นายกฯ อภิสิทธิ์ ลงนามตั้ง คตม.รับมือ “แดงถ่อย” ให้อำนาจประเมินสถานการณ์ก่อนเสนอใช้ กม.มั่นคง ไม่ติดใจสันดาน “ไอ้ตู่” ข่มขู่บุพการีอาจไม่ปลอดภัย วอนสังคมช่วยตัดสิน เชื่อกล้าพูดเพราะมีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง โบ้ยถอนประกันตัวเป็นดุลยพินิจของศาล แนะสื่อถาม “เทพไท” ปูดข้อมูลจ้างปาอึ 3 ล้าน ระบุคนพูดต้องรับผิดชอบตัวเอง
วันนี้ (16 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งคณะกรรมการติดตามสถานการณ์ความมั่นคง (คตม.) ว่า ได้ลงนามในคำสั่งแต่งตั้งเรียบร้อยแล้ว ผลการมีคณะกรรมการฯชุดนี้ เป็นการมีกลไกเพิ่มเติมขึ้นมาเพื่อติดตามเฝ้าระวังและมีข้อเสนอแนะในการที่จะมีมาตรการป้องกันแก้ไขสถานการณ์ต่างๆได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) ออกมาพูดลักษณะว่าตัวนายกฯและบิดาอาจจะไม่ปลอดภัย รู้สึกอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่แปลกใจ เพราะขณะนี้การพูดถึงความรุนแรงในหมู่แกนนำหลายคนทำกันเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
“ผมขอยืนยันว่ามันน่าจะสะท้อนให้เห็นว่ามันมีความผิดปกติอยู่ และผมคิดว่าในสังคมที่เป็นประชาธิปไตย มันไม่ควรจะมีการพูดจาในลักษณะนี้ แต่ของอย่างนี้มันคงไปห้ามกันไม่ได้ ยกเว้นแต่เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรข้อเท็จจริงคือในส่วนของผม ในส่วนของรัฐบาลไม่เคยมีความคิดเรื่องการใช้ความรุนแรงและผมอยากให้ประชาชนเฝ้าและติดตามและมองเห็นว่า ภาครัฐไม่มีการทำอะไรทั้งสิ้นที่จะนำไปสู่ความรุนแรงเลย แต่ต้องถามคำถามว่า เหตุใดบุคคลที่อ้างว่าเคลื่อนไหวในเรื่องของประชาธิปไตย จึงมีการพูดจาในลักษณะ ที่จะทำให้เกิดความรุนแรงหรือยั่วยุ ปลุกระดมให้เกิดความรุนแรงอยู่ตลอดเวลา” นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อถามว่าจะต้องมีการถอนประกันนายจตุพรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่ฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ การถอนต้องแล้วแต่ หากศาลให้ประกันศาลต้องเป็นผู้ถอน แต่นายจตุพร คงอาศัยว่ามีเอกสิทธิ์คุ้มครองอยู่ เพราะอยู่ในสมัยประชุม เมื่อถามว่าการพูดถึงบิดานายกฯ ที่ดูเหมือนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลยมันเกินเลยไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่เกินเลยสำหรับนายจตุพร เมื่อถามว่ารู้สึกเสียใจหรือไม่การเข้ามาทำหน้าที่ในฐานะนักการเมือง มันเข้าไปคุกคามในส่วนของครอบครัวด้วย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนก็เกรงใจบุคคลอื่นที่อยู่ในครอบครัว แต่เชื่อว่าทุกคนในครอบครัวทราบว่าการมาทำงานอย่างนี้ ในสถานการณ์แบบนี้และยังมีคนประเภทนี้อยู่ มันก็อาจจะมีบ้าง
เมื่อถามว่ายังมั่นใจหรือไม่ ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ยังอยู่ในวิสัยที่สามารถดูแลได้ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของตนเอง เพราะเรื่องการดูแลสถานการณ์ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยมันไม่ใช่ประโยชน์ในทางการเมืองของฝ่ายใด แต่เป็นประโยชน์ของส่วนรวมของประชาชน เพราะบ้านเมืองของเราและความสุขของประชาชนจะเกิดขึ้นไม่ได้เว้นมีความสงบและสามารถแก้ไขปัญหาบริหารราชการ บริหารนโยบายไปได้ ฉะนั้น เรื่องที่เป็นภารกิจสำคัญขอย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลมีหน้าที่ในเรื่องการดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อย ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของรัฐบาลแต่เพื่อประโยชน์ของส่วนรวมของประเทศ
เมื่อถามถึงกรณีที่นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกส่วนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยออกมาระบุว่า มีผู้จ้างให้คนไปปาอุจจาระบ้านายกฯด้วยเงิน 3 ล้านบาท แต่ขณะนี้จับตัวผู้ก่อเหตุได้ ไม่เป็นตามนั้นคิดว่า นายเทพไทต้องรับผิดชอบอย่างไร นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คิดว่าทุกคนต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง คงต้องไปสอบถามนายเทพไทด้วยว่าเป็นอย่างไร ตนได้ให้ข้อสังเกตไปแล้ว เพราะมีคนตั้งข้อสังเกตมา ตนก็ส่งไปให้เจ้าตัวเขา จริงๆ แล้วเข้าใจว่าวันนี้ในที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์จะมีการพุดคุยถึงเรื่องการให้ข่าวการให้สัมภาษณ์ต่างๆ
