“ปทีป” แนะการบริหารหน่วยงานให้ระดับผู้บังคับการไปปฏิบัติให้เกิดผล เผยไม่จับตาม็อบเสื้อแดงเป็นพิเศษ จนท.ดูแลความสงบเรียบร้อยตามปกติ แต่สั่งกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 อัดเทปคำพูด “ไอ้กี้ร์” ปลุกระดมคนเชียงใหม่จับตัวคนสำคัญไปตรวจสอบ พร้อมให้กองวินัยเช็กย้อนหลังคดีเมื่อ 10 ปีมีความคล้ายคดี “สมคิด บุญถนอม” เป็นบรรทัดฐานเทียบโทษวินัย ชี้ต้องขอเวลาพิจารณาสักระยะ
วันนี้ (14 ม.ค.) ที่โรงแรมรามาการ์เด้น พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเพิ่มประสิทธิภาพผู้บังคับการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ประจำปี 2552 โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนา รวมทั้งสิ้น 78 นาย
พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า การสัมมนาในวันนี้เป็นแนวคิดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่มีมานานแล้วว่าข้าราชการระดับผู้บังคับการ ซึ่งถือเป็นผู้บริหารระดับสูงต้องมีการสัมมนา เพื่อให้แนวคิดการบริหารกับผู้บังคับการใหม่ในการจัดการหน่วยงาน โดยให้ผู้บริหารระดับ ตร.มาอธิบายถึงจุดเน้นในการทำงานเพื่อรับไปปฏิบัติต่อ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงมีการนัดชุมนุมดาวกระจายในหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ จะเข้าเงื่อนไขในการถอนประกันแกนนำที่ถูกดำเนินคดีก่อนหน้าหรือไม่ พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า คงไม่ใช่เพราะการนัดชุมนุมไม่ใช่เงื่อนไขในการถอนประกันตัว เงื่อนไขเท่าที่ทราบคือการเดินทางออกนอกประเทศ ห้ามการกระทำโดยไม่ชอบทางกฎหมาย
สำหรับการเตรียมการรับมือผู้ชุมนุมได้สั่งการไปแล้ว เหมือนกรณีที่เขายายเที่ยง ได้ให้กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ดูแล และหากส่วนไหนที่มีการชุมนุมก็ให้พื้นที่เตรียมการไป
เมื่อถามว่าการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงจะมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นหรือไม่ เนื่องจากใกล้มีการพิพากษาคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า คงไม่มีการจับตามองเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติเมื่อมีการชุมนุมเราก็จัดกำลังไปดูแลความสงบเรียบร้อยให้ ต้องฟังข่าวไปเรื่อยๆ
ส่วนคำปราศรัยของนายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำเสื้อแดงที่พูดในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เพื่อปลุกปั่นให้จับตัวบุคคลสำคัญนั้น พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า ทางกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการบันทึกคำปราศรัยและตรวจสอบอยู่ว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อถามถึงกรณีที่อัยการสั่งฟ้อง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 กับพวก ในคดีพัวพันฆ่า อัลรู ไวรี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ว่าทาง ตร.จะดำเนินการอย่างไร พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า เรื่องนี้กำลังให้ฝ่ายวินัย และฝ่ายกฎหมายประมวลเรื่องเสนอขึ้นมา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดนานแล้วกว่า 10 ปี ซึ่งขณะนั้นมีเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินคดีลักษณะนี้อยู่ โดยมีการดำเนินการทั้งคดีอาญาและทางวินัย ซึ่งกองวินัย ต้องกลับไปดูการดำเนินการทางวินัยที่เคยทำมาเมื่อ 10 กว่าปีก่อนว่าเคยดำเนินการอย่างไร ซึ่งเกี่ยวเนื่องมาถึงตอนนี้ เพื่อประมวลเสนออีกครั้ง โดยต้องขอเวลาสักระยะ เพราะเอกสารนานมาก ซึ่งเป็นอำนาจที่จะดำเนินการทางวินัย โดยเมื่อทางกองวินัยมีความเห็นมาก็ต้องดูว่าเป็นการดำเนินการตามหน้าที่หรือไม่ แต่คงต้องดูเรื่องเดิมด้วยเพราะมีเรื่องเดิมอยู่แล้ว
พล.ต.อ.ปทีป ยังกล่าวถึงการประชุม ก.ตร.ในวันที่ 15 ม.ค.นี้ว่า เป็นวาระปกติ ส่วนเรื่องการอุทธรณ์ 3 นายตำรวจที่ถูก ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ซึ่งก็มีอยู่ในวาระการประชุม ส่วน ก.ตร.จะมีความเห็นอย่างไรคงตอบไม่ได้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของที่ประชุม ส่วนจะขัดแย้งกันหรือไม่เนื่องจากมีความเห็นไม่ตรงกับ ป.ป.ช.นั้น ต้องพิจารณาและพูดคุยในวันพรุ่งนี้ (15 ม.ค.)
