ปธ.กมธ.ตำรวจ สภาฯ เรียกผู้มีอำนาจ สตช.แจงหลักเกณฑ์พิจาณา ตำแหน่งระดับ พ.ต.ต.-พ.ต.อ.10 ก.พ.นี้ หวั่นสร้างปัญหาใหญ่ในอนาคต และวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งใน ตร.ภาค 2 ดักคออย่าส่งบุรุษไปรษณีย์มา ก่อนรายงานตรงนายกฯ
วันนี้ (5 ก.พ.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลพื้นที่ภาคกลาง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีข่าวการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในการโยกย้ายข้าราชการตำรวจว่า ทาง กมธ.ตำรวจได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะมีการร้องเรียนเข้ามาแล้วบ้าง โดย กมธ.ได้กำหนดเชิญประชุมพร้อมออกหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าร่วมชี้แจงในการประชุมในวันพุธที่ 10 ก.พ.นี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาถึงหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการ เนื่องจากมีกระแสข่าวและการร้องเรียนจากตำรวจจำนวนมากว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ ว่าอาจมีการมองข้ามหลักเกณฑ์การพิจารณาความเหมาะสมจากคำสั่งแต่งตั้งครั้งล่าสุด
ประธานคณะกรรมาธิการตำรวจฯ กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะในสายงานด้านสืบสวนและสอบสวนของ สตช.ที่มีความไม่เป็นธรรม เพราะทราบว่ากรณีที่เกิดความไม่เป็นธรรมที่เป็นปัญหามากที่สุดคือ ผู้ที่เป็นเจ้าพนักงานสอบสวนของ สน.และโรงพักต่างๆ ในระดับ สบ 1-3 เพราะเป็นตำแหน่งเฉพาะและมีหลักเกณฑ์การพิจารณาเฉพาะด้านในการปรับโยกย้าย จึงทำให้ตำรวจส่วนใหญ่ที่ตั้งใจทำงานตามสายอาชีพไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร สู้พวกตำรวจที่มีเงินและเส้นสายไม่ได้ เพราะตำรวจสายนี้จะโยกย้ายออกก็จะทำให้เสียตำแหน่ง ทั้งที่เป็นหน้าที่สำคัญในการขับเคลื่อนเจาะและคลี่คลายคดีเสมือนต้นธารของคดี ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ตำรวจสายสอบสวนได้ขอย้ายออกจากสายงานที่ตัวเองมีความเชี่ยวชาญเพราะหลักเกณฑ์ของโครงสร้าง สตช.ใหม่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญก้าวหน้าในอาชีพ ที่เกรงว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต เพราะหากเรื่องนี้เกิดปัญหาขึ้นจริง ก็จะผลกระทบจะตกมาถึงประชาชน ชาวบ้านร้านตลาดที่ทำมาหาเช้ากินค่ำ
นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า ดังนั้นจึงหวังว่า สตช.จะเห็นความสำคัญในการเชิญประชุมครั้ง โดยมอบหมายให้ผู้ที่มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจเข้ามาชี้แจงเหตุผลต่อ กมธ.ตำรวจ ไม่ใช่ส่งคนประเภทบุรุษไปรษณีย์ ที่ถามอะไรก็ไม่รู้ไม่ทราบ ไม่มีอำนาจตัดสินใจต้องกลับไปถามนายที่มอบหมายให้มาแทน อย่างนี้อย่าส่งมา ตนขอย้ำว่าให้ส่งคนที่รู้ข้อเท็จจริงและมีอำนาจเต็มมาประชุม จึงขอให้ข้าราชการตำรวจคนใดก็ตามที่คิดว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการพิจารณาหลักเกณฑ์ในการโยกย้ายตามกรอบกติกาของ สตช.ของให้ส่งเรื่องร้องเรียนโดยตรงถึงตนได้ที่ คระกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร โดยขอรับรองว่าจะพิจารณาอย่างเป็นธรรม
ประธานคณะกรรมาธิการตำรวจฯ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งที่มีหนาหูโดยเฉพาะในพื้นที่ ผบช.ภ.2 ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ตนก็ได้กำหนดนัดประชุมในเรื่องนี้ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ โดยได้ตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นชุดหนึ่งเพื่อรวบรวมพยานและหลักฐานทั้งที่มีการร้องเรียนของพี่น้องตำรวจและจากเจ้าหน้าที่ของคณะทำงานที่ลงไปเก็บข้อมูลในทางลับมาแล้วบ้างเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายระดับที่พร้อมจะให้ข้อมูลตอลดจนพยานหลักฐานต่อ กมธ.แล้ว ทั้งนี้หลังจากที่พิจารณาเสณ็จทั้งสองประเด็น คือ ทั้งหลักเกณฑ์การพิจารณา และการซื้อขายตำแหน่งแล้ว ตนก็จะนำสรุปรายงานโดยตรงต่อนายกฯ ต่อไป เพราะเบื้องต้นนี้ก็ทราบว่านายกรัฐมนตรีเองก็ได้ทราบเรื่องและสั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนเรื่องนี้ชุดที่มี พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรอง อ.ตร.เป็นประธาน สอบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้แล้วเช่นกัน ส่วนรายละเอียดของกรณีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งนั้น ตนขอให้พิจารณาข้อมูลที่ได้รับโดยครบถ้วนรอบคอบก่อน ที่จะเปิดเผยใดๆ ขอให้รอการประชุมในวันที่ 10 และ 11 ก.พ.นี้
วันนี้ (5 ก.พ.) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ดูแลพื้นที่ภาคกลาง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีข่าวการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งในการโยกย้ายข้าราชการตำรวจว่า ทาง กมธ.ตำรวจได้ติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอด เพราะมีการร้องเรียนเข้ามาแล้วบ้าง โดย กมธ.ได้กำหนดเชิญประชุมพร้อมออกหนังสือถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าร่วมชี้แจงในการประชุมในวันพุธที่ 10 ก.พ.นี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาถึงหลักเกณฑ์การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ในระดับสารวัตรถึงรองผู้บังคับการ เนื่องจากมีกระแสข่าวและการร้องเรียนจากตำรวจจำนวนมากว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ ว่าอาจมีการมองข้ามหลักเกณฑ์การพิจารณาความเหมาะสมจากคำสั่งแต่งตั้งครั้งล่าสุด
ประธานคณะกรรมาธิการตำรวจฯ กล่าวต่อว่า โดยเฉพาะในสายงานด้านสืบสวนและสอบสวนของ สตช.ที่มีความไม่เป็นธรรม เพราะทราบว่ากรณีที่เกิดความไม่เป็นธรรมที่เป็นปัญหามากที่สุดคือ ผู้ที่เป็นเจ้าพนักงานสอบสวนของ สน.และโรงพักต่างๆ ในระดับ สบ 1-3 เพราะเป็นตำแหน่งเฉพาะและมีหลักเกณฑ์การพิจารณาเฉพาะด้านในการปรับโยกย้าย จึงทำให้ตำรวจส่วนใหญ่ที่ตั้งใจทำงานตามสายอาชีพไม่เจริญก้าวหน้าเท่าที่ควร สู้พวกตำรวจที่มีเงินและเส้นสายไม่ได้ เพราะตำรวจสายนี้จะโยกย้ายออกก็จะทำให้เสียตำแหน่ง ทั้งที่เป็นหน้าที่สำคัญในการขับเคลื่อนเจาะและคลี่คลายคดีเสมือนต้นธารของคดี ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ตำรวจสายสอบสวนได้ขอย้ายออกจากสายงานที่ตัวเองมีความเชี่ยวชาญเพราะหลักเกณฑ์ของโครงสร้าง สตช.ใหม่ไม่เอื้ออำนวยต่อการเจริญก้าวหน้าในอาชีพ ที่เกรงว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคต เพราะหากเรื่องนี้เกิดปัญหาขึ้นจริง ก็จะผลกระทบจะตกมาถึงประชาชน ชาวบ้านร้านตลาดที่ทำมาหาเช้ากินค่ำ
นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า ดังนั้นจึงหวังว่า สตช.จะเห็นความสำคัญในการเชิญประชุมครั้ง โดยมอบหมายให้ผู้ที่มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจเข้ามาชี้แจงเหตุผลต่อ กมธ.ตำรวจ ไม่ใช่ส่งคนประเภทบุรุษไปรษณีย์ ที่ถามอะไรก็ไม่รู้ไม่ทราบ ไม่มีอำนาจตัดสินใจต้องกลับไปถามนายที่มอบหมายให้มาแทน อย่างนี้อย่าส่งมา ตนขอย้ำว่าให้ส่งคนที่รู้ข้อเท็จจริงและมีอำนาจเต็มมาประชุม จึงขอให้ข้าราชการตำรวจคนใดก็ตามที่คิดว่าตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการพิจารณาหลักเกณฑ์ในการโยกย้ายตามกรอบกติกาของ สตช.ของให้ส่งเรื่องร้องเรียนโดยตรงถึงตนได้ที่ คระกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร โดยขอรับรองว่าจะพิจารณาอย่างเป็นธรรม
ประธานคณะกรรมาธิการตำรวจฯ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งที่มีหนาหูโดยเฉพาะในพื้นที่ ผบช.ภ.2 ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น ตนก็ได้กำหนดนัดประชุมในเรื่องนี้ในวันที่ 11 ก.พ.นี้ โดยได้ตั้งคณะทำงานพิเศษขึ้นชุดหนึ่งเพื่อรวบรวมพยานและหลักฐานทั้งที่มีการร้องเรียนของพี่น้องตำรวจและจากเจ้าหน้าที่ของคณะทำงานที่ลงไปเก็บข้อมูลในทางลับมาแล้วบ้างเพื่อพิจารณาต่อไป ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายระดับที่พร้อมจะให้ข้อมูลตอลดจนพยานหลักฐานต่อ กมธ.แล้ว ทั้งนี้หลังจากที่พิจารณาเสณ็จทั้งสองประเด็น คือ ทั้งหลักเกณฑ์การพิจารณา และการซื้อขายตำแหน่งแล้ว ตนก็จะนำสรุปรายงานโดยตรงต่อนายกฯ ต่อไป เพราะเบื้องต้นนี้ก็ทราบว่านายกรัฐมนตรีเองก็ได้ทราบเรื่องและสั่งการให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนเรื่องนี้ชุดที่มี พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรอง อ.ตร.เป็นประธาน สอบสวนข้อเท็จจริงกรณีนี้แล้วเช่นกัน ส่วนรายละเอียดของกรณีการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งนั้น ตนขอให้พิจารณาข้อมูลที่ได้รับโดยครบถ้วนรอบคอบก่อน ที่จะเปิดเผยใดๆ ขอให้รอการประชุมในวันที่ 10 และ 11 ก.พ.นี้