ASTVผู้จัดการรายวัน-“ ชินวรณ์” ลั่นไม่ละเลยเรื่องโกง ตรวจพบคอรัปชั่น SP2 เชือดไม่เว้นหน้าไหน ไล่แต่ รมช.ศธ. เลขาฯ กอศ.ยัน ผอ.วิทยาลัย เตือนผู้บริหารสถาบันแตกแถว เจอเรียกเข้ากรุแน่ พร้อมระบุไม่เห็นด้วยตั้งสถาบันการอาชีวศึกษาแบบรวมกลุ่มพื้นที่ แนะรวมตามศักยภาพจะดีกว่า ด้าน “ธีรพัฒน์” เผย “เสมา 1” สั่งรูดซิบปาก หวั่นแหวกหญ้าให้งูตื่น จ่อส่งข้อมูล ป.ป.ช. จัดการต่อ
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวในการเปิดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2553 ของสมาพันธ์สมาคมครูอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ตนและสมาพันธ์สมาคมครูอาชีวะฯ มีเป้าหมายตรงกันเพื่อเดินหน้าการปฏิรูปการศึกษารอบ 2 โดยเฉพาะการศึกษาระดับอาชีวะต้องเป็นการศึกษาที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกระบวนการจัดการเรียนการสอน เพื่อที่จะสามารถพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่เป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศชาติในอนาคต ทั้งนี้ อาชีวะต้องเน้นความร่วมมือกับภาคเอกชนเป็นทวิภาคีให้เพิ่มมากขึ้น และจะสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา เพื่อต่อยอดในการเปิดสอนระดับปริญญาตรี อย่างไรก็ตามตนก็ไม่เห็นด้วยในการที่จะรวมกลุ่มแบบพื้นที่ แต่อยากให้มีการรวมกลุ่มสถาบันโดยนำศักยภาพของแต่ละสถาบันมารวมกันมากกว่า ซึ่งจะได้ระดมทรัพยากร ต่อยอดการพัฒนาครู และการเรียนการสอนร่วมกัน เพื่อจะพัฒนาไปสู่ระดับปริญญาตรีต่อไป ทั้งนี้ ไม่จำเป็นว่ากลุ่มสถาบันเหล่านี้ต้องเปิดสอนปริญญาตรีทั้งหมด
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในส่วนของอาชีวะนั้น ตนยืนยันว่าจะไม่ละเลยเรื่องของการดำเนินงานที่ไม่โปร่งใส ที่ต้องมีการตรวจสอบและหาข้อเท็จจริงต่อไป ฉะนั้นอะไรที่ถูกก็ต้องยืนยันเพื่อไม่ให้เสียเป้าหมายในเรื่องของคุณภาพของนักเรียน
"หากพบว่ามีจุดใดมีการทุจริต คอรัปชั่น ก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นระดับไหน ทั้ง รมช.ศึกษาธิการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา หรือ ผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่งผมได้พูดคุยกับเลขาธิการ กอศ.แล้วว่าให้หาตำแหน่งประจำในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อจะได้ให้ผู้อำนวยการวิทยาลัย ที่ทำงานไม่โปร่งใสได้เข้ามาทำงาน และจะได้อยู่ใกล้ผม”นายชินวรณ์กล่าว
ด้าน นายธีรพัฒน์ คำคูบอน ประธานที่ปรึกษาสหภาพครูแห่งชาติ และอุปนายกสมาคมครูอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันนี้(1 ก.พ.) เวลา 11.00 น.ตนจะนำเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ตามโครงการไทยเข้มแข็ง หรือ SP2 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้พิจารณาและตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ดังกล่าว
“ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับท่านรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งท่านบอกว่าในหลายๆ เรื่องที่ยังเป็นเรื่องกันอยู่ หากเราพูดมากไปอาจทำให้รูปคดีเสียได้ เพราะคณะกรรมการในชุดต่างๆ กำลังตรวจสอบอยู่ หากมัวแต่แหวกหญ้าให้งูตื่นก่อน ก็ต้องระวัง ทั้งนี้ท่านได้กำชับว่าหากไม่จำเป็นก็อย่าให้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ซึ่งผมก็ได้ขออนุญาติท่านว่าจะให้ข่าวอีกครั้งในวันที่ 1 ก.พ. นี้ที่ ป.ป.ช. จากนั้นก็จะพูดในเรื่องนี้ให้น้อยลง เพราะถือว่าเรื่องทั้งหมดได้เข้าสู่หน่วยตรวจสอบที่จะมารับไม้ต่อไปดำเนินการ” นายธีรพัฒน์ กล่าว
นายธีรพัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ ออกมาปฏิเสธการออกหนังสือสั่งการให้สถานศึกษาเร่งรัดการจัดซื้อครุภัณฑ์ในรายการที่ผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ ตามโครงการ SP2 ว่า มีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อลดความน่าเชื่อถือของคณะกรรมการตรวจสอบ และ รมช.ศึกษาธิการ เองนั้น ถ้า รมช.ศึกษาธิการ ปฏิเสธอย่างนี้ก็ถือว่า 1 ปีที่ผ่านมาเอกสารต่างๆ เป็นของปลอมทั้งหมด
“การที่ น.ส.นริศรา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความผมฐานหมิ่นประมาท ผมก็ไม่รู้ว่า น.ส.นริศรา ร้อนตัวหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยระบุชื่อว่าใครทุจริต เพียงพูดถึงความไม่ชอบมาพากลในเรื่องการจัดซื้อครุภัณฑ์ราคาแพงมากกว่าเท่าตัว และการก้าวก่ายการทำงานของข้าราชการเท่านั้น” นายธีรพัฒน์ กล่าว
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวในการเปิดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2553 ของสมาพันธ์สมาคมครูอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ตนและสมาพันธ์สมาคมครูอาชีวะฯ มีเป้าหมายตรงกันเพื่อเดินหน้าการปฏิรูปการศึกษารอบ 2 โดยเฉพาะการศึกษาระดับอาชีวะต้องเป็นการศึกษาที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงกระบวนการจัดการเรียนการสอน เพื่อที่จะสามารถพัฒนาฝีมือแรงงาน ที่เป็นกำลังสำคัญให้กับประเทศชาติในอนาคต ทั้งนี้ อาชีวะต้องเน้นความร่วมมือกับภาคเอกชนเป็นทวิภาคีให้เพิ่มมากขึ้น และจะสนับสนุนให้มีการจัดตั้งสถาบันการอาชีวศึกษา เพื่อต่อยอดในการเปิดสอนระดับปริญญาตรี อย่างไรก็ตามตนก็ไม่เห็นด้วยในการที่จะรวมกลุ่มแบบพื้นที่ แต่อยากให้มีการรวมกลุ่มสถาบันโดยนำศักยภาพของแต่ละสถาบันมารวมกันมากกว่า ซึ่งจะได้ระดมทรัพยากร ต่อยอดการพัฒนาครู และการเรียนการสอนร่วมกัน เพื่อจะพัฒนาไปสู่ระดับปริญญาตรีต่อไป ทั้งนี้ ไม่จำเป็นว่ากลุ่มสถาบันเหล่านี้ต้องเปิดสอนปริญญาตรีทั้งหมด
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในส่วนของอาชีวะนั้น ตนยืนยันว่าจะไม่ละเลยเรื่องของการดำเนินงานที่ไม่โปร่งใส ที่ต้องมีการตรวจสอบและหาข้อเท็จจริงต่อไป ฉะนั้นอะไรที่ถูกก็ต้องยืนยันเพื่อไม่ให้เสียเป้าหมายในเรื่องของคุณภาพของนักเรียน
"หากพบว่ามีจุดใดมีการทุจริต คอรัปชั่น ก็จะดำเนินการอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นระดับไหน ทั้ง รมช.ศึกษาธิการ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา หรือ ผู้อำนวยการสถานศึกษา ซึ่งผมได้พูดคุยกับเลขาธิการ กอศ.แล้วว่าให้หาตำแหน่งประจำในสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เพื่อจะได้ให้ผู้อำนวยการวิทยาลัย ที่ทำงานไม่โปร่งใสได้เข้ามาทำงาน และจะได้อยู่ใกล้ผม”นายชินวรณ์กล่าว
ด้าน นายธีรพัฒน์ คำคูบอน ประธานที่ปรึกษาสหภาพครูแห่งชาติ และอุปนายกสมาคมครูอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันนี้(1 ก.พ.) เวลา 11.00 น.ตนจะนำเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ตามโครงการไทยเข้มแข็ง หรือ SP2 ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ไปยื่นต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อให้พิจารณาและตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ดังกล่าว
“ผมได้มีโอกาสพูดคุยกับท่านรัฐมนตรีแล้ว ซึ่งท่านบอกว่าในหลายๆ เรื่องที่ยังเป็นเรื่องกันอยู่ หากเราพูดมากไปอาจทำให้รูปคดีเสียได้ เพราะคณะกรรมการในชุดต่างๆ กำลังตรวจสอบอยู่ หากมัวแต่แหวกหญ้าให้งูตื่นก่อน ก็ต้องระวัง ทั้งนี้ท่านได้กำชับว่าหากไม่จำเป็นก็อย่าให้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก ซึ่งผมก็ได้ขออนุญาติท่านว่าจะให้ข่าวอีกครั้งในวันที่ 1 ก.พ. นี้ที่ ป.ป.ช. จากนั้นก็จะพูดในเรื่องนี้ให้น้อยลง เพราะถือว่าเรื่องทั้งหมดได้เข้าสู่หน่วยตรวจสอบที่จะมารับไม้ต่อไปดำเนินการ” นายธีรพัฒน์ กล่าว
นายธีรพัฒน์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ รมช.ศึกษาธิการ ออกมาปฏิเสธการออกหนังสือสั่งการให้สถานศึกษาเร่งรัดการจัดซื้อครุภัณฑ์ในรายการที่ผ่านการตรวจสอบของคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ ตามโครงการ SP2 ว่า มีการปลอมแปลงเอกสารเพื่อลดความน่าเชื่อถือของคณะกรรมการตรวจสอบ และ รมช.ศึกษาธิการ เองนั้น ถ้า รมช.ศึกษาธิการ ปฏิเสธอย่างนี้ก็ถือว่า 1 ปีที่ผ่านมาเอกสารต่างๆ เป็นของปลอมทั้งหมด
“การที่ น.ส.นริศรา ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปแจ้งความผมฐานหมิ่นประมาท ผมก็ไม่รู้ว่า น.ส.นริศรา ร้อนตัวหรือเปล่า เพราะที่ผ่านมาผมไม่เคยระบุชื่อว่าใครทุจริต เพียงพูดถึงความไม่ชอบมาพากลในเรื่องการจัดซื้อครุภัณฑ์ราคาแพงมากกว่าเท่าตัว และการก้าวก่ายการทำงานของข้าราชการเท่านั้น” นายธีรพัฒน์ กล่าว