“ชินวรณ์” มั่นใจ ลั่นรู้งานการศึกษาดีที่สุด แอบกัด “แม้ว” เคยเป็นถึงอดีตฯ เสมา 1 แต่ไม่เข้าใจเด็ก - ครู ไม่หวั่นรัฐบาลอยู่ไม่นาน ยันเดินหน้าปฏิรูปการศึกษาเต็มพิกัด คุยเตรียมทำยุทธศาสตร์หลักสูตร กระบวนการวัดผลนักเรียน ให้เสร็จใน 6 เดือน
วันนี้(28 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่หอประชุมคุรุสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวในการประชุมสัมมนาผู้นำเครือข่ายผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ถึงนโยบายการจัดการศึกษาและพัฒนาวิชาชีพครูสู่คุณภาพนักเรียน ว่า ตนยืนยันว่าจะเดินหน้านโยบายและร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยในสัปดาห์หน้าตนจะจัดประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และเป็นผู้ถือธงนำการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาฯ ร่วมกับ ศธ. จากนั้นตนจะจัดสมัชชาปฏิรูปการศึกษาฯ ในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ ยืนยันว่าการจัดสมัชชาครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อไปเริ่มศึกษากันใหม่อีก เพราะทุกอย่างได้ศึกษากันไว้หมดแล้ว โดยเฉพาะตนเชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่าการปฏิรูปการศึกษาฯ จะสำเร็จไม่ได้ ถ้าปฏิรูปครูไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงต้องไปคิดกันว่าจะทำอย่างไร ให้วิชาชีพครูมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เปลี่ยนกรอบความคิดครู นอกจากนั้นจะต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทั้งระบบ โดยเฉพาะหลักสูตร กระบวนการวัดผลนักเรียน ซึ่งตนจะจัดทำยุทธศาสตร์ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
“ที่ผ่านมา ศธ. ได้คนที่เก่งที่สุดเรื่องการศึกษามาดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ แล้ว แต่เพราะเป็นคนที่ไม่มีฐานทางการเมือง ไม่มีฐานจากเพื่อนครู ดังนั้นจึงไม่มีใครพูดถึงว่ามีผลงานอะไรบ้าง ขณะเดียวกัน ศธ.ก็เคยมี รมว.ศึกษาธิการ ที่มีฐานทางการเมืองมั่นคงที่สุด อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่ก็เป็นคนที่ไม่เข้าใจเด็ก ไม่เข้าใจครู ดังนั้นอยู่ได้ 6 เดือนก็ต้องจากไป แต่วันนี้ผมมีครบทั้ง 2 องค์ประกอบ คือ ผมเข้าใจเด็ก เข้าใจครู เข้าใจการศึกษา และมีฐานการเมือง ซึ่งนอกจากฐานเสียงใน จ.นครศรีธรรมราช ที่อุ้มชูผมมาตลอดแล้ว ฐานการเมืองในพรรคเอง ผมเป็นกรรมการบริหารพรรค เป็นนายทะเบียน และเป็นอดีตประธานวิปฯ ดังนั้นจึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่า ผมจะได้รับความร่วมมือในการขับเคลื่อนการศึกษาต่อไปมากมาย แต่ผมก็มีข้อจำกัดเรื่องเดียว คือ เวลาของรัฐบาล ซึ่งหลายคนก็บอกว่าอาจจะอยู่ได้แค่ 6 เดือน แต่ผมก็มั่นใจว่า ปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาฯ ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรผมก็ตั้งใจจะเดินหน้าในการปฏิรูปการศึกษาต่อไป” รมว.ศธ.กล่าว
วันนี้(28 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น. ที่หอประชุมคุรุสภา นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวในการประชุมสัมมนาผู้นำเครือข่ายผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ถึงนโยบายการจัดการศึกษาและพัฒนาวิชาชีพครูสู่คุณภาพนักเรียน ว่า ตนยืนยันว่าจะเดินหน้านโยบายและร่วมมือกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในการปฏิรูปการศึกษาในทศวรรษที่ 2 ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม โดยในสัปดาห์หน้าตนจะจัดประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และเป็นผู้ถือธงนำการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาฯ ร่วมกับ ศธ. จากนั้นตนจะจัดสมัชชาปฏิรูปการศึกษาฯ ในช่วงปลายเดือน มี.ค.นี้ ยืนยันว่าการจัดสมัชชาครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อไปเริ่มศึกษากันใหม่อีก เพราะทุกอย่างได้ศึกษากันไว้หมดแล้ว โดยเฉพาะตนเชื่อว่าทุกคนรู้ดีว่าการปฏิรูปการศึกษาฯ จะสำเร็จไม่ได้ ถ้าปฏิรูปครูไม่สำเร็จ ดังนั้นจึงต้องไปคิดกันว่าจะทำอย่างไร ให้วิชาชีพครูมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เปลี่ยนกรอบความคิดครู นอกจากนั้นจะต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทั้งระบบ โดยเฉพาะหลักสูตร กระบวนการวัดผลนักเรียน ซึ่งตนจะจัดทำยุทธศาสตร์ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
“ที่ผ่านมา ศธ. ได้คนที่เก่งที่สุดเรื่องการศึกษามาดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ แล้ว แต่เพราะเป็นคนที่ไม่มีฐานทางการเมือง ไม่มีฐานจากเพื่อนครู ดังนั้นจึงไม่มีใครพูดถึงว่ามีผลงานอะไรบ้าง ขณะเดียวกัน ศธ.ก็เคยมี รมว.ศึกษาธิการ ที่มีฐานทางการเมืองมั่นคงที่สุด อย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แต่ก็เป็นคนที่ไม่เข้าใจเด็ก ไม่เข้าใจครู ดังนั้นอยู่ได้ 6 เดือนก็ต้องจากไป แต่วันนี้ผมมีครบทั้ง 2 องค์ประกอบ คือ ผมเข้าใจเด็ก เข้าใจครู เข้าใจการศึกษา และมีฐานการเมือง ซึ่งนอกจากฐานเสียงใน จ.นครศรีธรรมราช ที่อุ้มชูผมมาตลอดแล้ว ฐานการเมืองในพรรคเอง ผมเป็นกรรมการบริหารพรรค เป็นนายทะเบียน และเป็นอดีตประธานวิปฯ ดังนั้นจึงเป็นเครื่องการันตีได้ว่า ผมจะได้รับความร่วมมือในการขับเคลื่อนการศึกษาต่อไปมากมาย แต่ผมก็มีข้อจำกัดเรื่องเดียว คือ เวลาของรัฐบาล ซึ่งหลายคนก็บอกว่าอาจจะอยู่ได้แค่ 6 เดือน แต่ผมก็มั่นใจว่า ปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภาฯ ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรผมก็ตั้งใจจะเดินหน้าในการปฏิรูปการศึกษาต่อไป” รมว.ศธ.กล่าว