ป้อมพระสุเมธุ/ทีมข่าวการเมือง
นายศักดิ์ เตชาชาญ ได้หันมาแนบชิดกับกลุ่มอำนาจใหม่ พรรคเสื้อน้ำเงิน จนได้รับการเสนอชื่อจากพรรคภูมิใจไทยให้ไปเป็น “กรรมาธิการศึกษาแนวทางการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ”ในคณะกรรมการสมานฉันฑ์เพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญชุดนายดิเรก ถึงฝั่ง อันแสดงให้เห็นชัดว่า
ศักดิ์ เตชาชาญ ยามนี้มีสายสัมพันธ์การเมืองกับฝ่ายภูมิใจไทยแน่ๆ ไม่อย่างงั้นคงไม่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นกรรมาธิการ ในโควตาพรรค
ตบเท้าให้กำลังใจกันอุ่นหนาฝาคั่ง เรียกได้ว่า กองหลัง-กองหนุน แน่นปึ๊ก สำหรับแรงหนุนที่หลั่งไหลให้กับ จาดุร อภิชาติบุตร หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
ไม่ได้มาแค่ ศิวะ แสงมณี อดีตรองปลัดกระทรวงมหาดไทย-อธิบดีกรมการปกครอง ที่เดินทางไปให้กำลังใจจาดุรถึงห้องทำงานและแถลงข่าวสนับสนุนข้าราชการน้ำดีผู้กล้าหาญชนกับนักการเมืองฝ่ายอธรรมในกระทรวงมหาดไทยอย่างเต็มที่
แต่ตามด้วยคณาจารย์ รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อาทิ จรัส สุวรรณเวลา -ไชยันต์ ไชยพร ที่ตบเท้าให้กำลังรุ่นพี่ สิงห์ดำอย่างจาดุรถึงห้องทำงานหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
เป็นแรงใจที่ส่งไปให้จาดุรหลังจากถูก ขาใหญ่บุรีรัมย์ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานรมว.มหาดไทย (ชวรัตน์ ชาญวีรกูล) แจ้งความดำเนินคดีที่สน.พระราชวังและยื่นฟ้องเอาผิดจาดุรต่อศาลอาญา เป็นเงิน 100 ล้านบาท พ่วงด้วยการยื่นฟ้องASTV ผู้จัดการเป็นจำเลยร่วม ในข้อหาหมิ่นประมาท กับการออกมาเปิดโปงเรื่องซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงคลองหลอดยุคนี้
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นสิทธิที่ศักดิ์สยามใช้สิทธิตามกฎหมายแจ้งความดำเนินคดีกับตัวจาดุรและสื่อมวลชน หากคิดว่าตัวเองได้รับความเสียหายจากคำพูดของจาดุร หลังไปกล่าวในงานเสวนา ที่จัดโดยคณะกรรมมาธิการการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภาที่จัดร่วมกับคณะอนุกรรมการศึกษาระบบการเสริมสร้างธรรมาภิบาลและตรวจสอบทุจริตในรัฐวิสาหกิจและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น วุฒิสภา เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา
ทั้งที่ จะว่าไปหากพิจารณาเนื้อหาคำกล่าวของจาดุรในงานสัมมนาดังกล่าวอย่างละเอียดชนิดเปิดเทปฟัง ประโยคต่อประโยคจะพบว่าไม่ได้ทำให้ศักดิ์สยามเสียหายอะไร เป็นแค่การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของศักดิ์สยามและชวรัตน์ ชาญวีรกูล ในฐานะนักการเมือง-บุคคลสาธารณะ
ยิ่งตำแหน่งหน้าที่ของศักดิ์สยาม ที่ผู้คนในกระทรวงมหาดไทยเรียกขานกันว่า “รมว.มหาดไทยตัวจริง” ที่มีบทบาทในกระทรวงมากกว่าชวรัตน์ ชาญวีรกูลเสียอีก ก็ยิ่งต้องให้สังคมเอ็กซ์เรย์ตรวจสอบได้ วิพากษ์วิจารณ์ได้ทุกแง่มุม ไม่ใช่แตะนิดแตะหน่อยก็ฟ้องร้อง-แจ้งความดำเนินคดี เพื่อหวังปิดปากอัน เป็นลูกไม้ตื้นๆของนักการเมืองยุคเก่าที่กลัวการถูกสังคมตรวจสอบ
หรือว่าเพราะการแสดงความเห็นของจาดุร มันทำให้ศักดิ์สยาม “ร้อนตัว”เนื่องจากไปนั่งทับขี้ในกระทรวงมหาดไทยที่มีข่าวว่ามีนักการเมืองตัวสูงๆ บางคนไปถ่ายทิ้งไว้เรี่ยราดในกรม-กองต่างๆ ในกระทรวงมหาดไทย จนเหม็นเน่าไปทั่วกระทรวงมหาดไทย และพยายามกลบความเน่าเหม็นเหล่านี้มาตลอดปีกว่าแล้ว แต่เพราะกลิ่นเหม็นมันรุนแรงเลยทำให้หลายเรื่องที่อื้อฉาวส่งกลิ่นไม่ดีออกมา
ทั้งเรื่องการเช่าประมูลคอมพิวเตอร์ ของสำนักทะเบียน กรมการปกครอง มูลค่า 3,400 ล้านบาท-การสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ ของกรมการปกครอง-การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทยที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มาตลอดปีกว่า ตั้งแต่ในระดับปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด ปลัดจังหวัด นายอำเภอ มีการพบว่าไม่โปร่งใส เล่นพรรคเล่นพวก ทำลายระบบคุณธรรม กีดกันคนดีมีความสามารถเอาแต่พวกเดียวกันเองที่ทำงานรับใช้นักการเมือง
สิงห์ที่อยู่อย่างราชสีห์ไม่ได้รับความเหลียวแล แต่พวกสิงห์ขี้เรื้อนได้ดิบได้ดีแบบข้ามหัวคนดีมีความสามารถ และอาวุโสสูงกว่า จนเกิดคำเรียกขานว่า “สิงห์น้ำเงิน”คือพวกข้าราชการมหาดไทยสายเนวิน-ศักดิ์สยาม
ทั้งหมดวันนี้กำลังกลายเป็นน้ำลดตอผุด มันก็เลยได้เห็นพวกนักการเมือง-ข้าราชการสันหลังหวะในมหาดไทยเต้นเป็นเจ้าเข้าเพราะกลัวจะถูกลากไส้ประจานจนถึงขั้นเอาผิดทั้งอาญาและแพ่ง จนอาจติดคุกในบั้นปลายชีวิต มันก็เลยทำให้กลุ่มแก๊งสีน้ำเงินในมหาดไทยต้องดิ้นรนทุกอย่างเพื่อปิดปากคนพูดความจริงให้หงอกลัว
อย่างไรก็ตาม เมื่อวันนี้ มีการฟ้องร้องดำเนินคดี-เอาผิดกันตามกระบวนการยุติธรรม ก็คงต้องให้ทุกอย่างว่าไปตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ว่าสุดท้าย จะเป็นจาดุร หรือศักดิ์สยาม ใครที่จะได้ใจสังคมว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ชอบธรรม รักษาผลประโยชน์ส่วนรวม รวมถึงการพิจารณาคดีของศาลที่จะเห็นว่าฝายไหนทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
แต่น่าแปลกใจไม่น้อยกับการที่ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีข้อร้องเรียนการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอของกรมการปกครองไม่โปร่งใส มีการล็อกชื่อและข้อสอบรั่ว โดยให้ ศักดิ์ เตชาชาญ อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและอดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน
ที่บอกว่าแปลกก็เพราะเรื่องนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนการทุจริตสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอไปเกือบปีแล้ว และมีข่าวาการสอบสวนในทางลับอันมีนาย ประสาท พงษ์ศิวาภัย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐมเป็นประธาน
มีความคืบหน้าถึงขั้นเตรียมเชือดบิ๊กๆในกรมการปกครองไล่ตั้งแต่หัวลงมาถึงหาง ที่จะเข้าปิ้งกันในคราวนี้ และอาจจะมีการซักทอดไปถึงนักการเมืองในกระทรวงมหาดไทยที่อาจมีเอี่ยวด้วยหลังมีการปูดพบสิ่งผิดปกติในการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอเช่น มีข้าราชการของจังหวัดบุรีรัมย์จังหวัดเดียวสอบเข้าได้เกือบ 20 คน ซึ่งถือว่าสูงมากและเป็นการสูงแบบผิดปกติ
คนมหาดไทยและสังคมจึงเห็นตรงกันว่า ควรปล่อยให้เรื่องนี้เป็นการสอบสวนไปของป.ป.ช.ที่เป็นองค์กรอิสระและมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด อีกทั้งกรรมการแต่ละคนก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ กับกระทรวงมหาดไทยหรือการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอจึงทำให้สอบสวนเอาผิดได้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ ไม่ต้องทำงานแบบลูบหน้าปะจมูก
ผิดก็คือผิด ฟันก็คือฟัน
ถ้าผิดก็ชี้มูลความผิดส่งเรื่องให้อัยการ เพื่อส่งฟ้องศาลต่อไป ไม่ผิดก็ยกคำร้อง เรื่องก็ยุติ
แล้วจู่ๆ ชวรัตน์ หุ่นเชิดของศักดิ์สยาม จะมาตั้งกรรมการสอบสวนเพื่ออะไรให้ซ้ำซ้อนกับป.ป.ช.ให้ยุ่งยาก แถมกรรมการเกือบทั้งหมดก็เป็นคนของมหาดไทยเกือบทั้งสิ้น
ที่สำคัญมีกรรมการสอบบางคน ระดับบิ๊กมหาดไทยที่ได้ดิบได้ดี เติบใหญ่เพราะแรงหนุนของนักการเมืองในพรรคภูมิใจไทย ที่ใครๆก็รู้ว่าเป็นเด็กสายตรงศักดิ์สยาม ชิดชอบ จนถูกเรียกขานไปทั่วกระทรวงมหาดไทยตอนนี้ว่า “ว่าที่ปลัดมหาดไทยคนใหม่”
แล้วแบบนี้จะให้กรรมการคนนี้จะกล้าสวนสอบอย่างตรงไปตรงมา และเอาผิดคนที่เกี่ยวข้องได้อย่างไร เพราะทำไปก็ล้ำเส้น เหยียบตาปลาลูกพี่และยังจะต้องอดไม่ได้ตัวปลัดฯตัวจริง
หรือหากสอบไปสาวไป ดันไปเจอตอพวกเดียวกันเองที่เป็นลูกพี่ใหญ่ฝ่ายการเมืองในกระทรวง แบบนี้ก็ต้องสรุปว่าไม่มีมูลหรือเอาผิดแต่พวกปลาซิวปลาสร้อยที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม จับมาเป็นแพะรับบาปแล้วเชือดทิ้งเพื่อไม่ให้สาวถึงตัวการใหญ่
แผนการนี้ มันเห็นชัดว่ามีลับลมคมในไม่ธรรมดาแน่นอน
อีกทั้งที่สำคัญ อย่าลืมว่า กรรมการชุดกระทรวงมหาดไทยจะต้องทำงานซ้ำซ้อนกับป.ป.ช.แน่นอนเพราะการสอบก็สอบในประเด็นเดียวกัน อีกทั้งพยานหลักฐานต่างๆ เช่นพยานเอกสาร อย่างกระดาษข้อสอบ กระดาษคำตอบ ต่างๆ ก็ล้วนอยู่ในการสอบสวนของป.ป.ช.ที่ส่งคนมาอายัดเอกสารหลักฐานจากกรมการปกครองและโรงเรียนนายอำเภอมาไว้ที่ป.ป.ช.หมดแล้ว
ดังนั้นหากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของมหาดไทยจะสอบสวน คำถามก็คือจะสอบสวนประเด็นไหน สอบเพื่ออะไร แล้วจะใช้พยานหลักฐานจากไหน ที่จะไม่เป็นการไปก้าวก่าย และซ้ำซ้อนกับป.ป.ช.
คำถามเหล่านี้ ชวรัตน์ ศักดิ์สยาม มานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ช่วยตอบให้คนมหาดไทยทั่วประเทศทราบด้วยก็จะดี
เพราะตอนนี้ คนมหาดไทยพูดตรงกันว่า แทนที่กรรมการสอบชุดนายศักดิ์ เตชาชาญ จะมาจับคนผิด ทำมหาดไทยให้สะอาด กลับกลายเป็นว่า จะมา
ฟอกคนผิดให้เป็นถูก และจับข้าราชการเป็นแพะ สังเวยนักการเมืองเสียมากกว่า
เมื่อมองไปข้างหน้า ยิ่งหากกรรมการสรุปผลว่าไม่มีการทุจริตไม่มีอะไรผิดปกติในการสอบเข้าโรงเรียนนายอำเภอ แบบค้านกับผลสอบของป.ป.ช.อย่างงี้ต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน แม้อำนาจของป.ป.ช.จะมีมากกว่าชุดนาย ศักดิ์ เตชาชาญ เพราะหากป.ป.ช.ชี้มูลความผิดกับใคร แต่ของมหาดไทยสรุปว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ก็อาจมีคนที่ถูกป.ป.ช.สอบสวนเอาผิดนำเรื่องการสอบของมหาดไทยที่สรุปผลช่วยเหลือคนกันเองว่า ไม่มีการทุจริตไม่มีอะไรผิดปกติ ขึ้นมางัดข้อกับป.ป.ช.แบบไม่ยอมรับการสอบสวนของป.ป.ช.
ลอกเลียนวิธีการเดียวกับก.ตร.ในกรณีสวนมติป.ป.ช.ชี้มูลความผิด3 นายพล 7ตุลาเลือดเด๊ะเลย
แค่เริ่มตั้งต้นก็เห็นแล้วว่ามีปัญหาขนาดไหน ลำพังแค่เริ่มแก้ปัญหา ก็ถือว่าผิดแล้ว เพราะแค่ประกาศชื่อ ศักดิ์ เตชาชาญมาเป็นประธานกรรมการสอบ คนมหาดไทยก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับ เพราะรู้กันดีว่า คนๆ นี้ เคยเป็นอดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญคดีซุกหุ้นภาค 1 ที่ตัดสินเป็นเสียงข้างมากทั้งที่เพิ่งเข้าทำหน้าที่ได้ไม่กี่นานก่อนตัดสินคดีว่า ทักษิณไม่ได้ซุกหุ้นให้คนใช้-คนขับรถ จนปล่อยผีทักษิณออกมาสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติจนถึงทุกวันนี้
รวมถึงตอนคดีซุกหุ้นภาคสอง ที่นาย แก้วสรร อติโพธิ-สัก กอแสงเรือง อดีตสองสว.กรุงเทพมหานครที่ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นคตส. ก็พบว่าศักดิ์ คนนี้ก็เป็นตุลาการศาลรธน.เสียงข้างมากที่ลงมติไม่ให้ศาลรธน.รับพิจารณาคำร้อง
แบบค้านความรู้สึกของสังคม ที่เห็นว่าเรื่องนี้อยู่ในข่ายอำนาจที่ศาลรธน.ควรรับไว้พิจารณา
แต่เมื่อระบอบทักษิณ ล่มสลาย ก็พบว่าตอนนี้ นายศักดิ์ เตชาชาญ ได้หันมาแนบชิดกับกลุ่มอำนาจใหม่ พรรคเสื้อน้ำเงิน จนได้รับการเสนอชื่อจากพรรคภูมิใจไทยให้ไปเป็น “กรรมาธิการศึกษาแนวทางการยกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ”ในคณะกรรมการสมานฉันฑ์เพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญชุดนายดิเรก ถึงฝั่ง อันแสดงให้เห็นชัดว่า
ศักดิ์ เตชาชาญ ยามนี้มีสายสัมพันธ์การเมืองกับฝ่ายภูมิใจไทยแน่ๆ ไม่อย่างงั้นคงไม่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นกรรมาธิการ ในโควตาพรรค
แบบนี้ เรื่องที่ว่าจะมาเป็นกรรมการสอบสวน หาคนผิด ดูจากที่มาที่ไปของกรรมการชุดนี้แล้ว มันจะเป็นกรรมการฟอกผิด อุ้มคนชั่วเสียมากกว่า
นึกว่า คนอื่นไล่ไม่ทันหรือไง !