศิริชัย กล่าวถึงจุดยืนพันธมิตรฯต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ว่า หลังจากที่แกนนำพันธมิตรฯ มีการหารือกันก็เห็นพ้องให้เวลานี้หน้าที่หลักในการดูแลรักษาบ้านเมืองเป็นของรัฐบาล ส่วนทางพันธมิตรฯ จะขอเฝ้าดูเหตุการณ์และประเมินท่าที ซึ่งถ้าหากรัฐบาลไม่สามารถจัดการหรือควบคุมสถานการณ์ได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็จำเป็นที่พันธมิตรฯ จะต้องมีการเคลื่อนไหว แต่การออกมาในครั้งนี้ ไม่ใช่ต้องการให้ประชาชน 2 ฝ่ายเผชิญหน้ากัน แต่เป็นการต่อต้านกลุ่มคนที่คุกคามสังคมและประเทศชาติ
นายศิริชัย กล่าวต่อว่า แกนนำพันธมิตรฯ เห็นตรงกันว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเข้าข่ายกบฎ ที่ต้องการล้มล้างสถาบัน ดังนั้น ตอนนี้สิ่งที่พันธมิตรฯ อยากจะเรียกร้องคือต้องการให้รัฐบาลใช้กฏหมายจัดการกับคนที่ป่วนบ้านเมือง แต่ตนขอเตือนประชาชนและพี่น้องพันธมิตรฯ ว่าอย่าตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น โดยขอให้ตั้งสติและอย่าตกเป็นเหยื่อ จนกระทั่งหวาดกลัวไม่กล้าทำอะไร เนื่องจาก มันจะทำให้กลุ่มคนพวกนี้สะใจมากขึ้น
นพ.วรงค์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีการประเมินสถานการณ์การชุมนุมคนเสื้อแดง พบว่ามีกลุ่มบริวาร พ.ต.ท.ทักษิณ 2 ส่วนที่ร่วมเคลื่อนไหวในครั้งนี้ คือ กลุ่มที่เคลื่อนไหวบนดิน ซึ่งมีเป้าหมายชัดเจน ในการปิดกรุงเทพฯ และทำให้การจราจรเป็นอัมพาต ส่วนอีกกลุ่มเป็นกลุ่มใต้ดิน ที่เคลื่อนไหวโดยมุ่งก่อวินาศกรรม ซึ่งอาจจะใช้มอเตอร์ไซต์เป็นยานพาหนะในการก่อเหตุวขวางปาระเบิด
"รัฐบาลมีการประเมินสถานการณ์การชุมนุมว่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการก่อเหตุรุนแรง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ เพื่อควบคุมสถานการณ์ แต่ทั้งนี้นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ทุกอย่างจะเป็นไปตามกฏหมาย และใช้มาตรการกับผู้ชุมนุมตั้งแต่เบาไปหาหนัก" นพ.วรงค์ กล่าว
นายศิริชัย กล่าวว่า วันนี้จะเห็นได้ว่ากลุ่มคนเสื้อแดงทำทุกอย่างตามที่แกนนำสั่ง โดยไม่มีแผนรองรับสถานการณ์และความปลอดภัยให้ผู้ชุมนุม แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนการชุมนุมที่ผ่านมา เนื่องจากคาดว่าจะยิ่งรุนแรง เพราะมีการสร้างภาพหลอกมวลชน ซึ่งมีความพยายามจะทำให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกรังแก โดยในความจริงเป็นการเอาชีวิตประชาชนเป็นตัวประกันและเป็นเครื่องต่อรอง
นพ.วรงค์ กล่าวว่า พฤติกรรมของแกนนำคนเสื้อแดงมันสะท้อนความรุนแรงชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการปลุกเร้าให้ไปเอาขวดและหาน้ำมันเอาข้างหน้า หรือจะเป็นการปลุกระดมต่อต้านอำนาจรัฐ ซึ่งแกนนำเสื้อแดงไม่เคยใช้ตรรกะ มีแค่การตะโกนให้เข่นฆ่ากันอย่างเดียว เพื่อให้เกลียดชังนายกฯ และองคมนตรี ซึ่งสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด คือ สมุน พ.ต.ท.ทักษิณ ทุกคนอยากจะสร้างผลงาน เพื่อเอาใจนายใหญ่ที่ดูไบ ฉะนั้น จุดที่น่าห่วงคือการไม่มีแกนนำหลักอย่างชัดเจน
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตนคิดว่าเวลานี้ คนรำคาญ เบื่อการชุมนุมแบบหยาบคายที่สาระไม่มี แต่เอามันไว้ก่อน ทั้งหมดเพื่อตอบสนองความต้องการของนายใหญ่ ซึ่งมันค้านกับกระแสคนส่วนใหญ่ที่ไม่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องเลือกทำสงครามครั้งสุดท้ายขั้นแตกหัก และยิ่งมีการพูดกันว่า เงินยังไม่ออก ก็เป็นไปได้ว่า คนอาจจะไม่มากพอถึง 1 ล้านคน
"ครั้งนี้เมื่อเทียบกับเดืนเมษาฯ ต่างกันเยอะ ตอนนั้นถือว่าเป็นการต้อนรับน้องใหม่นายกฯ ที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ทำให้การจัดการเจ้าหน้าที่รัฐ ยังไม่ลงตัวมากเท่าวันนี้ เพราะหลังผ่านไปแล้ว 1 ปี ทุกอย่างราบรื่น มีการตั้งรับดีกว่าครั้งก่อน แต่จุดที่น่ากังวลคือ ความพยายามสร้างเรื่องเท็จเพื่อหลอกลวงประชาชน" นพ.วรงค์ กล่าว
นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า มีข้อมูลว่าแกนนำเสื้อแดง สั่งให้ผู้ชุมนุมเอาถุงพลาสติกไปใส่ฉี่และอึ เพื่อขวางใส่เจ้าหน้าที่หรือสถานที่ราชการ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นมันน่าเป็นห่วง มันเป็นเหมือนการทำสงครามชีวภาพขั้นพื้นฐาน ดังนั้น กทม. ต้องเตรียมการรองรับเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นรถน้ำ หรือรถดับเพลิง
นายศิริชัย กล่าวว่า การกำหนดยุทธศาสตร์ปาของเสีย ตนคิดว่าแกนนำคนเสื้อแดงมีจิตใจสกปรก เป็นการต่อสู้สะเปะสะปะ เป็นม็อบโสโครก ที่ต่อสู้โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีของชาติ นี่หรือเป็นกลุ่มคนที่ทวงประชาธิปไตย หรือรักประเทศชาติ ภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชนมันสะท้อนทุกอย่าง
"ถ้าเกิดพันธมิตรฯออกมาชุมนุม มีคนถามว่ามันจะไม่ยุ่งหรือ ผมขอยืนยันว่า หน้าที่หลักเป็นของรัฐบาล ส่วนพันธมิตรฯอยู่ในที่ตั้ง แต่ถ้าหากรัฐบาล ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่ต้องช่วยกันป้องกันบ้านเมือง โดยวิธีการไม่ใช่การให้คน 2 ฝ่ายมาเผชิญหน้ากัน แต่อาจจะเป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ให้ทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น" นายศิริชัย กล่าว
นพ.วรงค์ กล่าวว่า รัฐบาลจะใช้กฏหมายในมือให้เป็นประโยชน์ โดยมีการยืนยันเรื่องยุบสภาหรือปฏิวัติไม่มีทางแน่นอน ซึ่งหากสถานการณ์รุนแรงจริง ก็จะใช้ 2 เครื่องมือ คือ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือพ.ร.บ.กฏอัยการศึก
นายศิริชัย กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เรียกร้องให้คนอื่นสู้ แต่ตัวเองกลับพาครอบครัวหนี ทำไมไม่เอาลูกเมียมาเดินนำหน้าขบวนประท้วง แบบนี้มันแสดงพ.ต.ท.ทักษิณ รักครอบครัวมากกว่าประเทศชาติหรือกลุ่มผู้ชุมนุมที่สู้เพื่อตัวเอง
นพ.วรงค์ กล่าวว่า พฤติกรรมส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เอาคนในครอบครัวหลบไปต่างประเทศ มันคือการเอาตัวรอด และส่อนิสัยเอาแต่ได้ เพราะในสถานการณ์ที่เรียกร้องให้ช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ก็สมควรที่ครอบครัวชินวัตรจะออกมานำม็อบ ดังนั้น มันจึงตอบได้ว่า การชุมนุมนี้แรงหรือไม่ ก็ตอบได้ว่าแรง แต่วันนี้ต้องถามกลุ่มคนเสื้อแดงว่าทุกวันนี้สู้เพื่ออะไร เขาพาครอบครัวหนีไปแล้ว แต่มีคนกลุ่มหนึ่งมาทนแดด ทนร้อน และเสี่ยงตายเพื่อเขา โดยทั้งหมด พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้หวังแค่ให้รัฐบาลยุบสภา แต่ต้องการสร้างเงื่อนไขเพื่อเจรจากับเบื้องสูงด้วย
"พอกระบวนการยุติธรรมไม่ออกมาอย่างที่หวังไว้ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เลือกวิธีการอื่นที่เป็นการไม่ยอมรับคำตัดสิน ทั้งที่ตัวเองก็สู้ตามกระบวนการยุติธรรมตลอด ดังนั้น มันบ่งบอกความสองมาตรฐานของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่ถือเป็นสไตล์ส่วนตัว" นพ.วรงค์ กล่าว