xs
xsm
sm
md
lg

“เรืองไกร” ลายออก!! เผยธาตุแท้ป้องทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน “นช.ทักษิณ” ท้า “อภิสิทธิ์” ยุบสภา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ บนเวทีเสวนาเสื้อแดง
“ส.ว.เรืองไกร” เลิกเป็นอีแอบ โดดขึ้นเวทีเสวนาเสื้อแดง ปวารณาตัวเองป้องทรัพย์ “นช.ทักษิณ” โดยจับไมค์แจงที่มาเงิน 7.6 หมื่นล้าน ลั่นคำพิพากษาศุกร์นี้ ส่งผลต่อ ศก. จี้ “มาร์ค” ตอบเสียภาษีค่าส่งเอสเอ็มเอส 17 ล้านเบอร์ พร้อมทวง กกต.เอาผิดเงิน 258 ล้าน ปชป. แถมปากกล้าเตรียมแฉข้อมูล “นาม ยิ้มแย้ม” ท้า “อภิสิทธิ์” ถอยยุบสภา



วานนี้ (22 ก.พ.) เมื่อเวลา 19.20 น.ที่ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ กลุ่มกรุงเทพ 50 พรรคเพื่อไทย ได้จัดเสวนาเรื่อง “ทิศทางประเทศไทยปี 2553” โดยมีวิทยากรหลายคนประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายคณิน บุญสุวรรณ อดีต ส.ส.ร.2540 นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย รวมทั้งนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา นอกจากนี้ยังมี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นวิทยากรพิเศษด้วยการวิดีโอลิงก์มาจากต่างประเทศ

โดยนายเรืองไกรกล่าวในงานเสวนาครั้งนี้ว่า ตนเห็นว่ารัฐธรรมนูญ ปี 2550 ส่งผลกระทบต่อตัวรัฐมนตรีไม่ว่าจะทำอะไร ซึ่งตนได้เคยร้องเรียนไปแล้วหลายครั้ง ซึ่งหากผู้บริหารบ้านเมืองใส่ใจ และดำเนินการเหมือนกันทุกกรณี แบบนี้ก็ถือว่ามีมาตรฐานเดียว แต่ถ้าหากมีการตรวจสอบหนักไปด้านใดด้านหนึ่ง ก็จะเรียกว่าหลายมาตรฐาน โดยกรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ส่งเอสเอ็มเอส 17 ล้านเบอร์ เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2551 ประเด็นนี้ตนได้ร้องเรียนไปแล้วว่า สมควรมีการเสียภาษีหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้ได้เงียบหายไปปีกว่า ปรากฏว่าเมื่ออาทิตย์ก่อน นายอภิสิทธิ์ได้ระบุว่าจนถึงขณะนี้ยังไม่ได้เสียภาษี อีกทั้งนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ได้ออกมาชี้แจงว่าไม่จำเป็นต้องเสียภาษี โดยกรณีนี้ตนไม่เข้าใจว่านายกรณ์มีสิทธิ์อะไรจึงออกมาตัดสินใจเช่นนั้น ทั้งที่ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงานประเมิน แต่เป็นเพียงเสนาบดีจัดเก็บภาษีเท่านั้น แบบนี้ตนถือว่าไม่ถูกต้อง

นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า อีกกรณีเมื่อตอนนายอภิสิทธิ์ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธ.ค. 2551 โดยตอนนั้นมีการสั่งยุบพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2551 จากนั้นหากทุกคนจำได้ จะทราบว่ามีสมาชิก 3 พรรคการเมือง ถูกตัดสิทธิ์ให้หมดสภาพไป แต่เรื่องนี้เป็นความเข้าใจผิด แท้ที่จริงคนเหล่านั้นยังคงมีสมาชิกภาพอยู่ ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ที่ได้รับการคัดเลือกผ่านทางนายชัย ชิดชอบ ซึ่งตอนนั้นยังคงเป็นสมาชิกพรรคพลังประชาชน ถือว่าเป็นการกระทำที่มิชอบ โดยเรื่องนี้จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครกล้าตรวจสอบหรือติดตาม

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า อีกกรณีตนยังไม่ได้ร้องเรียน แต่สมาชิกพรรคเพื่อไทยได้เดินหน้าเรื่องนี้ไปแล้ว นั่นคือเรื่องเงิน 258 ล้านบาทของพรรคประชาธิปัตย์ และกรณีที่เอาเงิน กกต. ไปใช้ โดยประเด็นดังกล่าว ในเมื่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ ได้ร้องเรียนไปทาง กกต.แล้ว แต่ทำไมจนถึงปัจจุบัน กกต.ยังคงป่วยอยู่ ไม่ยอมวินิจฉัยเรื่องนี้ ทั้งที่มีหน้าที่เป็นนายทะเบียนพรรคการเมือง

นายเรืองไกรกล่าวถึงการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าในวันศุกร์ที่ 26 ก.พ.นี้ ที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ถือว่าเรื่องนี้มีความสำคัญและอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ เพราะทรัพย์สินจำนวน 76,000 ล้านบาท ที่ได้มาจากการขายหุ้นชินคอร์ปฯ ยังคงเป็นปัญหาอยู่ ซึ่งเท่าที่ตนศึกษาข้อมูลเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี ทำให้ทราบว่า การที่กล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฏหมาย หรือเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ตรงนี้มีการตั้งข้อสงสัยกันว่า เงินขายหุ้น 76,000 ล้านบาททำไมไม่เสียภาษี ซึ่งเรื่องนี้ต้องไล่เรียงกันให้ชัดเจน

“เงิน 76,000 ล้านบาทได้มาอย่างไร ซึ่งจากการที่ผมติดตามเรื่องนี้ต่อเนื่อง ทำให้รู้ว่าเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2543 ตระกูลชินวัตรกับดามาพงศ์ มีหุ้นก้อนนี้อยู่แล้ว โดยทั้งคุณหญิงพจมานและพ.ต.ท.ทักษิณ ได้แบ่งหุ้นออกไปให้กับนายพานทองแท้ บุตรชาย ต่อจากนั้นเมื่อ น.ส.พินทองทา บุตรสาวได้บรรลุนิติภาวะ ก็ได้ให้หุ้นผ่านทางตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน” นายเรืองไกร กล่าว

นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า วันนี้พอขายหุ้นได้เงิน ก็เกิดปัญหาว่าเงินก้อนนี้สมควรยึดหรือไม่ ซึ่งบางคนก็บอกว่าน่าจะยึดบางส่วน ในขณะที่บางคนก็บอกว่าไม่สมควรยึด โดยข้อเท็จจริงแล้วพอตนได้เสาะแสวงหาข้อมูลว่า ถ้าหากคำนวณมูลค่าการขายเมื่อปี 2551 ได้ หุ้นละ 2 เท่าตัว วันนี้สมควรจะยึด 152,000 ล้านบาทใช่หรือไม่ แต่ถ้าหากวันที่ 23 ม.ค.2551 ครอบครัวนายกฯ ทักษิณ ขายได้ครึ่งหนึ่ง วันนี้สมควรยึด 38,000 ล้านบาทใช่หรือไม่ ดังนั้น ยึดหรือไม่ยึดทั้งหมด มันไม่มีตรรกะที่ชัดเจน แต่ที่สำคัญ ตนจะไม่พูดเรื่องนี้ หากเอไอเอส ไม่มีปัญหาฟ้องร้องอยู่กับทีโอที ทำให้เป็นที่มาของการฟ้องร้องเรื่องการแปรสัญญาสัมปทานภาษีสรรพสามิต ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามาได้อย่างไร

“การจ่ายภาษีสัมปทาน เอไอเอสต้องจ่ายให้ทีโอทีร้อยละ 25 ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ เมื่อต้นปี 2546 ไปตราพระราชกำหนดแก้ พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตและตรา พ.ร.ก.ภาษีพิกัดสรรพสามิต โดยเมื่อกุมภาพันธ์ก็ออกเป็นมติ ครม. พอถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2546 ศาลรัฐธรรมนูญ ก็ตัดสิน วันนั้นมี ส.ส.จำนวนมากไปยื่นคำร้อง ซึ่งผู้นำในวันนั้นชื่อ นายอภิสิทธิ์ ซึ่งผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ยังคงมีอยู่ในเว็บไซต์” นายเรืองไกรกล่าว

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า ศาลรัฐธรรมนูญเวลานั้น มีมติ 8 ต่อ 6 ดังนั้น ถือว่า พ.ร.ก.แปรสัญญาสัมปทานเป็นสรรพสามิต ชอบด้วยกฏหมายรัฐธรรมนูญ ปี 2540 ฉะนั้น เมื่อชอบธรรมแล้ว มติ ครม ก็ต้องถือว่าชอบธรรมด้วย ซึ่งระบบการไต่สวนต้องนำประเด็นนี้มาประกอบคำพิจารณา และต้องกลับไปดูกรณีหุ้นชินคอร์ปฯ ที่ขายให้แก่กลุ่มเทมาเส็ก ว่ามูลค่าหุ้น 49.50 บาท ได้มาจากอะไร ใครๆ ที่มีความรู้ก็คงทราบดีกว่า ราคาหุ้นต้องคำนวณจากมูลค่าในอนาคตว่ามีเท่าไหร่ เมื่อได้เช่นนั้นแล้ว จึงไปทำดีล เพื่อขายเป็นล็อตใหญ่ ซึ่งตอนนั้นมีหลักฐานปรากฏชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายค่าโบรกเกอร์ไปเท่าไหร่ หรือเสียภาษีไปเท่าไหร่



ช่วงต่อมา ผู้ดำเนินรายการได้ให้วิทยากรที่มาร่วมบรรยายพูดถึงความรู้สึกที่ พ.ต.ท.ทักษิณบรรยายไป นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา กล่าวว่าไปสักระยะหนึ่ง ผู้ดำเนินรายการก็ตัดบทแล้วถามว่าจริงๆ นายเรืองไกร "สีเหลือง" หรือ "สีแดง" ผู้คนในห้องเสวนาต่างรอฟังคำตอบ โดยนายเรืองไกร มองไปที่เนคไทสีแดงของตนเองแล้วชูขึ้นมานิดหน่อย พร้อมยิ้มก่อนกล่าวว่า ตนอยู่บนหลักและจุดยืนของตนเอง ไม่เคยทะเลาะกับสิ่งที่ไม่ใช่วิชาการ และไม่ได้จบโรงเรียนเนติจากโรงเรียนหนึ่งและต้องตีกับอีกโรงเรียนหนึ่ง

ต่อมาผู้ดำเนินรายการได้ถามถึงคดียึดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้านบาท นายเรืองไกรบอกว่า มีข้อสงสัยกันเยอะ เท่าที่ไปค้นคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วไม่พบมีการตัดสินคดีแบบลักษณะวัวไปกินอ้อย แล้วยึดวัวไปทั้งตัว จากนั้นจะต้องนำวัวทั้งตัวมาฆ่า ซึ่งหนึ่งในผู้พิพากษาศาลฏีกาที่ตัดสินเรื่องนี้ คือ นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตประธาน คตส. ที่ตนจะนำมาเปิดเผยและวิเคราะห์ข้อมูลใหฟังในเร็วๆ นี้

นอกจากนี้ ในช่วงของการถาม-ตอบ นายเรืองไกร ยังแสดงความเห็นสอดคล้องกับผู้ร่วมเสวนาด้วยว่า เพื่อให้ความขัดแย้งในประเทศบรรเทาเบาบางลงและประเทศสามารถเดินหน้าต่อไป รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีต้องยอมถอยด้วยการประกาศยุบสภาด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น