xs
xsm
sm
md
lg

“วสิษฐ”ยันผลสอบ การเมืองแทรก โยกย้ายตำรวจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน –“วสิษฐ” สรุปผลสอบซื้อขายเก้าอี้ตร.ภาค 2 น่าวิตก ชี้ชัดมีการเมืองแทรก ด้าน "เทพเทือก" ระบุปัญหาการซื้อขายตำแหน่งตำรวจมีทุกยุค ชี้หากพบใครเข้าไปเกี่ยวข้องกับการซื้อขายตำแหน่งเจอฟันแน่ ขณะที่รักษาราชการผบ.ตร. ยืนยันการจัดทำบัญชีแต่งตั้งรองผบก.-สว.ใหม่ ในบช.ภ.2 ต้องเรียบร้อย

พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการซื้อขายตำแหน่งของตำรวจ เปิดเผยหลังการประชุมเมื่อคืนวานนี้ว่า ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 2 ได้สอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากนี้จะเป็นการทำรายงานสรุปผลการสอบเสนอนายกฯ โดยจะให้ฝ่ายเลขานุการเร่งจัดทำรายงาน และวันนี้( 12 ก.พ.) ตนจะลงนามเพื่อเสนอให้นายกรัฐมนตรีต่อไป
อย่างไรก็ตาม ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดผลการสอบว่าเป็นอย่างไร เพราะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของนายกฯ โดยต้องส่งรายงานให้นายกฯก่อน ตอนนี้บอกได้เพียงแค่ว่า ว่าภาพที่ออกมาน่าวิตกมาก โดยมีหลักฐานชัดเจนโยงถึงนักการเมือง
"ผมในฐานะตำรวจเก่า มีความฝันว่าอยากเห็นตำรวจปลอดจากการเมือง หากนักการเมืองไม่หยุดวุ่นวายกับตำรวจ และเห็นตำรวจเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ มันก็ไม่จบ" พล.ต.อ.วสิษฐ์ กล่าว
ส่วนการสอบสวนในส่วนของตำรวจภูธรภาค 1 ภาค 4 และ ภาค 6 ที่นายกฯมอบหมายให้สอบเพิ่มเติมนั้น ขณะนี้คณะกรรมการยังอยู่ระหว่างการศึกษาเอกสาร ข้อมูลเพื่อการสอบสวนต่อไป
** “เทือก”ยันซื้อขายเก้าอี้ตร.มีทุกยุค
วานนี้ (11 ก.พ.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ(ก.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวนักการเมืองระดับบิ๊กในรัฐบาล มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งตำรวจว่า ใครไปเกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรี ได้สั่งให้ดำเนินการหมด รอให้คณะกรรมการสอบสวนการร้องเรียน การวิ่งเต้นซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจชุดที่มีพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธานสรุปผลออกมาก่อน ส่วนจะมีการรื้อบัญชีการแต่งตั้งของบช.ภ.1 และ บช.4 หรือไม่นั้น ไม่มีปัญหา ถ้ามีอะไรไม่ถูกต้อง ก็ต้องแก้ไข
ประธานก.ตร.ยังกล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการก.ตร.ในวันที่ 12 ก.พ.นี้ จะมีการพิจารณาทบทวนคำสั่งการแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจกันใหม่หรือไม่ด้วยว่า ยืนยันว่าการเมืองไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการจัดทำโผโยกย้ายตำรวจในครั้งนี้
นายสุเทพยังปฏิเสธถึงปัญหาการซื้อขายตำแหน่งที่ถูกระบุว่า ในรัฐบาลชุดนี้มีมากกว่ายุคอื่นจนนายกรัฐมนตรีต้องสั่งสอบด้วยว่า ปัญหามันก็มีทุกยุคทุกสมัย เพียงแต่เราจะดำเนินการแก้ไขปัญหาหรือไม่ ส่วนการยื่นหนังสือต่อคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎรนั้น ยุคสมัยนี้ ข้าราชการทุกฝ่ายมีช่องทางที่จะดูแลรักษาสิทธิของตนเอง ถ้าใครเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ถูกต้องก็ร้องเรียนมาได้หลายทาง
วันเดียวกัน ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงการแต่งตั้งโยกย้ายระดับสารวัตร (สว.) ถึงรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ที่กำลังมีปัญหาว่า ขอยืนยันว่าทุกคำสั่งที่ออกไปแล้ว จะให้มีผลในวันที่ 16 กุมภาพันธ์แน่นอน รวมถึงการทำบัญชีแต่งตั้งใหม่ใน บช.ภ.2 ก็ต้องเสร็จให้ทันพร้อมกัน
พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า จากการตรวจสอบโดยคณะกรรมการชุดพล.ต.ท.เอก อังสนานนท์ ผู้ช่วยผบ.ตร. พบว่ามีเพียงคำสั่งแต่งตั้งของกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ที่เดียวเท่านั้น ที่พบการแต่งตั้งไม่เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย จึงสั่งให้มีการยกเลิกแก้ไขคำสั่งแต่งตั้งในส่วน บช.ภ.2 ทั้งหมด
"ส่วนของบช.ภ.อื่นมีบ้าง บางรายที่ต้องแก้ไข ซึ่งในส่วน บช.ภ.2 ได้ตั้งพล.ต.ท.ฉัตรชัย โปตระนันทน์ รองจเรตำรวจแห่งชาติ (รองจตช.)มาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วถึงประเด็นกระบวนการแต่งตั้ง ว่าทำถูกต้องตามวิธีการหรือไม่ ซึ่งเป็นคนละส่วนกับชุดของพล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ ที่มุ่งตรวจสอบการร้องเรียนเรื่องการซื้อขายตำแหน่ง "พล.ต.อ.ปทีปกล่าว
สำหรับกรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลในพื้นที่ บช.ภ.1 บช.ภ.4 และบช.ภ.6 เพิ่มเติมจาก บช.ภ.2 นั้น พล.ต.ท.ปทีป กล่าวว่า หากผลสอบในส่วนนี้ออกมา ต้องดำเนินการทางวินัยต่อไป หรืออาจต้องดำเนินการทางคดีอาญาด้วย
เมื่อถามถึงกรณีที่จะขออนุมัติ ก.ตร.เพื่อขยายเวลาในการแต่งตั้ง สว.กับรอง ผบก.ออกไป นั้น รรท.ผบ.ตร.กล่าวว่า เป็นการขอขยายเวลาในส่วนที่ต้องข้อยกเว้นหลักเกณฑ์และโยกย้ายข้ามหน่วยในส่วนของผู้ที่ต้องขึ้นดำรงตำแหน่งสารวัตรในสังกัด บช.ภ.3 และบช.ภ.4 ซึ่งมีตำแหน่งสารวัตรว่างมากกว่าตำแหน่งรองสารวัตรที่มีคุณสมบัติขึ้นได้ในหน่วย จึงต้องให้ขึ้นข้ามหน่วย
ส่วนการขอ ก.ตร.เพื่อเปิดตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ 10) ขึ้นใหม่นั้น พล.ต.อ.ปทีป กล่าวว่า จะมีการขอเปิดตำแหน่งใหม่จริง โดย ตร.เสนอเหตุผลในการขออนุมัติขึ้นไป โดยไม่ขอเปิดเผยเหตุผลความจำเป็น รอให้ ก.ตร.อนุมัติก่อน ซึ่งเป็นอำนาจของ ก.ตร.ที่จะพิจารณา ส่วนการแทรกแซงโดยตรงมาที่ตนเองจากฝ่ายการเมืองไม่เคยมี เพราะการแต่งตั้งเป็นอำนาจของผบช.
ขณะที่นาย เฉลิมชัย ศรีอ่อน ประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนการซื้อขายตำแหน่งตำรวจว่า ข้อมูลเบื้องต้นเชื่อว่าการแต่งตั้งโยกย้ายในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ไม่ได้รับความเป็นธรรมจริง ส่วนข้อมูลในเรื่องการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองยังไม่มี
เมื่อถามว่า มีตำรวจบางส่วนได้เปิดเผยบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งระบุชื่อว่า“เบี๋ยง”หรือ“เหวียง” นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เราได้ชื่อและนามสกุลพร้อมที่อยู่จริงของบุคคลดังกล่าวแล้ว ซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกัน มีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และมีอำนาจอยู่ใน บชภ.2 เลยมีอิทธิพล ซึ่งบุคคลนี้ทำธุรกิจด้านขนส่งรถลาก อยู่ในพื้นที่เขตราษฎร์บูรณะ กทม. อย่างไรก็ตามเราต้องหาหลักฐานให้ชัดเจนกว่านี้
นอกจากนี้หากผลสอบสวนพบความไม่เป็นธรรมจริง จะมีขั้นตอนส่งให้ศาลปกครองสั่งคืนสิทธิ์ คืนตำแหน่งให้ผู้เสียหายได้ โดยในสัปดาห์หน้านาย นิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะทำงานตรวจสอบเรื่องการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมและการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ บชภ.1
กำลังโหลดความคิดเห็น