กมธ.ตำรวจฯ สรุปปัญหาแต่งตั้งโยกย้าย ตร.4 ประเด็น พร้อมตั้งอนุ กมธ.สอบก่อนโยน “มาร์ค” จัดการ ด้าน “นิพิฏฐ์” ชี้ปัญหาวุ่นใน ตร.เหตุ ผบช.ใช้ดุลพินิจโดยไม่คำนึงถึงหลักเกณฑ์ วอน ตร.ผู้กล้าให้ข้อมูล ขณะที่ บช.ภ.1 ยันไม่มีวิ่งเต้น
วันนี้ (10 ก.พ.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ประธานกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เบื้องต้นทางกรรมาธิการได้ข้อสรุป 4 ข้อ คือ 1.การออกคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจภูธรภาค 2 ไม่เป็นธรรม ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และระเบียบ ก.ตร. 2.กรรมาธิการได้ดำเนินการขอเอกสารผู้ที่ได้รับการยกเว้นหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งครั้งนี้กับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำมาประกอบว่าผิดเงื่อนไขการโยกย้ายหรือไม่อย่างไร 3.ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติยึดระเบียบหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งโยกย้ายของ ก.ตร.โดยเคร่งครัด และ 4.กรรมาธิการฯ มีมติตั้งอนุกรรมาธิการขึ้นมาตรวจสอบกรณีการโยกย้ายตำแหน่งไม่เป็นธรรม และกรณีการซื้อขายตำแหน่ง โดยมีนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์เป็นประธานอนุกรรมาธิการฯ
นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า กรรมาธิการฯ ยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และจะดำเนินการสอบสวนเรื่องดังกล่าวให้ถึงที่สุด และจะส่งข้อสรุปโดยตรงต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป ส่วนกรอบระยะเวลาในการทำงานนั้น ทางกรรมาธิการฯ จะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 16 ก.พ. นี้ ก่อนที่คำสั่งโยกย้ายจะมีผลตามกฎหมาย
“แม้จะเจอตอก็ต้องดำเนินการสอบสวนให้ถึงที่สุด ซึ่งขณะนี้มีการรวบรวบทั้งพยานหลักฐานทั้งเอกสาร และตัวบุคคลได้พอสมควรแล้ว”
เมื่อถามต่อว่าเรื่องนี้กรรมาธิการฯ พบว่ามีฝ่ายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า มีแต่การร้องเรียนมา แต่ทางคณะกรรมาธิการฯ ยังไม่ได้ตรวจสอบในรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากพบว่ามีคนของพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้จะดำเนินการอย่างไร นายเฉลิมชัยกล่าวว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีพูดชัดเจนแล้วว่า ขอให้มีพยานหลักฐาน และจะดำเนินการกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นใคร รวมทั้งจะเสนอรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดให้กับนายกรัฐมนตรี โดยจะไม่มีการตัดตอนก่อน เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าจะไม่มีการรับลูกกันเอง นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ตนคิดว่าประวัติตนไม่เคยเสียหาย
ด้าน นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ที่ประชุมมีการพูดคุยกันในหลักเกณฑ์กว้างๆ ในเรื่องการเลื่อนหรือปรับตำแหน่งตำรวจในแต่ละระดับ ทั้งรองผู้บังคับ และสารวัตร ว่ามีเงื่อนไขอย่างไร ซึ่งตนได้ประสานขอรายชื่อผู้ที่เหมาะสมที่จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งทุกกองบัญชาการกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว อย่างไรก็ตาม เห็นว่าเรื่องนี้เกิดปัญหา เพราะผู้บังคับบัญชาใช้ดุลพินิจส่วนตัวมายุ่งเกี่ยวกับการแต่งตั้งมากเกินไป ซึ่งตนเห็นว่าหากยังแก้ที่ตัวผู้บังคับบัญชาไม่ได้ อาจจะเสนอให้มีการแก้ไขระบบการแต่งตั้งโยกย้ายใหม่เพื่อตัดปัญหา
เมื่อถามว่าในรายงานกรรมาธิการฯ ได้รับมีเรื่องที่ผิดสังเกตหรือไม่ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เชิญผู้ร้องเรียนมาให้ข้อมูล แต่ตนเห็นว่ามีปัญหาอยู่ที่ไม่มีตำรวจที่กล้าพอมาร้องเรียน เพราะพื้นฐานของตำรวจมีจุดอ่อนคือไม่กล้าร้องเรียนผู้บังคับบัญชาอยู่แล้ว ดังนั้น ตนอยากเรียกร้องให้ผู้กล้าคือ ตำรวจที่รักความเป็นธรรม รวมถึงตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมออกมาแสดงตัว มิเช่นนั้นก็คงไม่สามารถรื้อระบบและตรวจสอบได้ ส่วนที่หวั่นเกรงว่า ตำรวจที่ออกมาร้องเรียนจะได้รับผลกระทบนั้น ตนอยากให้คำมั่นว่าไม่ต้องกังวล เพราะท้ายที่สุดเรื่องทั้งหมด จะส่งตรงต่อนายกรัฐมนตรีอยู่ดี ซึ่งคงไม่มีใครกล้าเพราะนายกฯ ก็มีตำแหน่งใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว
ขณะที่ พล.ต.ท.กฤษฎา พันธุ์คงชื่น ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ให้สัมภาษณ์ว่าการแต่งตั้งของ บช.ภ.1 ดำเนินไปในรูปของคณะกรรมการ มีการแต่งตั้งโยกย้ายอย่างเป็นธรรม ไม่มีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งโดยเด็ดขาด กรณีของ พ.ต.อ.ฐาณุพงศ์ ก็มีปัญหาถูกร้องเรียน ส่วน พ.ต.ท.เศรษฐกรณ์ ก็ได้รับการประเมินโรงพักอยู่ในที่รองบ๊วย