“ชินวรณ์” ชูอาชีวะหัวใจสำคัญผลิตคนป้อนภาคเศรษฐกิจในอนาคต เล็งพัฒนาฝีมือแรงงานชั้นกลาง สร้างความชัดเจนค่าตอบแทน ปั้นผู้ประกอบการรายใหม่ ฝากครู อาจารย์เฟ้นหาอัจฉริยภาพเด็ก พร้อมหนุนอย่างเต็มที่ ย้ำจัดการปัญหาต่างๆ ต้องเชื่อใจกัน แต่หากผิดจริงก็ฟันไม่เว้น
วันนี้(30 ม.ค.) ที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวในการเป็นประธานเปิดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2553 ของสมาพันธ์เครือข่ายครูอาชีวศึกษาแห่งประเทศไทย ว่า ตนจะให้ความสำคัญกับองค์กรสมาพันธ์ครูทุกระดับ เพราะตนมาจากครู จึงอยากมารวมใจเพื่อนครูทุกระดับชูธงปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 โดยมุ่งจัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพตลอดชีวิต เน้นที่ตัวผู้เรียน โดยอาชีวศึกษาจะเป็นหัวใจที่สำคัญในการสนองตอบความต้องการทางเศรษฐกิจของประเทศในอนาคต เพราะจะผลิตกำลังคนให้กับประเทศ และยังต้องผลิตความเป็นคนให้แก่เยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศ
นายชินวรณ์ กล่าวต่อว่า ในการจัดการศึกษาระดับอาชีวศึกษา จะเน้นพัฒนาฝีมือแรงงานชั้นกลาง มีหน่วยตรวจสอบคุณภาพฝีมือ จะมีการกำหนดชัดเจนเรื่องค่าตอบแทนค่าจ้างของผู้เรียนจบในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ(ปวช.) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.) ทั้งอาชีวศึกษาและราชมงคล ต้องจัดการเรียนการสอนแบบทวิภาคีร่วมกับผู้ประกอบการ ทั้งนี้จะต้องสร้างผู้ประกอบการรายใหม่ เป็น SME อาชีวศึกษา/ราชมงคล สร้างคนสู่ธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ นอกจากนั้น นักศึกษาอาชีวะจะต้องมีภูมิคุ้มกันยาเสพติด มีคุณธรรม และอยู่ในสังคมประชาธิปไตยได้อย่างมีความสุข ซึ่งไม่ได้หมายถึงการเลือกตั้ง แต่ต้องเคารพกัน และเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม ใช้ปัญญาในการแก้ปัญหา และวิทยาลัยใดที่ยังปล่อยให้เด็กตีกัน จะได้เจอกับตนแน่
“ถ้าอาชีวศึกษาไม่ปรับตัว อีก 10 ปีข้างหน้าจะมีปัญหากับบ้านเมือง เพราะพบว่าวันนี้ นักศึกษาบางคน จบอาชีวะแต่ไปเรียนต่อรัฐประศาสนศาสตร์ นิติศาสตร์ ในมหาวิทยาลัย แสดงว่าที่ฝึกทักษะมา 5 ปี สูญเปล่า ดังนั้นจะต้องวางแผนสัดส่วนการเรียนอาชีวศึกษาและที่ต้องต่อยอดอย่างชัดเจน ผู้เรียนต้องเลือกเรียนด้วยความถนัดและสนใจ” รมว.ศธ. กล่าว
นายชินวรณ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้แต่ละสถาบันจะต้องค้นหาอัจฉริยภาพของเด็กให้ได้ วิชาทั่วไปที่เรียนในห้องก็เรียนไป แต่ต้องไปค้นให้พบว่าแต่เด็กละคนเก่งด้านไหน แล้วก็ให้อาจารย์สนับสนุนอย่างเต็มที่ เช่น การร้องเพลง รวมทั้งสนับสนุนให้วิทยาลัยจับมือกับองค์กรอื่น ๆ ในการต่อยอดศักยภาพของเด็ก ซึ่งหากที่ใดทำโครงการเหล่านี้ จะมีงบประมาณพิเศษให้ ซึ่งแต่การมีปริมาณเด็กมากก็ไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ได้งบประมาณมากเช่นกัน
นายชินวรณ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับปัญหาการทุจริตนั้น ตนไม่ใช่คนที่กระต่ายตื่นตูม พอมีข่าวนิดหน่อยก็สั่งตรวจสอบ แต่ต้องเชื่อใจทุกคน แต่หากว่าตรวจสอบแล้วพบใครก็ตามที่ทุจริต ตนก็จะจัดการอย่างเด็ดขาดไม่เว้น
นายธีรพัฒน์ คำคูบอน อุปนายกสมาคมครูอาชีวศึกษา กล่าวว่า จากการประชุมวันนี้แสดงให้เห็นว่าครูอาชีวศึกษาทุกคนมาร่วมใจกันเพื่อการศึกษาจริงๆ เพื่อร่วมกันผลักดันสถาบันการอาชีวศึกษา ไม่ใช่มารวมตัวกันเพื่อตน หรือจะมาเพื่อขับไล่ใครใดๆ ทั้งสิ้น