“โฆษกมาร์ค” ชื่นชมผลงาน จนท.ตร.จับกุม “เสธ.แดง” พร้อมลูกสมุน เชียร์ถอนประกันแกนนำ นปช. สกัดปลุกม็อบเสื้อแดงเผาเมือง โต้ข้อหา รบ.ปั่นหัวกรุงเปิดศึกม็อบชนม็อบ ยันแค่แจ้งเตือนให้ระวัง เชื่อม็อบเสื้อแดงเคลื่อนไหวลำบากเพราะขาดแนวร่วม ปชช.และจะถูกกระแสต่อต้านอย่างหนัก
วันนี้ (8 มี.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยการจับกุมนายพรวัฒน์ ทองสมบูรณ์ หรือนายเคทอง พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณาวุฒิกองทัพบก และพวก รวมถึงกรณีที่กรจับกุมผุ้เกี่ยวข้องกับการปาระเบิดธนาคารกรุงเทพได้แล้วว่า ต้องขอขอบคุณในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่ประสบความสำเร็จและขอชื่นชมการทำหน้าที่ในครั้งนี้ ถ้าหากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองและหน่วยงานราชการ ใช้มาตรฐานในการปฏิบัติหน้าที่และดำเนินการกับผู้กระทำผิดกฏหมายได้ทันท่วงทีเช่นนี้ในทุกกรณี ก็จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชนและสังคมไทยกลับคืนมาได้ ที่สำคัญเป็นการสร้างความอุ่นใจให้พี่น้องประชาชนโดยเฉพาะคน กทม. ภายใต้ในสถานการณ์การนัดชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงเพื่อป่วนบ้านเมืองได้มากขึ้น
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ถ้าหากเป็นไปได้อยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีความต่างๆ ที่แกนนำเสื้อแดงกระทำความผิด เช่น คดีการจลาจลหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ ที่จนถึงวันนี้ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร หรือคดีอื่นที่ทางตำรวจน่าจะใช้ช่องทางของกฎหมายพิจารณา สั่งถอนประกันแกนนำ นปช.เหล่านี้เสีย เพื่อไม่ให้เป็นตัวการในการยุยงปลุกปั่นม็อบโดยการบิดเบือนข้อเท็จจริงกรณีต่างๆในวันที่ 12-14 มี.ค.นี้ โดยเฉพาะกรณีการจับมือปาระเบิดธนาคารกรุงเทพ ที่เป็นสองน้าหลาน ที่ทางตำรวจควรจะสืบสวนสอบสวนขยายผลไปถึงเครือข่ายและขบวนการ เพื่อสาวถึงต้นตอที่แท้จริงว่ามีใครอยู่เบื้องหลัง เพราะเป็นการก่อเหตุที่อุกอาจสร้างความสะเทือนขวัญ ป่วนบ้านเมืองให้ภาพของประเทศออกมาในสายตาสื่อต่างชาติว่า ไม่มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เป็นการก่อการที่หวังผลและใช้ในการบิดเบือนข้อเท็จจริงสอดรับ กับการเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงและเครือข่าย และการที่ผู้ต้องหาซัดทอดว่า มีคนเสื้อแดงจ้างมาก็ต้องทำความจริงให้ปรากฏว่าเป็นใคร กลุ่มไหนที่บงการ เพราะทั้งหมดเป็นการขับเคลื่อนที่เป็นระบบ มีการวางแผนและทำตามขั้นตอนที่ตั้งไว้ เพื่อจะสามารถอธิบายต่อสังคมได้และเพื่อป้องกันแกนนำ นปช.จะใช้ข้อมูลบิดเบือนกล่าวหาว่ารัฐบาลใส่ร้ายคนเสื้อแดง
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่แกนนำ นปช.บางคนออกมากล่าวหา ตนเองพยายามปลุกระดมคม กทม.ให้ต่อต้านการชุมนุมของคนเสื้อแดง ในลักษณะม็อบชนม็อบนั้น ขอยืนยันว่าเป็นการแจ้งเตือนให้คน กทม.ตื่นตัวในการรับมือกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง ไม่ใช่เป็นการปลุกระดมมวลชนมาปะทะกันในลักษณะม็อบชนม็อบ ตามที่มีการพยายามบิดเบือน แต่เป็นข้อเสนอส่วนตัวของตนที่อยากให้คน กทม.ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงแสดงออกโดยสันติ ไม่ใช่ความรุนแรงใดๆ เพียงแต่เป็นการส่งสัญญาณให้ คนเสื้อแดงรู้ว่า คน กทม.ไม่ต้องการให้ใครมาก่อความวุ่นวายซ้ำรอยเหตุการณ์สงกรานต์เลือด ขอยืนยันว่าฝ่ายรัฐบาลไม่ได้ยุยงให้คน กทม.จัดตั้งมวลชน ติดอาวุธตั้งป้อมเเผชิญหน้ากับคนเสื้อแดงแต่อย่างใด การที่รัฐบาลขอความร่วมมือไปยัง กทม. ผอ.เขตต่างๆ ส.ส. ส.ก.และส.ข.ทุกคน ก็เพื่อเตรียมพร้อมป้องกันเหตุความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในการชุมนุมใหญ่ของคนเสื้อแดงครั้งนี้ และเป็นการให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในการป้องปรามปัญหา ที่อาจเกิดขึ้น ดังนั้นแกนนำเสื้อแดงอย่าใช้การบิดเบือนกล่าวหาว่า รัฐบาลจัดม็อบชนม็อบตามที่พยายามแพร่กระจายข่าวนี้ได้อย่างไร
นายเทพไทกล่าวต่อว่า ทั้งนี้เชื่อว่าความเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงครั้งนี้ จะตกอยู่ในภาวะยากลำบาก เพราะเป็นการเคลื่อนไหวที่ขาดการยอมรับจากประชาชน และถูกกระแสสังคมต่อต้านอย่างหนักดูได้จากโพลล์สำรวจความเห็นของประชาชนและสังคมไทย แต่ตัว พ.ต.ท.ทักษิณเองที่เป็นเจ้าของม็อบตัวจริง ซึ่งบัญชาการการเคลื่อนไหวด้วยตัวเอง มีความคาดหวังกับการชุมนุมครั้งนี้สูงมาก ดูได้จากการวีดีโอลิ้งค์ในเวทีการชุมนุมของคนเสื้อแดง โดยย้ำถามมวลชนของตัวเองว่า ให้ตนเก็บกระเป๋ากลับบ้านได้แล้วหรือยัง ถ้าการชุมนุมครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็มีสิทธิที่จะเก็บกระเป๋าได้ แต่เก็บกระเป๋าเพื่อเร่ร่อนหนีคดีต่อไป แต่หากจะเก็บกระเป๋ากลับประเทศไทยก็เป็นการเก็บกระเป๋า เพื่อเตรียมตัวเข้าคุก รอการขังรวมกับสามเกลอหัวกลม ที่ทำผิดกฎหมายในการชุมนุมครั้งนี้ด้วย
นายเทพไทยังกล่าวถึงกรณีที่แกนนำ นปช.พยายามสร้างข่าว เปิดประเด็นรายวันใส่ร้ายรัฐบาลโดยยุยงให้มวลชนคนเสื้อแดงทำผิดกฎหมายว่า เป็นความพยายามยั่วยุเพื่อให้เกิดชนวนความขัดแย้งในลักษณะน้ำผึ้งหยดเดียว โดยรัฐบาลพยายามหลีกเลี่ยงอย่างเต็มที่ เช่นกรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช.ยุยงให้ชาวบ้านนำรถอีแต๋นบรรทุกคนเข้ามาชุมนุมใน กทม.ถือเป็นการทำผิด พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 มาตรา 21-22 ซึ่งเป็นการใช้รถผิดประเภท ดังนั้นทางตำรวจต้องจับกุมและยึดรถ ที่ใช้ขนส่งคนไว้เป็นหลักฐานและเพื่อไม่ให้เกิดอันตราย ต่อผู้ใช้ถนนหลวงต่อส่วนรวมจะมากล่าวหาว่ารัฐบาลรังแกไม่ได้ จึงเรียกร้องให้แกนนำ นปช.รับผิดชอบ ต่อเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นและอย่าสร้างสถานการณ์ เพื่อบิดเบือนอ้างเอากฏหมู่เหนือกฎหมายของบ้านเมือง เพราะได้เตือนและชี้แนะถึงข้อดีและข้อเสียไปแล้ว