หากมองฝ่าฝุ่นตลบในสถานการณ์ความวุ่นวายของบ้านเมืองเข้าไป ผลพวงมาจากการชิงอำนาจของกลุ่มคนขั้วฝ่ายต่างๆ ในแง่ดีก็คือทำให้เราได้เห็นอะไรต่ออะไรได้ชัดเจนขึ้น
คนกลุ่มนี้ที่ขัดแย้งแบ่งฝ่ายกัน ถือเป็นเพียงคนกลุ่มน้อย เพียงแต่ถือดุลอำนาจ มีอิทธิพลบารมีสูง เป็นชนชั้นนำในสังคม ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ส.ส. รัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง ทหาร ตำรวจ นักธุรกิจ คหบดี คนมีเงิน ไปจนกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าชนชั้นศักดินาในสังคมชั้นสูง
และถ้าเขาเหล่านี้ ไม่ว่าจะสีไหน สีใดไม่แตกแยก ขัดแย้งกัน เราๆ ท่านๆ ที่เดินถนนหาเช้ากินค่ำก็คงไม่มีวันได้เห็นอะไรที่ควรเห็น และควรรู้มานานแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ในสังคมไทยมานานก็คือ
ความไม่เท่าเทียม และความไม่เป็นธรรม
กรณีการครอบครองทรัพยากร แบบกอบโกยไว้เพียงบุคคลบางกลุ่ม จากกรณีที่ดินบนเขายายเที่ยง ที่กลุ่มคนเสื้อแดง นำมาโจมตี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่ามาเป็นของตัวเองนี้เป็นเพียงกรณีตัวอย่างของความไม่เท่าเทียมและเป็นธรรม
จึงที่ทำให้การเคลื่อนไหวกรณีเขายายเที่ยง ทิศทางของกระแสตอบรับไปในทางที่ดี ก็เพราะคนไทยส่วนใหญ่ ไม่เคยได้โอกาสในเรื่องการถือครองที่ดินจำนวนมากมายเช่นนี้
เอาแค่เฉพาะที่ดินสำหรับทำมาหากิน ชาวนา ชาวไร่ เกษตรกรไทยจำนวนมากยังไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง ต้องเช่า ต้องอาศัยที่ดินคนอื่นทำการเกษตร เป็นปัญหาใหญ่ในภาคการเกษตรของไทยอยู่ทุกวันนี้
ผิดกับกลุ่มคนที่มีอำนาจ มีเงิน มีทอง ทรัพย์ศฤงคารมหาศาล อาศัยความได้เปรียบในทุกๆด้าน หาทางฉกฉวย ยึดครองทรัพยากรที่ดิน ป่าไม้ โดยเพียงเป้าประสงค์เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยชั่วครั้งชั่วคราว ปลูกบ้าน คฤหาสน์ เนรมิตสนามกอล์ฟ รีสอร์ต โรงแรม บังกะโล
ฉะนั้นที่กลุ่มเสื้อแดงจุดพลุ เปิดประเด็นทวงคืนที่ดินป่ามาแล้ว และขยายประเด็น เตรียมรุกทวงคืนต่อที่อื่นๆ ทั้งสนามกอล์ฟไฮแลนด์ เขาสอยดาว อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว หรือคิวต่อไปที่สนามกอล์ฟ รอยัลเชียงใหม่ กอล์ฟแอนด์รีสอร์ต ที่ตั้งอยู่บนเขตป่าสงวน
ขออย่าหยุดเพียงเท่านี้ เพียงแค่สร้างผลกระทบทางการเมือง เพียงแค่การชี้นำของนักโทษชาย ที่สั่งให้สมุนเคลื่อนไหวตีเป้าหมายและเครือข่าย ถล่มกระทบชิ่ง ไปยัง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และเครือข่าย ที่กลุ่มคนเสื้อแดงเรียกว่าระบอบอำมาตย์
หากเชื่อถือ ยึดแนวทาง สร้างความเท่าเทียมและเป็นธรรม ทำลายระบอบของคนชนชั้นนำ ที่ยึดเอาถือเอา ได้เปรียบกว่าคนไทยส่วนใหญ่ในทุกด้าน ก็อย่าได้ละวางในกลุ่มคนของตัวเอง ที่ล้วนแล้วแต่ก็นับได้ว่าเป็น ชนชั้นที่มีลักษณะเดียวกันในกลุ่มอำมาตย์
เอาแค่ที่ดินบนเขายายเที่ยง พื้นที่ป่าบริเวณนั้น ถ้าจะไล่เรียงแล้ว ก็ล้วนแล้วแต่คนดังๆ ในสังคมไทย ยกตัวอย่าง เช่น ที่ดินของเศรษฐีตระกูล นักธุรกิจน้ำอัดลม หรือแม้กระทั่งฝั่งตรงข้ามบ้านของพล.อ.สุรยุทธ์ ก็ว่าเป็นของเครือญาติ อดีตบิ๊กตำรวจ ระดับรัฐมนตรีในรัฐบาลนอมินี
หรือละแวกเดียวกันนั้น ก็ยังมีที่ดิน ที่ “เจ๊เจ้าระเบียบ” บางราย แม่บ้านรัฐมนตรีในระบอบทักษิณ ส่งคนไปยึดครองสร้างบ้านหลังใหญ่หลังโต ยังไม่รวมนักการเมืองรายอื่นๆ “คนมีสี” ทุกค่าย ที่ต่างก็ไปจับจองที่ดินป่าเป็นของตัวเองกันทั้งภูเขา
ถามว่ารู้หรือไม่ “สามเกลอหัวขวด” เอง มาถึงขั้นนี้ก็น่าจะรู้ เพียงแต่แกล้งโง่เมินเฉยที่จะพูดถึง เพราะนั่นก็จะกระทบกับคนในขั้วฝ่ายของตัวเอง เช่นเดียวกับในหลายพื้นที่ป่าทั่วประเทศ ก็ถูกยึดครองของคนกลุ่มชนชั้นนำทั้งนั้น
อีกตัวอย่างก็บริเวณใกล้เคียง พื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา หรือกระทั่งที่ดินเชิงเขาใหญ่ ทางขึ้นอุทยานแห่งชาติที่เป็นผืนแผ่นดินอนุรักษ์ระดับได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลก รีสอร์ตใหญ่น้อย บ้านตากอากาศมหาเศรษฐี ยึดครองที่ดินป่า ที่ดินสาธารณะกันเป็นส่วนใหญ่
หรือง่ายๆ แค่ที่ดินสนามกอล์ฟคนบาป อัลไพน์ ก็เครือข่ายธุรกิจนายใหญ่ทักษิณ เองไม่ใช่หรือ ที่ซื้อต่อมาจาก เจ้าพ่อวังน้ำเย็น เสนาะ เทียนทอง ที่ไปยึดที่ดินธรณีสงฆ์มาสร้างบ้านสร้างสนามกอล์ฟ ขายแบ่งปันความร่ำรวย และเฉลี่ยบาปกันไป
ที่สำคัญต้องถามแกนนำเสื้อแดง ที่สร้างชื่อมาด้วยมุกขำขันสภาโจ๊ก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถ้าว่างก็ควรกลับไปบ้านที่อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปตรวจสอบดูหน่อย
ไอ้โลภรายไหน รวยไม่มีที่มาที่ไป การงานไม่มีทำเป็นหลักแหล่ง ทำเต้นแร้งเต้นกาก็หลอกเงินเศรษฐีจนตรอก ได้น้ำข้าวเป็นรางวัล จนมีเงินก้อนโตมาซื้อที่ดินป่าแบบครอบครองเหมายกกันทั้งภูเขา เพื่อไว้ทำสวนยาง
นอกจากนี้ยังมีอีกมาก ที่หากจะลากไส้กันต้องเป็นซีรี่ส์ยาว ที่โจ่งแจ้งก็มีรายงานข่าวกันไปแล้ว แต่ที่ใช้ช่อง แอบฮุบที่ดินป่าที่ดินสาธารณะโดยอาศัยตัวแทนนอมินีโกง ยึดครองผืนแผ่นดินแทน ยากที่จะเอาผิด ทำได้ก็แค่นำมารายงานกันตรงนี้
ต้องบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นขั้วไหน สีใด ระดับแกนนำ ผู้บงการอยู่หัวขบวน มันก็พวกเทือกเขาเหล่าก่อเดียวกัน เป็นพันธุ์คนโลภ สปีชีส์เดียวกัน
พูดถึงคนโลภแล้ว ก็มีอีกเรื่องของคนโลภมหาโลภอย่างทักษิณ ชินวัตร ที่ว่ากำลังดิ้นสู้ไม่ให้ทรัพย์สมบัติกว่า7.6หมื่นล้าน ถูกศาลสั่งยึด ก่อนที่จะถึงวัน Judgment Day วันพิพากษาของศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 26 ก.พ.นี้
อันที่จริงมีผู้รู้ฝากมาว่า อย่าหลงประเด็น เพราะนักโทษทักษิณ อาจจะแคร์เกินก้อนโตนี้ที่อยู่ในประเทศไทยก็จริง แค่หากได้คืนมาบางส่วน อย่างข่าวปล่อยทำลายความเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม ที่ว่าจะมีการยึดบางส่วนคืนบางส่วน
หากเป็นจริงทักษิณก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะมีการตั้งข้อสังเกต และมีการรายงานมาทางหน้าสื่อก็หลายครั้ง เงินก้อนใหญ่จริงๆ ของทักษิณ ยังมีมากกว่าที่เห็นและถูกตรวจสอบเตรียมยึด อีกเป็นจำนวนไม่น้อยอยู่ในต่างประเทศ
ทั้งที่ว่า มีอีกอย่างต่ำๆ 2 แสนล้านบาทบ้าง 4 แสนล้านบาทบ้าง ทยอยขนออกไปเก็บไว้ในต่างแดน ทั้งที่สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ และอีกหลายประเทศ เป็นเงินที่ได้มาจากการค้าเงินบาทในตลาดต่างประเทศ และโกงเงินจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ของไทยที่ได้รับการปรับลดลงแต่นช.ทักษิณ เปิดข้อเท็จจริงเรื่องนี้ครึ่งเดียว เอาส่วนลดอีกครึ่งที่ประเทศจ่ายเข้ากระเป๋าตนเองในช่วงเป็นนายกฯ สมัยแรก
เรื่องนี้ที่ต้องนำมาพูดถึง ก็เพื่อให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนเป็นนายกฯ ผู้นำประเทศ จะรีรอชักช้าอยู่เช่นเดิมไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะข้อเสนอจากบางฝ่ายที่ให้ติดตาม บล็อกเงินจำนวนนี้ไม่ให้นักโทษชายใช้จ่ายเพื่อกระทำการปั่นป่วนประเทศ ผ่านพวกสมุนหน้าเงิน
โดยเฉพาะบทบาทของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือปปง. ที่สามารถใช้ช่องทางของกฎหมาย ที่เป็นที่ยอมรับและพร้อมปฏิบัติของนานาชาติ เข้ามาดำเนินการตรวจสอบ เงินที่ไม่มีที่มาที่ไป และอาจเข้าข่ายสงสัยว่าเป็นเงินจากการทุจริตคดโกงชาติบ้านเมือง ที่ซุกซ่อนไว้ในต่างประเทศ
หากใช้ช่องทางนี้ ย่อมเป็นที่ยอมรับและได้รับความร่วมมือจากนานาชาติ ในการสกัดแรงดิ้นของนักโทษหนีคดีจากประเทศไทยได้แน่
แต่ที่ผ่านมากลไกตรวจสอบของหน่วยงาน ปปง.ที่มีอำนาจหน้าที่ดูแลเรื่องการฟอกเงินที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ยังขับเคลื่อนได้ไม่เต็มที่นัก รวมทั้งการประสานการขับเคลี่อนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัยการสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ
โดยเฉพาะ ปปง.ที่ล่าช้าในเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะอ้างกันได้ว่าเป็นเพราะระบอบทักษิณ ตลอดเวลาหลายปีที่สร้างตัวขึ้นมา และฝังรากลึกในทุกกลไกของสังคมไทย รวมทั้งหน่วยงานแห่งนี้ด้วย
แต่ก็เป็นหน้าที่ของนายกฯอภิสิทธิ์ ไม่ใช่หรือ ที่จะปรับเปลี่ยน โละล้าง ยกเครื่อง ขันน็อตให้กลไกของปปง.เดินหน้าต่อไปได้ และทุกวันนี้ก็ขยับปรับเปลี่ยนกันไปได้แล้วพอสมควร จึงน่าจะหันมาเอาจริงเอาจังเรื่องนี้กันได้เสียที
ที่ต้องเรียกร้องเอากับ นายกฯอภิสิทธิ์ ก็เพราะในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศ เพราะหากเพียงหวังกระตุ้นกับระดับรองลงมา โดยเฉพาะคนการเมือง หรือข้าราชการบางส่วน ก็คงไม่เป็นผลอย่างที่ผ่านมา
โดยอาจจะมีสาเหตุทั้งจากความเฉื่อยแฉะ การเกียร์ว่างเพราะไม่รู้ทิศทางขั้วอำนาจที่จะเข้ามาดูแลองค์กรหน่วยงาน เป็นฝ่ายใดที่จะได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ทางการเมือง ในช่วงที่ยังสับสนอลหม่าน แล้วมาถือครองอำนาจ
หรือที่สำคัญ กับเรื่องผลประโยชน์แลกเปลี่ยน ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้จากนักโทษชาย อยู่เบื้องหลัง ทำให้กลไกตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ทำงาน หลายจุดไม่กล้าขยับทำอะไร
จึงเป็นหน้าที่ของคนเป็นนายกฯ ผู้มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุดเท่านั้น ที่จะดำเนินการให้กลไกลทั้งหมดขับเคลื่อนได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกข้อครหาที่ว่า เก่งแต่ล่าล่าทักษิณ
ก็ในเมื่อคนๆ นี้ คนไทยโดยส่วนใหญ่เห็นกันแล้วว่าเป็นตัวต้นเหตุทำให้ชาติสั่นคลอน สร้างความเสียหายให้บ้านเมืองอย่างร้ายแรง แล้วอย่างนี้ “อภิสิทธิ์” จะรีรอไปทำไม!!
คนกลุ่มนี้ที่ขัดแย้งแบ่งฝ่ายกัน ถือเป็นเพียงคนกลุ่มน้อย เพียงแต่ถือดุลอำนาจ มีอิทธิพลบารมีสูง เป็นชนชั้นนำในสังคม ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง ส.ส. รัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง ทหาร ตำรวจ นักธุรกิจ คหบดี คนมีเงิน ไปจนกลุ่มคนที่ถูกเรียกว่าชนชั้นศักดินาในสังคมชั้นสูง
และถ้าเขาเหล่านี้ ไม่ว่าจะสีไหน สีใดไม่แตกแยก ขัดแย้งกัน เราๆ ท่านๆ ที่เดินถนนหาเช้ากินค่ำก็คงไม่มีวันได้เห็นอะไรที่ควรเห็น และควรรู้มานานแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่ในสังคมไทยมานานก็คือ
ความไม่เท่าเทียม และความไม่เป็นธรรม
กรณีการครอบครองทรัพยากร แบบกอบโกยไว้เพียงบุคคลบางกลุ่ม จากกรณีที่ดินบนเขายายเที่ยง ที่กลุ่มคนเสื้อแดง นำมาโจมตี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในเรื่องการบุกรุกพื้นที่ป่ามาเป็นของตัวเองนี้เป็นเพียงกรณีตัวอย่างของความไม่เท่าเทียมและเป็นธรรม
จึงที่ทำให้การเคลื่อนไหวกรณีเขายายเที่ยง ทิศทางของกระแสตอบรับไปในทางที่ดี ก็เพราะคนไทยส่วนใหญ่ ไม่เคยได้โอกาสในเรื่องการถือครองที่ดินจำนวนมากมายเช่นนี้
เอาแค่เฉพาะที่ดินสำหรับทำมาหากิน ชาวนา ชาวไร่ เกษตรกรไทยจำนวนมากยังไม่มีที่ดินเป็นของตัวเอง ต้องเช่า ต้องอาศัยที่ดินคนอื่นทำการเกษตร เป็นปัญหาใหญ่ในภาคการเกษตรของไทยอยู่ทุกวันนี้
ผิดกับกลุ่มคนที่มีอำนาจ มีเงิน มีทอง ทรัพย์ศฤงคารมหาศาล อาศัยความได้เปรียบในทุกๆด้าน หาทางฉกฉวย ยึดครองทรัพยากรที่ดิน ป่าไม้ โดยเพียงเป้าประสงค์เพื่อเป็นที่อยู่อาศัยชั่วครั้งชั่วคราว ปลูกบ้าน คฤหาสน์ เนรมิตสนามกอล์ฟ รีสอร์ต โรงแรม บังกะโล
ฉะนั้นที่กลุ่มเสื้อแดงจุดพลุ เปิดประเด็นทวงคืนที่ดินป่ามาแล้ว และขยายประเด็น เตรียมรุกทวงคืนต่อที่อื่นๆ ทั้งสนามกอล์ฟไฮแลนด์ เขาสอยดาว อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว หรือคิวต่อไปที่สนามกอล์ฟ รอยัลเชียงใหม่ กอล์ฟแอนด์รีสอร์ต ที่ตั้งอยู่บนเขตป่าสงวน
ขออย่าหยุดเพียงเท่านี้ เพียงแค่สร้างผลกระทบทางการเมือง เพียงแค่การชี้นำของนักโทษชาย ที่สั่งให้สมุนเคลื่อนไหวตีเป้าหมายและเครือข่าย ถล่มกระทบชิ่ง ไปยัง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ และเครือข่าย ที่กลุ่มคนเสื้อแดงเรียกว่าระบอบอำมาตย์
หากเชื่อถือ ยึดแนวทาง สร้างความเท่าเทียมและเป็นธรรม ทำลายระบอบของคนชนชั้นนำ ที่ยึดเอาถือเอา ได้เปรียบกว่าคนไทยส่วนใหญ่ในทุกด้าน ก็อย่าได้ละวางในกลุ่มคนของตัวเอง ที่ล้วนแล้วแต่ก็นับได้ว่าเป็น ชนชั้นที่มีลักษณะเดียวกันในกลุ่มอำมาตย์
เอาแค่ที่ดินบนเขายายเที่ยง พื้นที่ป่าบริเวณนั้น ถ้าจะไล่เรียงแล้ว ก็ล้วนแล้วแต่คนดังๆ ในสังคมไทย ยกตัวอย่าง เช่น ที่ดินของเศรษฐีตระกูล นักธุรกิจน้ำอัดลม หรือแม้กระทั่งฝั่งตรงข้ามบ้านของพล.อ.สุรยุทธ์ ก็ว่าเป็นของเครือญาติ อดีตบิ๊กตำรวจ ระดับรัฐมนตรีในรัฐบาลนอมินี
หรือละแวกเดียวกันนั้น ก็ยังมีที่ดิน ที่ “เจ๊เจ้าระเบียบ” บางราย แม่บ้านรัฐมนตรีในระบอบทักษิณ ส่งคนไปยึดครองสร้างบ้านหลังใหญ่หลังโต ยังไม่รวมนักการเมืองรายอื่นๆ “คนมีสี” ทุกค่าย ที่ต่างก็ไปจับจองที่ดินป่าเป็นของตัวเองกันทั้งภูเขา
ถามว่ารู้หรือไม่ “สามเกลอหัวขวด” เอง มาถึงขั้นนี้ก็น่าจะรู้ เพียงแต่แกล้งโง่เมินเฉยที่จะพูดถึง เพราะนั่นก็จะกระทบกับคนในขั้วฝ่ายของตัวเอง เช่นเดียวกับในหลายพื้นที่ป่าทั่วประเทศ ก็ถูกยึดครองของคนกลุ่มชนชั้นนำทั้งนั้น
อีกตัวอย่างก็บริเวณใกล้เคียง พื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา หรือกระทั่งที่ดินเชิงเขาใหญ่ ทางขึ้นอุทยานแห่งชาติที่เป็นผืนแผ่นดินอนุรักษ์ระดับได้รับการยกย่องเป็นมรดกโลก รีสอร์ตใหญ่น้อย บ้านตากอากาศมหาเศรษฐี ยึดครองที่ดินป่า ที่ดินสาธารณะกันเป็นส่วนใหญ่
หรือง่ายๆ แค่ที่ดินสนามกอล์ฟคนบาป อัลไพน์ ก็เครือข่ายธุรกิจนายใหญ่ทักษิณ เองไม่ใช่หรือ ที่ซื้อต่อมาจาก เจ้าพ่อวังน้ำเย็น เสนาะ เทียนทอง ที่ไปยึดที่ดินธรณีสงฆ์มาสร้างบ้านสร้างสนามกอล์ฟ ขายแบ่งปันความร่ำรวย และเฉลี่ยบาปกันไป
ที่สำคัญต้องถามแกนนำเสื้อแดง ที่สร้างชื่อมาด้วยมุกขำขันสภาโจ๊ก ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ถ้าว่างก็ควรกลับไปบ้านที่อำเภอสิชล จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปตรวจสอบดูหน่อย
ไอ้โลภรายไหน รวยไม่มีที่มาที่ไป การงานไม่มีทำเป็นหลักแหล่ง ทำเต้นแร้งเต้นกาก็หลอกเงินเศรษฐีจนตรอก ได้น้ำข้าวเป็นรางวัล จนมีเงินก้อนโตมาซื้อที่ดินป่าแบบครอบครองเหมายกกันทั้งภูเขา เพื่อไว้ทำสวนยาง
นอกจากนี้ยังมีอีกมาก ที่หากจะลากไส้กันต้องเป็นซีรี่ส์ยาว ที่โจ่งแจ้งก็มีรายงานข่าวกันไปแล้ว แต่ที่ใช้ช่อง แอบฮุบที่ดินป่าที่ดินสาธารณะโดยอาศัยตัวแทนนอมินีโกง ยึดครองผืนแผ่นดินแทน ยากที่จะเอาผิด ทำได้ก็แค่นำมารายงานกันตรงนี้
ต้องบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นขั้วไหน สีใด ระดับแกนนำ ผู้บงการอยู่หัวขบวน มันก็พวกเทือกเขาเหล่าก่อเดียวกัน เป็นพันธุ์คนโลภ สปีชีส์เดียวกัน
พูดถึงคนโลภแล้ว ก็มีอีกเรื่องของคนโลภมหาโลภอย่างทักษิณ ชินวัตร ที่ว่ากำลังดิ้นสู้ไม่ให้ทรัพย์สมบัติกว่า7.6หมื่นล้าน ถูกศาลสั่งยึด ก่อนที่จะถึงวัน Judgment Day วันพิพากษาของศาลฎีกาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 26 ก.พ.นี้
อันที่จริงมีผู้รู้ฝากมาว่า อย่าหลงประเด็น เพราะนักโทษทักษิณ อาจจะแคร์เกินก้อนโตนี้ที่อยู่ในประเทศไทยก็จริง แค่หากได้คืนมาบางส่วน อย่างข่าวปล่อยทำลายความเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม ที่ว่าจะมีการยึดบางส่วนคืนบางส่วน
หากเป็นจริงทักษิณก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว เพราะมีการตั้งข้อสังเกต และมีการรายงานมาทางหน้าสื่อก็หลายครั้ง เงินก้อนใหญ่จริงๆ ของทักษิณ ยังมีมากกว่าที่เห็นและถูกตรวจสอบเตรียมยึด อีกเป็นจำนวนไม่น้อยอยู่ในต่างประเทศ
ทั้งที่ว่า มีอีกอย่างต่ำๆ 2 แสนล้านบาทบ้าง 4 แสนล้านบาทบ้าง ทยอยขนออกไปเก็บไว้ในต่างแดน ทั้งที่สวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ และอีกหลายประเทศ เป็นเงินที่ได้มาจากการค้าเงินบาทในตลาดต่างประเทศ และโกงเงินจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ของไทยที่ได้รับการปรับลดลงแต่นช.ทักษิณ เปิดข้อเท็จจริงเรื่องนี้ครึ่งเดียว เอาส่วนลดอีกครึ่งที่ประเทศจ่ายเข้ากระเป๋าตนเองในช่วงเป็นนายกฯ สมัยแรก
เรื่องนี้ที่ต้องนำมาพูดถึง ก็เพื่อให้ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนเป็นนายกฯ ผู้นำประเทศ จะรีรอชักช้าอยู่เช่นเดิมไม่ได้แล้ว โดยเฉพาะข้อเสนอจากบางฝ่ายที่ให้ติดตาม บล็อกเงินจำนวนนี้ไม่ให้นักโทษชายใช้จ่ายเพื่อกระทำการปั่นป่วนประเทศ ผ่านพวกสมุนหน้าเงิน
โดยเฉพาะบทบาทของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือปปง. ที่สามารถใช้ช่องทางของกฎหมาย ที่เป็นที่ยอมรับและพร้อมปฏิบัติของนานาชาติ เข้ามาดำเนินการตรวจสอบ เงินที่ไม่มีที่มาที่ไป และอาจเข้าข่ายสงสัยว่าเป็นเงินจากการทุจริตคดโกงชาติบ้านเมือง ที่ซุกซ่อนไว้ในต่างประเทศ
หากใช้ช่องทางนี้ ย่อมเป็นที่ยอมรับและได้รับความร่วมมือจากนานาชาติ ในการสกัดแรงดิ้นของนักโทษหนีคดีจากประเทศไทยได้แน่
แต่ที่ผ่านมากลไกตรวจสอบของหน่วยงาน ปปง.ที่มีอำนาจหน้าที่ดูแลเรื่องการฟอกเงินที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ยังขับเคลื่อนได้ไม่เต็มที่นัก รวมทั้งการประสานการขับเคลี่อนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อัยการสูงสุด กระทรวงการต่างประเทศ
โดยเฉพาะ ปปง.ที่ล่าช้าในเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งอาจจะอ้างกันได้ว่าเป็นเพราะระบอบทักษิณ ตลอดเวลาหลายปีที่สร้างตัวขึ้นมา และฝังรากลึกในทุกกลไกของสังคมไทย รวมทั้งหน่วยงานแห่งนี้ด้วย
แต่ก็เป็นหน้าที่ของนายกฯอภิสิทธิ์ ไม่ใช่หรือ ที่จะปรับเปลี่ยน โละล้าง ยกเครื่อง ขันน็อตให้กลไกของปปง.เดินหน้าต่อไปได้ และทุกวันนี้ก็ขยับปรับเปลี่ยนกันไปได้แล้วพอสมควร จึงน่าจะหันมาเอาจริงเอาจังเรื่องนี้กันได้เสียที
ที่ต้องเรียกร้องเอากับ นายกฯอภิสิทธิ์ ก็เพราะในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศ เพราะหากเพียงหวังกระตุ้นกับระดับรองลงมา โดยเฉพาะคนการเมือง หรือข้าราชการบางส่วน ก็คงไม่เป็นผลอย่างที่ผ่านมา
โดยอาจจะมีสาเหตุทั้งจากความเฉื่อยแฉะ การเกียร์ว่างเพราะไม่รู้ทิศทางขั้วอำนาจที่จะเข้ามาดูแลองค์กรหน่วยงาน เป็นฝ่ายใดที่จะได้รับชัยชนะจากการต่อสู้ทางการเมือง ในช่วงที่ยังสับสนอลหม่าน แล้วมาถือครองอำนาจ
หรือที่สำคัญ กับเรื่องผลประโยชน์แลกเปลี่ยน ข้อเสนอที่ปฏิเสธไม่ได้จากนักโทษชาย อยู่เบื้องหลัง ทำให้กลไกตรวจสอบเรื่องนี้ไม่ทำงาน หลายจุดไม่กล้าขยับทำอะไร
จึงเป็นหน้าที่ของคนเป็นนายกฯ ผู้มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุดเท่านั้น ที่จะดำเนินการให้กลไกลทั้งหมดขับเคลื่อนได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกข้อครหาที่ว่า เก่งแต่ล่าล่าทักษิณ
ก็ในเมื่อคนๆ นี้ คนไทยโดยส่วนใหญ่เห็นกันแล้วว่าเป็นตัวต้นเหตุทำให้ชาติสั่นคลอน สร้างความเสียหายให้บ้านเมืองอย่างร้ายแรง แล้วอย่างนี้ “อภิสิทธิ์” จะรีรอไปทำไม!!