“ส.ว.สมชาย” เสนอรัฐบาลบังคับใชักฎหมายอย่างจริงใจในการรับมือม็อบเสื้อแดง แกนนำทำผิดต้องถอนประกัน-ออกหมายจับคนป่วน ขณะเดียวกัน พร้อมใช้สื่อรัฐแจงข้อมูลให้ประชาชนทราบ พร้อมกำชับตำรวจ ทหารตั้งด่านตรวจอาวุธสกัดใช้ก่อวินาศกรรมหรือจลาจล แฉตำรวจอยุธยา พัทยา สระบุรี เกียร์ว่างปล่อยแก๊งแดงเข้ากรุงร่วมม็อบป่วนเมือง
ที่รัฐสภา วันนี้ (8 มี.ค.) มีการประชุมวุฒิสภา โดยมีนายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาเป็นประธาน ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมวุฒิสภา นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ได้หารือถึงสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 14 มี.ค.โดยเสนอต่อรัฐบาลกำชับหน่วยกำลังทั้งทหาร ตำรวจ และหน่วยข่าวกรองในการบังคับใช้กฎหมายในดูแลสถานการณ์ โดยหากพบว่ามีผู้กระทำความผิดขอให้ถอนประกันแกนนำ และดำเนินการจับกุม โดยขอให้ประสานไปยังศาล 24 ชั่วโมง เพื่อออกหมายจับได้ทันที ขอให้ทหารและตำรวจสนธิกำลังตั้งด่านตรวจอาวุธสงครามที่มีเป้าหมายการก่อวินาศกรรม หรือจลาจล เพื่อสร้างความวุ่นวายขึ้น ทั้งนี้ ตนได้รับรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในหัวเมือง เช่น จ.พระนครศรีอยุธยา พัทยา และ จ.สระบุรี ตั้งด่านตรวจก็จะทำหน้าที่หละหลวม มีการกักกันพอเป็นพิธีแล้วปล่อยผู้ชุมนุมเข้ากรุงเทพฯ จึงขอให้มีการสนธิกำลังอย่างเร่งด่วน
นายสมชายกล่าวว่า ขอให้รัฐบาลเตรียมแผนรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินขั้นสูง โดยเตรียมความพร้อมทั้งโรงพยาบาล รถพยาบาล เลือด กรณีที่เหตุการณ์บานปลาย, ขอให้มีการประสานสื่อโทรทัศน์เพื่อทำความเข้าใจต่อผู้ที่จะเดินทางเข้ามาชุมนุมในกรุงเทพฯ 2 ประเด็น คือ มีบุคคลบิดเบือนคำพิพากษาโดยอ้างว่าถูกปล้นทรัพย์ ทั้งที่เป็นการนำทรัพย์ที่ถูกปล้นไปคืนสู่แผ่นดิน และขอให้การใช้สิทธิชุมนุมกระทำโดยสงบ อย่าปล่อยให้แกนนำพาไปก่อเหตุหรือก่อการจลาจล, เมื่อเกิดเหตุรัฐบาลต้องกล้าที่จะตัดสินใจที่จะรวมสถานีโทรทัศน์และวิทยุเข้าเป็นโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ รวมถึงประสานสื่อต่างชาติด้วย
นายสมชายกล่าวอีกว่า เมื่อจำเป็นต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินขอให้รัฐบาลเตรียมพร้อมประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ควบคุมเฉพาะพื้นที่โดยเมื่อสถานการณ์ลุกลามบานปลาย นายกรัฐมนตรีต้องใช้ภาวะผู้นำในการตัดสินใจทันทีโดยทำความเข้าใจต่อประชาชน ทั้งนี้ หากต้องใช้กำลังเข้าควบคุมสถานการณ์จะต้องยึดหลักสิทธิมนุษยชน และแผนกรกกฎ 52 ต้องปฏิบัติจากเบาไปหาหนัก โดยจะต้องมีการบันทึกเทปโทรทัศน์ไว้ทุกขั้นตอนเพื่อป้องกันการตัดต่อเนื่องจากการชุมนุมครั้งนี้มีการทำสงครามสื่อ
นายสมชายกล่าวว่า สำหรับประชาชนมีข้อเสนอ 3 ข้อ คือ ให้ประชาชนเข้าใจว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่มของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับกลุ่มที่ต้องการโค่นล้มรัฐบาล เพื่อต้องการกลับเข้ามามีอำนาจ ไม่ใช่การเผชิญหน้าของคนกลุ่มใหญ่ของประเทศกับกลุ่มของ พ.ต.ท.ทักษิณ ดังนั้นจึงควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการจัดการ ประชาชนส่วนใหญ่จึงไม่ควรเอาตัวเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ แต่ประชาชนต้องช่วยเป็นหูเป็นตาให้แก่เจ้าหน้าที่ เพื่อป้องกันความปลอดภัยของตัวเองและความปลอดภัยของชุมชน โดยหากพบว่ามีผู้ใดก่อเรื่องในชุมชน ขอให้ลุกขึ้นมาตอบโต้ตามกฎหมาย และขอให้ประชาชนติดตามข่าวสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยขอให้ประชาชนพร้อมที่จะออกมาปกป้องสถาบัน
“สุดท้ายเรื่องนี้อยู่ที่รัฐบาล และภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรีที่จะต้องตัดสินใจ ภาวะผู้นำในภาวะปกติกับภาวะผู้นำในสถานการณ์แตกต่างกัน ประเทศชาติจะอยู่รอดได้จะต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย” นายสมชายกล่าว