นายกฯ เผย กอ.รมน.อนุมัติแผนรักษาความมั่นคง ยันปฏิบัติตามหลักสากล ตั้ง “กอร์ปศักดิ์” ปธ.ประสานงานแกนนำแดง เลี่ยงความเข้าใจผิดระหว่างรัฐกับม็อบ ยันรัฐไม่เคยทำร้ายประชาชน ถามรัฐก่อความรุนแรงเองแล้วได้ประโยชน์อะไร ซัดพวกหวังผลปฏิวัติคือกลุ่มคนจ้องล้มกระดาน ย้ำกองทัพทำงานสนองนโยบายรัฐ
วันนี้ (10 มี.ค.) ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในว่า ที่ประชุมได้มีการอนุมัติแผนหลังจากที่ ครม.ได้ประกาศให้พื้นที่กรุงเทพมหานคร จ.นนทบุรี และหลายอำเภอเป็นพื้นที่ปรากฏเหตุที่จะรักษาความมั่นคงตามกฎหมาย ขอเรียนสั้นๆ ว่า หลักสำคัญที่ได้มีการเน้นย้ำวันนี้คือ ภารกิจการรักษาความสงบเรียบร้อยไม่ให้การชุมนุมมีผลกระทบทำให้สถานการณ์ลุกลาม และกระทบต่อชีวิตพี่น้องประชาชน นี่คือภารกิจหลักที่ได้ซักซ้อมทำความเข้าใจ ส่วนแนวปฏิบัตินั้นสิ่งสำคัญที่สุด คือ จะยึดถือตามแนววินิจฉัยของศาลปกครองเมื่อวันที่ 9 ต.ค. ซึ่งตนคิดว่าเป็นกติกาที่ดีที่สุดสำหรับทุกฝ่ายที่จะยึดถือในด้านของประชาชนที่มาชุมนุม ศาลได้ชี้ไว้ชัดว่าการชุมนุมปราศจากอาวุธตามรัฐธรรมนูญนั้น เป็นการชุมนุมที่ได้รับการคุ้มครอง อย่างไรก็ตาม การชุมนุมที่เข้าข่ายลักษณะที่จะเป็นการชุมนุมที่ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ก็ต้องไม่มีลักษณะในการสร้างความหวาดกลัว ข่มขู่ หรือขัดขวาง การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือการใช้ชีวิตตามปกติของประชาชน ตราบที่การชุมนุมอยู่ในกรอบรัฐธรรมนูญสามารถดำเนินการได้ ตรงกันข้ามการเตรียมการของรัฐบาลที่ผ่านมา เราอำนวยความสะดวกในเรื่องการจัดระเบียบต่างๆ ที่จะดูแลให้การชุมนุมเรียบร้อย
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แม้ว่าการชุมนุมที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไข เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปดำเนินการตามกฎหมายได้ ซึ่งศาลชี้ไว้ชัดเจนว่าจะต้องปฏิบัติตามหลักสากลและจะต้องดำเนินการสมควรแก่เหตุ ซึ่งหากจะมีการดำเนินการเจ้าหน้าที่จะต้องแจ้งผู้ชุมนุมตลอดว่าสิ่งที่เจ้าหน้าที่จะปฏิบัติสืบเนื่องมาจากอะไร จะปฏิบัติอย่างไร เมื่อไหร่ เพื่อที่จะให้เป็นไปตามหลักสากล อันนี้ได้มีการซักซ้อม
“นอกจากนี้ คณะทำงานขึ้นมาคณะหนึ่ง คือ คณะทำงานประสานงานกับผู้ชุมนุม หรือแกนนำผู้ชุมนุม โดยให้เลขาธิการนายกฯ (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) เป็นประธาน ตรงนี้เป็นลักษณะที่ว่าหากมีเหตุ หรือแนวโน้มที่จะเกิดเหตุที่นำไปสู่ความไม่เข้าใจ ก็จะให้คณะทำงานชุดนี้เข้าไปประสานกับผู้ชุมนุมเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ดี หลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด หรืออุบัติเหตุที่เกิดขึ้น เป็นสาระสำคัญในการประชุมวันนี้” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ลักษณะการทำงานของกรรมการชุดนี้เป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราจะต้องติดตามข่าวสารอยู่แล้ว สมมติมีปัญหาเรื่องจราจร การสัญจรของประชาชน อาจจะมีการประสานกับผู้ชุมนุมว่าจะมีการปรับแผนกันอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความเดือดร้อน
เมื่อถามว่า มีการประเมินหรือไม่ว่าในช่วงการชุมนุมการบริหารราชการแผ่นดินจะสามารถทำได้ตามปกติหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า การชุมนุมจะเริ่มวันที่ 12 มี.ค.และชุมนุมใหญ่วันที่ 14 มี.ค.ตามที่เขาประกาศไว้ ในวันที่ 12 มี.ค.เป็นวันศุกร์ คาดว่าจะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนหลัง วันที่ 14 มี.ค.ก็ยังไม่ทราบ เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าแนวโน้มการชุมนุมเป็นอย่างไร ยังไม่มีการกำหนดอะไรพิเศษ ทุกอย่างเป็นไปอย่างปกติ
เมื่อถามว่า วันนี้ได้มีการตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบ (ศอ.รส.) นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายสุเทพรับผิดชอบศูนย์ฯ ตามกฎหมาย ขณะเดียวกันก็มีคณะกรรมการที่เป็นที่ปรึกษาของศูนย์ ซึ่งหลักใช้คณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) เข้ามาเป็นที่ปรึกษา นอกเหนือจากรัฐมนตรีที่เป็นกรรมการ กอ.รมน. เช่น นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และมีปลัดกระทรวงต่างๆ มาร่วมเป็นที่ปรึกษาด้วย เช่น กระทรวงคมนาคม กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงแรงงาน เป็นต้น
เมื่อถามว่า อยากอธิบายให้หน่วยเคลื่อนที่เร็วที่สามารถติดอาวุธได้ มีภารกิจอย่างไรบ้าง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เป็นหน่วยที่คอยเข้าไปแก้ปัญหา เมื่อเกิดเหตุ หลักคือตำรวจที่พูดถึงมีอาวุธก็เป็นปกติของตำรวจ ส่วนเจ้าหน้าที่ที่จะดูแลตัวพื้นที่ที่มีการชุมนุมจริงๆ จะให้อุปกรณ์ป้องกันตัวเป็นหลัก เมื่อถามว่ามีสงครามข่าวสารที่มีการใส่ร้ายระหว่างกัน ผู้ชุมนุมบอกว่า รัฐเตรียมก่อเหตุเพื่อป้ายสีผู้ชุมนุม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนมีเรื่องที่อยากจะย้ำเรื่องแรกในเชิงปฏิบัติจะมีผู้แถลงข่าวเป็นระยะโดยผู้รับผิดชอบ แต่จะเห็นได้ว่าการประชุมทุกครั้งเราเน้นว่าภารกิจของเราคืออะไร ไม่เคยมีตรงไหนที่ภารกิจของรัฐบาลชุดนี้พูดถึงการปราบปรามหรือสร้างปัญหาเพื่อประโยชน์ในการทำอะไรกับผู้ชุมนุม ไม่เคยเป็นเป้าหมายของรัฐบาลชุดนี้ และซักซ้อมในการทำงานทุกครั้งที่มีการประกาศใช้ พ.ร.ก.
“พิสูจน์มาโดยตลอดว่ารัฐบาลนี้ไม่มีในกรณีผู้ชุมนุมมาต่อต้านรัฐบาลแล้วถูกระเบิดยิงเข้าไป ถูกทำร้ายในลักษณะซึ่งเป็นความพยายามที่จะไปสร้างปัญหา รวมทั้งก่อนหน้านี้ผู้ที่บอกว่ารัฐบาลสร้างเหตุการณ์ต่างๆ เช่น กรณีการปาระเบิดก็มีการจับกุมตรงไปตรงมา มีภาพจากวงจรปิด ประเด็นแรกที่ผมอยากย้ำแนวปฏิบัติของรัฐบาลนี้ และการซักซ้อมทำความเข้าใจของรัฐบาลนี้สม่ำเสมอ ทุกครั้งชัดเจน ไม่เคยถือเรื่องเป้าหมายหรือภารกิจเลยที่จะไปสร้างปัญหาให้คนกลุ่มใดทั้งสิ้น ประการที่ 2 ต้องถามว่ารัฐบาลจะทำเช่นนั้นทำไม ผมมองไม่เห็นเลยว่าผมหรือรัฐบาลจะได้ประโยชน์อะไรจากการที่ทำให้เกิดความรุนแรงหรือความวุ่นวายขึ้นตรงกับใครไปอย่างนั้น มีแต่จะทำให้ขบวนการการเมืองนี้เติบโตขึ้น ฉะนั้นไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรกับผมกับรัฐบาล ขณะเดียวกัน กองทัพก็มีความชัดเจนว่าทำงานโดยการสนองนโยบายของรัฐบาล และกองทัพก็ได้พูดชัดหลายครั้ง ไม่มีวาระแอบแฝงทางการเมือง และก็ไม่มีคนกลุ่มใดเลยในสังคมขณะนี้ที่มองว่าการมีความรุนแรง การปฏิวัติรัฐประหารแล้วจะเกิดประโยชน์กับกลุ่มตนเอง มีคนกลุ่มเดียวที่จะได้ประโยชน์คือ คนที่ต้องการล้มกระดาน ฉะนั้นผมคิดง่ายๆว่าการสร้างสถานการณ์นั้นไม่รู้ว่าใครไปคิดทำอย่างนั้น เพราะว่าไม่ฉลาด ไม่ได้ผลอะไรกับตัวเอง มีแต่สร้างประโยชน์ให้คนกลุ่มเล็กๆ ที่คิดเรื่องนี้จริงๆ ซึ่งต้องการล้มกระดาน” นายอภิสิทธิ์กล่าว