นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการ ไต่สวนกรณีข้อร้องเรียนการทุจริตการสอบ เข้าโรงเรียนนายอำเภอ กรมการปกครอง กระทรวงมหดาไทย ซึ่งมีข้อกล่าวหาว่า มีการเรียกรับเงิน และมีข้อสอบรั่วกล่าวว่า ขณะนี้คณะอนุกรรมการอยู่ระหว่างการเตรียมสรุปเรื่อง เพื่อดูว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวมีมูลและพยานหลักฐานที่สามารถแจ้งข้อกล่าวหากับผู้เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะข้าราชการระดับสูงในกรมปกครอง.ได้หรือไม่ ส่วนที่คดีล่าช้าเพราะอยู่ในขั้นตอนการประมวลและสรุปผล หากที่ประชุมมีมติให้แจ้งข้อกล่าวหา ก็จะเหลือเพียงการให้ถ้อยคำของบุคคลที่ถูกระบุชื่อว่าฟังขึ้นหรือไม่ ถ้าฟังไม่ขึ้นก็เสนอต่อที่ประชุมใหญ่เพื่อชี้มูลความผิด
เรื่องนี้ยืนยันไม่เป็นมวยล้ม การสอบเราเรียกมาดูหมดทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคแต่ต้องยอมรับว่าการสอบสวนหาข้อมูลพยานบุคคล พยานเอกสาร หาได้ยาก เพราหากมีการเรียกรับผลประโยชน์ เขาก็คุยกันทางวาจาไม่ทิ้งร่องรอย เอาไว้ แต่ป.ป.ช.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยึดเอกสารข้อสอบ ผลคะแนนทั้งหมดที่ โรงเรียนนายอำเภอและที่กรมการปกครองเอาไว้แล้ว ยืนยันไม่มีการทำลายเอกสารหลักฐานทิ้งแน่นอน คดีนี้ต้องรัดกุมเพื่อให้เป็นแบบอย่างถ้าจะเอาผิด ถ้าสำนวนไม่แน่จริงก็เอาคนผิดมาลงโทษไม่ได้
นายประสาท กล่าวว่าในฐานะอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดตนไม่สบายใจกับข่าวการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทยเพราะเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ผู้บริหารในกระทรวงต้องมีการตรวจสอบ หากผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ หรือข้าราชการมหาดไทยมีข้อมูลก็ส่งเรื่องมาที่อนุกรรมการป.ป.ช.ชุดตนก็ได้ จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการสอบสวนคดีทุจริตโรงเรียนนายอำเภอ
ถ้าสถาบันเจ้าเมือง นายอำเภอมีรื่องมัวหมองแบบนี้ ก็ปกครอง คนไม่ได้ สำคัญอยู่ที่ตัวข้าราชการประจำต้องไม่ยอม หากต้องมีการจ่ายเงินหลายสิบล้านเพื่อแลกกับตำแหน่งต้องมีการถอนทุนคืน ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็สาวถึงผู้เรียกรับผลประโยชน์ได้ค่อนข้างยาก เพราะเป็นเรื่องการสมประโยชน์ระหว่างผู้ให้และผู้รับ ที่คงไม่ออกมาพูดกันให้คนข้างนอกได้ยิน จึงไม่ปรากฎร่องลอยทิ่งเอาไว้ในเรื่องทำนองนี้
ด้านนายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวยืนยันว่าข้าราชการ ในระดับซี 3 -11 ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง การออกมาให้ข่าวเช่นนี้ต้องการดิสเครดิต ลดความน่าเชื่อถือของตนเอง เป็นการกล่าวใส่ร้ายจากคนที่ไม่ได้รับตำแหน่ง เพราะเงินตั้ง 20 ล้านบาทจะไปเอามาจากไหน
ความจริงแล้วคนที่เป็นผู้บังคับบัญชาก็ต้องมีสิทธิเลือกคนเข้ามาทำงาน คนเราถ้าจะออกรบ มันก็ต้องมีสิทธิเลือกขุนพล ซึ่ง 1 ใน 4 ที่ออกมาร้องนั้นก็เป็นอดีตรองผู้ว่าฯ ที่เคยมาวิ่งเต้นกับผมให้ย้ายน้องเมียจาก จ.อุบลราชธานี ไปจ.สระแก้ว ทำไมไม่พูดตรงนี้บ้าง
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ตำรวจ สภาฯ กมธ.เตรียมเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงการซื้อขาย ตำแหน่งในการโยกย้ายตำรวจวันพุธที่ 10 ก.พ.นี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาถึงหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้าย ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ในระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการ เนื่องจากมีกระแสข่าวและการร้องเรียนจากตำรวจจำนวนมากว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ ว่าอาจมีการมองข้ามหลักเกณฑ์การพิจารณาความเหมาะสมจากคำสั่งแต่งตั้งครั้งล่าสุด
สำหรับเรื่องการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งที่มีหนาหูโดยเฉพาะในพื้นที่ ผบช.ภ. 2 นั้น ตนก็ได้กำหนดนัดประชุมในวันที่ 11 ก.พ.นี้ โดยได้ตั้งคณะทำงานพิเศษชุดหนึ่ง เพื่อรวบรวมพยานและหลักฐานทั้งที่มีการร้องเรียนรวมทั้งให้ลงไปเก็บข้อมูลในทางลับมาแล้วบ้างเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายระดับที่พร้อมจะให้ข้อมูลตอลดจนพยานหลักฐานต่อ กมธ.แล้ว
เรื่องนี้ยืนยันไม่เป็นมวยล้ม การสอบเราเรียกมาดูหมดทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคแต่ต้องยอมรับว่าการสอบสวนหาข้อมูลพยานบุคคล พยานเอกสาร หาได้ยาก เพราหากมีการเรียกรับผลประโยชน์ เขาก็คุยกันทางวาจาไม่ทิ้งร่องรอย เอาไว้ แต่ป.ป.ช.ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยึดเอกสารข้อสอบ ผลคะแนนทั้งหมดที่ โรงเรียนนายอำเภอและที่กรมการปกครองเอาไว้แล้ว ยืนยันไม่มีการทำลายเอกสารหลักฐานทิ้งแน่นอน คดีนี้ต้องรัดกุมเพื่อให้เป็นแบบอย่างถ้าจะเอาผิด ถ้าสำนวนไม่แน่จริงก็เอาคนผิดมาลงโทษไม่ได้
นายประสาท กล่าวว่าในฐานะอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดตนไม่สบายใจกับข่าวการซื้อขายตำแหน่งในกระทรวงมหาดไทยเพราะเป็นเรื่องร้ายแรงมาก ผู้บริหารในกระทรวงต้องมีการตรวจสอบ หากผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ หรือข้าราชการมหาดไทยมีข้อมูลก็ส่งเรื่องมาที่อนุกรรมการป.ป.ช.ชุดตนก็ได้ จะได้เป็นส่วนหนึ่งในการสอบสวนคดีทุจริตโรงเรียนนายอำเภอ
ถ้าสถาบันเจ้าเมือง นายอำเภอมีรื่องมัวหมองแบบนี้ ก็ปกครอง คนไม่ได้ สำคัญอยู่ที่ตัวข้าราชการประจำต้องไม่ยอม หากต้องมีการจ่ายเงินหลายสิบล้านเพื่อแลกกับตำแหน่งต้องมีการถอนทุนคืน ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็สาวถึงผู้เรียกรับผลประโยชน์ได้ค่อนข้างยาก เพราะเป็นเรื่องการสมประโยชน์ระหว่างผู้ให้และผู้รับ ที่คงไม่ออกมาพูดกันให้คนข้างนอกได้ยิน จึงไม่ปรากฎร่องลอยทิ่งเอาไว้ในเรื่องทำนองนี้
ด้านนายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวยืนยันว่าข้าราชการ ในระดับซี 3 -11 ไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง การออกมาให้ข่าวเช่นนี้ต้องการดิสเครดิต ลดความน่าเชื่อถือของตนเอง เป็นการกล่าวใส่ร้ายจากคนที่ไม่ได้รับตำแหน่ง เพราะเงินตั้ง 20 ล้านบาทจะไปเอามาจากไหน
ความจริงแล้วคนที่เป็นผู้บังคับบัญชาก็ต้องมีสิทธิเลือกคนเข้ามาทำงาน คนเราถ้าจะออกรบ มันก็ต้องมีสิทธิเลือกขุนพล ซึ่ง 1 ใน 4 ที่ออกมาร้องนั้นก็เป็นอดีตรองผู้ว่าฯ ที่เคยมาวิ่งเต้นกับผมให้ย้ายน้องเมียจาก จ.อุบลราชธานี ไปจ.สระแก้ว ทำไมไม่พูดตรงนี้บ้าง
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) ตำรวจ สภาฯ กมธ.เตรียมเชิญผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจงการซื้อขาย ตำแหน่งในการโยกย้ายตำรวจวันพุธที่ 10 ก.พ.นี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาถึงหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้าย ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) ในระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการ เนื่องจากมีกระแสข่าวและการร้องเรียนจากตำรวจจำนวนมากว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ ว่าอาจมีการมองข้ามหลักเกณฑ์การพิจารณาความเหมาะสมจากคำสั่งแต่งตั้งครั้งล่าสุด
สำหรับเรื่องการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งที่มีหนาหูโดยเฉพาะในพื้นที่ ผบช.ภ. 2 นั้น ตนก็ได้กำหนดนัดประชุมในวันที่ 11 ก.พ.นี้ โดยได้ตั้งคณะทำงานพิเศษชุดหนึ่ง เพื่อรวบรวมพยานและหลักฐานทั้งที่มีการร้องเรียนรวมทั้งให้ลงไปเก็บข้อมูลในทางลับมาแล้วบ้างเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายระดับที่พร้อมจะให้ข้อมูลตอลดจนพยานหลักฐานต่อ กมธ.แล้ว
