ปธ.กมธ.ตร.สภาแฉ “เหวียง-เบี๋ยง” คนเดียวกัน ทำธุรกิจขนส่งรถลาก ซี้ปึ๊กนายตร.ใหญ่ ภ.2 เลยสร้างอิทธิพลวิ่งเต้นโยกย้าย ตร. ลั่นจะต้องมีใบเสร็จเพื่อไม่ให้กลายเป็นรายการมวยล้มต้มคนดู ส่ง “นิพิฏฐ์” ลงพื้นที่ภาค 1 สัปดาห์หน้า จ่อสอบตั้งตร.สีแดงได้ดี
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนการซื้อขายตำแหน่งตำรวจว่า ข้อมูลเบื้องต้นเชื่อว่า การแต่งตั้งโยกย้ายในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ไม่ได้รับความเป็นธรรมจริง ส่วนข้อมูลในเรื่องการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองยังไม่มี เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อมูลกับชุดสอบสวนที่มี พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธาน โดยระบุว่ามีแกนนำพรรครัฐบาล ชื่อย่อ “ส.” มีส่วนเกี่ยวข้อง นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นชุดที่นายกฯเป็นผู้แต่งตั้งขึ้นมา แต่คณะกรรมาธิการฯพิจารณาการซื้อขายตำแน่งตามข้อร้องเรียนจากตำรวจโดยตรง แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการสอบสวนให้ถึงที่สุด หากมีบุคคลมีส่วนข้องในเรื่องดังกล่าว ทางกรรมาธิการฯจะรายตรงไปถึงนายกฯ ซึ่งนายกฯยืนยันแล้วว่าจะไม่มีการละเว้นใครทั้งนั้น และทางกรรมาธิการฯไม่ต้องประสานข้อมูลกับชุดที่นายกฯ เพราะสุดท้ายการสอบสวนของทุกชุด ต้องส่งตรงถึงมือนายกฯ เพื่อพิจารณาเป็นคนสุดท้าย
เมื่อถามว่า มีตำรวจบางส่วน ได้เปิดเผยบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งระบุชื่อว่า “เบี๋ยง” หรือ “เหวียง” นายเฉลิมชัยกล่าวว่า เราได้ชื่อและนามสกุลพร้อมที่อยู่จริงของบุคคลดังกล่าวแล้ว ซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกัน มีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และมีอำนาจอยู่ใน บช.ภ.2 เลยมีอิทธิพล ซึ่งบุคคลนี้ทำธุรกิจด้านขนส่งรถลาก อยู่ในพื้นที่เขตราษฎร์บูรณะ กทม. อย่างไรก็ตาม เราต้องหาหลักฐานให้ชัดเจนกว่านี้ เพราะถ้าสาวไม่ถึงต้นตอ หรือไม่มีใบเสร็จ ก็จะกลายเป็นมวยล้ม ซึ่งตนเชื่อว่าต่อไปนี้จะมีตำรวจ ที่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูล และกล้าต่อสู้ในเรื่องความไม่เป็นธรรมอีกมาก เชื่อว่าอย่างน้อยผลสอบของคณะกรรมาธิการฯ จะทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจครั้งหน้ามีความเป็นธรรมมากขึ้น ไม่มีการอุ๊บอิ๊บอย่างที่ผ่านมาอีก นอกจากนี้หากผลสอบสวนพบความไม่เป็นธรรมจริง จะมีขั้นตอนส่งให้ศาลปกครองสั่งคืนสิทธิ์ คืนตำแหน่งให้ผู้เสียหายได้ โดยในสัปดาห์หน้านาย นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะทำงานตรวจสอบเรื่องการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมและการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ บช.ภ.1
นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า คณะทำงานชุดนี้จะไปดูเรื่องการแต่งตั้งผู้กำกับเสื้อแดง จากเหตุการณ์กลุ่มเสื้อแดงบุกการประชุมอาเซียนที่พัทยา แต่กลับได้ดี ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้บังคับการสืบสวนภาค 2 ด้วย และจากการตรวจสอบพบว่าปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ส่วนใหญ่มาจากข้อยกเว้นหลักเกณฑ์การพิจารณา ซึ่งถือว่าเป็นช่องว่างทำให้เกิดปัญหา ดังนั้นคณะทำงานชุดนี้จะเข้าไปดูรายละเอียดในจุดนี้ด้วย โดยเห็นว่าจะต้องมีการสัมมนาโครงสร้างตำรวจครั้งใหญ่ เพื่อให้การแต่งตั้งโยกย้ายในอนาคตเป็นไปอย่างชอบธรรมมากขึ้น
วันนี้ (11 ก.พ.) ที่รัฐสภา นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนการซื้อขายตำแหน่งตำรวจว่า ข้อมูลเบื้องต้นเชื่อว่า การแต่งตั้งโยกย้ายในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ไม่ได้รับความเป็นธรรมจริง ส่วนข้อมูลในเรื่องการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองยังไม่มี เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ให้ข้อมูลกับชุดสอบสวนที่มี พล.ต.อ.วสิษฐ เดชกุญชร เป็นประธาน โดยระบุว่ามีแกนนำพรรครัฐบาล ชื่อย่อ “ส.” มีส่วนเกี่ยวข้อง นายเฉลิมชัย กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นชุดที่นายกฯเป็นผู้แต่งตั้งขึ้นมา แต่คณะกรรมาธิการฯพิจารณาการซื้อขายตำแน่งตามข้อร้องเรียนจากตำรวจโดยตรง แต่ยืนยันว่าจะดำเนินการสอบสวนให้ถึงที่สุด หากมีบุคคลมีส่วนข้องในเรื่องดังกล่าว ทางกรรมาธิการฯจะรายตรงไปถึงนายกฯ ซึ่งนายกฯยืนยันแล้วว่าจะไม่มีการละเว้นใครทั้งนั้น และทางกรรมาธิการฯไม่ต้องประสานข้อมูลกับชุดที่นายกฯ เพราะสุดท้ายการสอบสวนของทุกชุด ต้องส่งตรงถึงมือนายกฯ เพื่อพิจารณาเป็นคนสุดท้าย
เมื่อถามว่า มีตำรวจบางส่วน ได้เปิดเผยบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งระบุชื่อว่า “เบี๋ยง” หรือ “เหวียง” นายเฉลิมชัยกล่าวว่า เราได้ชื่อและนามสกุลพร้อมที่อยู่จริงของบุคคลดังกล่าวแล้ว ซึ่งเป็นบุคคลคนเดียวกัน มีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัวกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และมีอำนาจอยู่ใน บช.ภ.2 เลยมีอิทธิพล ซึ่งบุคคลนี้ทำธุรกิจด้านขนส่งรถลาก อยู่ในพื้นที่เขตราษฎร์บูรณะ กทม. อย่างไรก็ตาม เราต้องหาหลักฐานให้ชัดเจนกว่านี้ เพราะถ้าสาวไม่ถึงต้นตอ หรือไม่มีใบเสร็จ ก็จะกลายเป็นมวยล้ม ซึ่งตนเชื่อว่าต่อไปนี้จะมีตำรวจ ที่กล้าออกมาเปิดเผยข้อมูล และกล้าต่อสู้ในเรื่องความไม่เป็นธรรมอีกมาก เชื่อว่าอย่างน้อยผลสอบของคณะกรรมาธิการฯ จะทำให้การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจครั้งหน้ามีความเป็นธรรมมากขึ้น ไม่มีการอุ๊บอิ๊บอย่างที่ผ่านมาอีก นอกจากนี้หากผลสอบสวนพบความไม่เป็นธรรมจริง จะมีขั้นตอนส่งให้ศาลปกครองสั่งคืนสิทธิ์ คืนตำแหน่งให้ผู้เสียหายได้ โดยในสัปดาห์หน้านาย นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะทำงานตรวจสอบเรื่องการโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมและการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในพื้นที่ บช.ภ.1
นายเฉลิมชัยกล่าวต่อว่า คณะทำงานชุดนี้จะไปดูเรื่องการแต่งตั้งผู้กำกับเสื้อแดง จากเหตุการณ์กลุ่มเสื้อแดงบุกการประชุมอาเซียนที่พัทยา แต่กลับได้ดี ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้บังคับการสืบสวนภาค 2 ด้วย และจากการตรวจสอบพบว่าปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรม ส่วนใหญ่มาจากข้อยกเว้นหลักเกณฑ์การพิจารณา ซึ่งถือว่าเป็นช่องว่างทำให้เกิดปัญหา ดังนั้นคณะทำงานชุดนี้จะเข้าไปดูรายละเอียดในจุดนี้ด้วย โดยเห็นว่าจะต้องมีการสัมมนาโครงสร้างตำรวจครั้งใหญ่ เพื่อให้การแต่งตั้งโยกย้ายในอนาคตเป็นไปอย่างชอบธรรมมากขึ้น