xs
xsm
sm
md
lg

“สุนันท์” อัดยับ ก.ล.ต. เน่าสนิท 34 ปี ไม่พัฒนา ชี้ขาดเหยื่อรายย่อย 3 ปี เจ๊ง!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ดร.วิรไท” รับ ก.ล.ต.ไม่มีเสถียรภาพ ทำให้เกิดช่องโหว่ ตื่นแก้ไข พ.ร.บ. ยกแผง ฟันมิจฉาชีพ ทั้งแพ่งและอาญา ให้อำนาจ ก.ล.ต.ฟ้องได้เอง โยนผู้ตรวจสอบบัญชีหรือที่ปรึกษาทางการเงิน รับผิดชอบต่อเนื่องที่นำบริษัทเข้ามาจดทะเบียน เปิดเสรีทางการเงิน ให้มีตัวเลือกมากขึ้น ด้าน“สุนันท์” จวกเละ 34 ปี ก.ล.ต.ไม่พัฒนา คิดแต่เรื่องจีดีพี เน้นเชิงปริมาณมากเกินไป ไม่คัดเลือกผู้เข้ามาลงทุน หลับตาจดทะเบียนให้แก๊งมิจฉาชีพ โกงซ้ำๆ ชี้ถ้าภายใน 3 ปี หาเหยื่อรายย่อยไม่ได้ ก.ต.ล.เจ๊งไม่เป็นท่า แนะเอาคนนอกเข้าไปเป็นประธาน ก.ต.ล.บ้าง อย่าปล่อยให้โบรกเกอร์ มุบมิบแบ่งเค้กภาครัฐ

คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ “รู้ทันประเทศไทย”

รายการ “รู้ทันประเทศไทย” ออกอากาศทาง เอเอสทีวี-ทีวีของประชาชน สำหรับวันจันทร์ ที่ 23 พฤศจิกายน 2552 โดยมี ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และนายสันติสุข มะโรงศรี ดำเนินรายการ โดยในช่วงมุมมองเจิมศักดิ์ ได้วิเคราห์ถึงฉากสุดท้าย ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขณะที่ช่วงรู้ทันประเทศไทย ได้รับเกียรติจาก ดร.วิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ และนายสุนันท์ ศรีจันทรา สื่อมวลชนสายเศรษฐกิจ มาร่วมพูดคุยกันถึง ปัญหาและมาตรการแก้ปัญหาในตลาดหุ้น

ดร.เจิมศักดิ์ วิเคราะห์ฉากสุดท้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า ใกล้จะจบแล้ว เนื่องจากเขามีเวลาไม่มาก เพราะขณะนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงค์ตำแหน่งทางการเมือง ใกล้จะตัดสินคดีร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งก็มีแนวโน้มว่าจะอายัดทรัพย์ 7.6 หมื่นล้าน เสียด้วย ขณะเดียวกันที่กลุ่มเสื้อแดง คุยโวว่าจะมีคนเข้าร่วมชุมนุม เป็นล้านคน นั้นเป็นราคาคุย เนื่องจากประชาชนเข้ารู้ไส้รู้พุงหมดแล้ว ว่า กลุ่มเสื้อแดงไม่เคยพูดความจริง ดูง่ายๆ อย่างช่วงเมษายน ที่ผ่านมา เคยพูดว่าชุมนุมโดยปราศจากอาวุธ แต่ข่าวในหลายๆสำนัก ได้เผยแพร่ภาพไปทั่ว ถือมีดยาวเป็นวา หนังสติ๊ก อย่างโจ่งแจ้ง อีกอย่างที่ทางแกนนำเสื้อแดง พยายามกล่าวหารัฐบาล ว่า ทหารเข้าสลายการชุมนุมมีคนตาย จนถึงขณะนี้ก็ยังหาคนตายจากการสลายชุมนุมไม่ได้ ดังนั้นเมื่อประชาชนขาดศรัทธา ประกอบกับคนเสื้อแดง แตกแยกเป็นหลายกลุ่ม การชุมนุมคงแผ่วลง อย่างไรก็ตาม อดห่วงไม่ได้ เพราะมีกระแสข่าว ว่า อาจมีการโยนละเบิดใส่พวกเดียวกันเอง เพื่อสร้างความวุ่นวาย จนเป็นชนวนนำไปสู่การปฎิวัติ

“เห็นด้วยหากรัฐบาล ทีจะประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในกรุ่งเทพฯ ขณะที่กลุ่มเสื้อแดงนัดชุมนุม เพราะก่อนหน้าที่เคยประกาศ ใน จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดประจวบฯ ก็ไม่เห็นมีปัญหา ด้านการท่องเที่ยว ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบ กลับคิดว่าประกาศแล้วมั่ปลอดภัยดี ทั้งนี้ เมื่อย้อนมอง ช่วงการประชุมผู้นำอาเซียนที่ พัทยา ไม่ได้มีการป้องกันไว้ก่อน ผลที่เกิดคือ กลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุม ดังนั้น ตนเห็นว่า ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง กันไว้ดีกว่าแก้ ถ้าไม่ประกาศอาจเสียหายมากกว่า” ดร.เจิมศักดิ์ กล่าว

นายสันติสุข กล่าวนำว่า กระบวนการปล่อยข่าวอัปมงคล เพื่อหากินกับตลาดหุ้น จนหลายคนมองว่า ตลาดหุ้นบ้านเรา เปราะบางมาก ควรได้รับการปฎิรูป ดร.เติมศักดิ์ กล่าวว่าคงไม่ใช่เรื่องนั้นเรื่องเดียว ตลาดหุ้น ตลาดทุน บ้านเรายังไม่ค่อยพัฒนา ตนอยากรู้จริงๆ ว่า ทางการที่ดูแลตลาดหลักทรัพย์ เขาคิดอยากแก้ไขบ้างหรือไม่ ด้วยเหตุนี้เราได้เชิญ ดร.วิรไท สันติประภพ รองผู้จัดการ สายงานพัฒนาและวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์ฯ มาร่วมพูดคุยกัน นายสันติสุข ถามว่า ตลาดหุ้นในประเทศไทย เหมือนบ่อนการพนันขนาดใหญ่ ที่ถูกกฎหมาย ดร.วิรไท กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทย มีลักษณะที่แปลก เมื่อเที่ยบกับตลาดหลักทรัพย์ ประเทศอื่นๆ กล่าวคือ เรามีนักลงทุนรายย่อยเยอะมาก วันนี้ปริมาณการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ มียอดของนักลงทุนรายย่อยที่เข้ามาทำการซื้อขาย ถึง 60% ด้วยเหตุนี้ ทำให้ตลาดขาดเสถียรภาพ ตื่นตระหนกขับข่าวต่างๆ ได้ง่าย

ดร.วิรไท กล่าวถึงกระบวนการปล่อยข่าวปั่นหุ้น เรื่องนี้ทาง ก.ล.ต. มีความกังวลมาก ปัญหาที่ผ่านมาเป็นเพราะ การบังคับใช้กฎหมาย วิธีการจับคนกระทำความผิด อยู่ในส่วนของกฎหมายคดีอาญา ซึ่งศาลจะต้องพิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัย ทำให้การพิสูจน์ต้องใช้เวลานาน ที่ผ่านมา เมื่อ ก.ล.ต. ส่งเรื่องไป กว่าศาลจะมีคำวินิจฉับ ใช้เวลาถึง 6 ปี เนื่องจากคดีนี้ต้องอาศัยกระบวนการของ ตำรวจ อัยการ หรือศาล แต่บุคลากรเหล่านั้น มีความเข้าใจในตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างจำกัด ดังนั้น สิ่งที่ ก.ล.ต. จะทำ คือ แก้ไปกฎหมายพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ ให้มีความผิดทางแพ่ง และทางอาญา ประกอบกับให้ทาง ก.ล.ต. สามารถฟ้องได้เอง

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลาย ๆ เรื่อง ที่ต้องแก้ไขเป็นการด่วน เช่น คุณภาพของบริษัทจดทะเบียน ที่ผ่านมาเราเห็นข้อบกพร่องที่คนเอาบริษัทเข้ามาจดทะเบียน ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ ก็มีหน้าที่ดูเพียง ว่า มีคุณสมบัติตรงตามที่จดทะเบียน ก็สามารถเข้ามาจดทะเบียนได้ ต่อจากนั้นบทบาทของผู้จดทะเบียน อาจมีที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้ตรวจสอบบัญชี ความรับผิดชอบอาจน้อยกว่าที่ควร ดังนั้นจะให้ ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือที่ปรึกษาทางการเงิน ต้องรับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง ในสิ่งที่รับรองที่นำบริษัทเข้าจดทะเบียน และกรณีนำรัฐวิสาหกิจ เข้ามาจดทะเบียน แต่ทางการยังถือหุ้นอยู่ 60-70% บอร์ดยังเป็นข้าราชการที่ไปทำหน้าที่อยู่ในรัฐวิสาหกิจ ซึ่งอาจไม่ได้รักษาประโยชน์ของบริษัทอย่างเต็มที่ เพราะยังเป็นนโยบายของทางการอยู่ และอาจมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง ตรงนี้ทางกระทรวงการคลัง ได้มีการตกลงกันในระดับนโยบาย ที่จะให้มีการกระจายหุ้น ของรัฐวิสาหกิจ ให้มาอยู่ในรูปของบริษัท เพิ่มมากขึ้น เมื่อมีนักลงทุนเข้าไปถือมากขึ้น ก็จะมีส่วนช่วยในการกำกับดูแลบริษัทเหล่านั้น อีกทั้งจะมีการแก้กฎหมายอีกเรื่องหนึ่ง คือ ฟ้องแบบกลุ่ม ปัญหาตอนนี้คือรายย่อย ไม่มีกำลังพอที่จะฟ้องบริษัท สามารถรวมกลุ่มฟ้อง แล้วเอาผลประโยชน์มาแบ่งกันได้ ซึ่งกฎหมายนี้ ก.ล.ต. ได้ร่างเสร็จแล้ว ตอนนี้อยู่ในขั้นนำเสนอ

“คำว่า อินไซด์เดอร์หรือใช้ข้อมูลภายใน เกิดจาก ผู้บริหารบริษัท รู้ข้อมูลภายในของธุรกิจตัวเองก่อนที่จะมีการรวมกิจการกัน แล้วซื้อหุ้นดักไว้ โดยหวังว่า เมื่อมีการรวมกิจการกันแล้ว ซื้อขายหุ้นก็จะได้กำไร และกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ปล่อยข่าว ชี้นำตลาด ขณะเดียวกันก็เล่นหุ้นด้วย ตนคิดว่า มีความผิดและเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ เพราะเมื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง ก็มีกฎหมายห้ามไว้อยู่แล้ว” ดร.วิรไท กล่าว

นายสันติสุข ถามว่ามีคนมองว่า ก.ล.ต. ไม่แข็ง หากทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ในยุค พ.ต.ท.ทักษิณ ที่มีการปกปิดโครงสร้างผู้ถือหุ้น เอสซีเอสเสท จะไม่เกิดขึ้นได้ และจะมีการดำเนินคดีตั้งแต่ยุคนั้นแล้ว จะแก้ปัญหานี้อย่างไร ดร.วิรไท กล่าวว่า ต้องทำให้มีการเปิดเผยข้อมูลให้โปร่งใสมากขึ้น 1.ต้องสงเสริมให้บริษัทจดทะเบียน เปิดเผยข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา อย่างไรก็ตาม สำหรับหุ้นบริษัทรายใหญ่ไม่มีปัญหา ปั่นหุ้นยาก โดยจะมีนักลงทุนติดตามสถานการณ์ อย่างต่อเนื่อง แต่นักลงทุนรายย่อย การติดตามบัญชี ข้อมูลทำได้ค่อนข้างยาก เป็นเหตุให้เสี่ยงต่อการถูกปั่นได้ง่าย ปัญหาเรื่องนักลงทุนรายย่อย เป็นเพราะลักษณะของตลาดเรา ไม่เสถียรภาพ หน้าที่ของตลาดหลักทรัพย์ จะทำอย่างไร ให้เป็นแหล่งออม ระดมทุนระยะยาว ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ ได้เน้น เพิ่มนักลงทุนที่เป็นสถาบัน ให้มากขึ้น พวกนี้เป็นการลงทุนในระยะยาว ซึ่งจะเท่ากับเป็นการเพิ่ม นักวิเคราะห์ นักลงทุนมืออาชีพ ให้เข้ามาในตลาดมากขึ้น เราไม่ได้โฟกัส อยู่ที่นักลงทุนรายย่อย เพราะหากดูการซื้อขายต่อเดือนขณะนี้ อยู่ที่แสนกว่าบัญชี และคนที่มีบัญชีเงินฝากเกินล้านก็มีจำนวนไม่มาก

ดร.วิรไท กล่าวว่าการซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ เป็นการออม หากลงทุนในหุ้นตัวใหญ่ๆ ซึ่งจะได้กำไร จากเงินปันผลและราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น มากกว่าการฝากเงิน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ ด้วย ในหลายๆ ประเทศที่เขาพัฒนาแล้ว มีการออกผลิตภัณฑ์คุ้มครองเงินต้น ในประเทศไทยก็เริ่มมีการออกผลิตภัณฑ์คุ้มครองเงินต้น ที่ผู้บริหารกองทุนเอาเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนในหุ้น แล้วเอาอีกส่วนหนึ่งไปซื้อขาย ตราสารหนี้ ที่ไม่มีความเสี่ยง ก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝาก ที่ผ่านมาตลาดของประเทศไทย ค่อนข้างเล็ก และไม่มีความหลายในผลิตภัณฑ์ ทำให้เมื่อหุ้นเล็ก ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับหุ้น ก็เล็กตามด้วย ดังนั้นหากเราช่วยกันทำให้ตลาดใหญ่ขึ้น มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกมากขึ้น จะทำให้การออมมีประสิทธิภาพมากขึ้น

“นักลงทุนต้องเข้าใจ ว่า สาเหตุที่เข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ด้วยวัตถุประสงค์อะไร ถ้าหวังผลในเรื่องของเงินปันผล ที่มองว่าตลาดหลักทรัพย์ ให้เงินปันผลที่ดีกว่าตลาดดอกเบี้ย ต้องลงทุนในหุ้นที่จ่ายเงินปันผล และลงทุนระยะยาว ไม่ใช่หุ้นที่ราคาหุ้นหวือหวา”ดร.วิรไท กล่าว

เมื่อถามว่า หลายคนมอง ตลาดทุนเป็นเพียงทางเลือกบ้าง เป็นบ่อนบ้าง ประเด็นนี้ ดร.วิรไท กล่าวว่า สิ่งที่เราจะเปลี่ยน คือ ทำให้การลงทุนเป็นช่องทางหลัก การระดมทุน การออม เช่น หากนักลงทุนเลือกลงทุนใน ปตท. ก็ต้องเปรียบเที่ยบกับบริษัทที่มีลักษณะคล้ายกับ ปตท. เช่น บ.ปิโตรนาส ของประเทศมาเลเซีย หากบริษัทไหนที่เขาเห็นว่าดีก็เอาเงินไปลงทุนบริษัทนั้น ต่อไปนักลงทุนไทยจะมีทางเลือก สามารถเอาเงินไปลงทุนในต่างประเทศได้ แบงก์ชาติมีการเปิดเสรีทางการเงิน ดังนั้นหากเราทำตลาดทุนให้มีประสิทธิภาพ มีข้อมูลตรงไปตรงมา ปตท. ก็จะอยู่นิ่งไม่ได้ เพราะเขาต้องประเมินตัวเอง กับบริษัทต่างๆ แม้จะไม่ได้ทำธุรกิจแข่งกันโดยตรงก็ตาม ต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา

นายสุนันท์ กล่าวว่านักลงทุนรายย่อย เข้ามาลงทุน ก็เสียเปรียบ เนื่องจาก พฤติกรรมผิดๆ ในตลาดหลักทรัพย์ เช่น ยังมีอินไซด์ ปั่นหุ้น ตลอด34 ปี ในการพัฒนาที่ผ่านมา ก็ยังไม่เคยแก้เรื่องนี้ได้ หากย้อนดูตั้งแต่วันแรกที่เปิดตลาดหลักทรัพย์ ถึงวันนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เพียงแต่มีการเปลี่ยนตัวละคร เดี๋ยวนี้มีการพัฒนาขึ้น โดยการไปรวมกลุ่มร่วมกับนักการเมือง อย่างคนกลับมาจากต่างประเทศ ชื่อ พา...ยับ เมื่อก่อนไม่ค่อยมีเงิน แล้วตอนนี้เขา รวยมาจากไหน

นายสุนันท์ กล่าวถึงสาเหตุที่นักเล่นหุ้นมักเข้าไปหานักการเมือง และนักการเมืองชอบเข้ามาพัวพัน เพราะว่า หาเงินง่าย คนทำงานในตลาดหลักทรัพย์เป็นพวกที่มีรายได้ดี่ที่สุด ต่างจากเมื่อก่อน หากมองหาแหล่งเงินเราจะมอง ปูนซีเมนต์ไทย การบินไทย เป็นอันดับต้นๆ แต่ขณะนี้คนทำงานในตลาดหลักทรัพย์ อย่าง โบรกเกอร์คนหนึ่งมีรายได้ เฉลี่ยเดือนละ 2 ล้าน นี่ยังไม่รวมรายได้พิเศษอืนๆ ปัญหาของตลาดหลักทรัพย์ไทย ไปมุ่งในเรื่องการพัฒนา เน้นเชิงปริมาณ มากเกินไป ทำให้คุณภาพต่ำ หากเอาหุ้นใน 500 บริษัทมาให้ตนดู ก็สามารถบอกได้เลย เป็นพวกหุ้นขยะ เกินครึ่ง ทั้งที่หุ้นขยะ พวกนี้เนื้อแท้ไม่มีอะไร รอวันปั้นให้เป็นดาว โดยมี โบรกเกอร์ ไปแนะนำให้แต่งบัญชี ประกอบกับนโยบายตลาดหลักทรัพย์ ไม่คัดเลือกผู้เข้ามาลงทุน มีบางรายเข้ามาปั่นหุ้น อย่างตระกูล M เข้ามาตัวแรกก็ปั่นหุ้นจนเจ๊งแล้ว ก็ยังปล่อยให้เข้ามาอีกเรื่อยๆ

“น่าเห็นใจตลาดหลักทรัพย์ ที่ต้องหานักลงทุนรายย่อยเข้ามาใหม่ทุกปี ถ้าภายใน 3 ปี ไม่มีนักลงทุนรายย่อยเข้ามา ตลาดหลักทรัพย์เจ๊งทันที เพราะนักลงทุนรายเก่า ถูกกินจนเจ๊งหมด ที่จริงคนที่เข้ามาลงทุนควรจะได้รับผลตอบแทน เพราะโดยเฉลี่ยมีผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ย อาจได้ 3% บ้างก็ 5 % ซึ่งมันได้อยู่แล้ว แต่ปรากฎว่าสิ่งที่ควรได้กลับไม่ได้ จะมีคนหนึ่งที่มีมีรายได้ปีหนึ่ง 100-200% แต่อีกคนเข้ามา 100 กลับไปเหลือ 10 หรืออย่างดีก็เหลือแต่กางเกงในเป็นส่วนใหญ่ ถึงจะกลับบ้าน ปัญหาเหล่านี้เกิดจากปลาใหญ่กินปลาเล็ก การใช้กติกา ความไม่เท่าเทียมกัน ” นายสุนันท์ กล่าว

นายสุนันท์ กล่าวต่อว่าการทำงานของฝ่ายบริหารไม่เข้มแข็ง รัฐบาลที่เข้ามาส่วนใหญ่คิด แค่จีดีพี ต้องโต แต่ไม่คิดถึง คนที่เข้ามาเสียหาย กับแก๊งมิจฉาชีพในตลาดหลักทรัพย์ ทำให้คนตายไปเท่าไร เขาไม่ได้ทุ่มเทเหมือนญาติตัวเอง ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์รู้ดีว่า แก๊งมิจฉาชีพมีใครบ้าง ปั่นหุ้นทำอย่างไร ขาใหญ่ที่มีพฤติกรรมเสียงหรือโบรกเกอร์ที่นำหุ้นเน่าเข้ามา แต่ไม่เคยเข้าไปกดดัน เมื่อเปรียบเทียบ ในต่างประเทศ หากมีพฤติกรรมเข้าข่าย เขาจะเฝ้าติดตามเลย พอเก็บข้อมูลได้ในระดับหนึ่ง จะขอหมายศาลดักฟังโทรศัพท์ เมื่อหลักฐานมัดแน่น ฟ้องร้องติดคุกทันที

“ผิดหวังกับ ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ ในหลายๆ ยุคอยู่เหมือนกัน เช่น ตนเคยถามว่า ทำไมไม่ออกกฎเกณฑ์ให้เข้มงวด ประธาน ก.ล.ต.ก็บอกว่า ถ้าออกกฎเกณฑ์ให้เข้มงวด ทำให้คนไม่มาลงทุน ตนก็บอกว่า ในเมื่อคนไม่เข้า ขอให้มีรายเดียวในตลาดหลักทรัพย์ก็พอ ขอให้มันดี สร้างผลตอบแทนให้ได้ ไม่จำต้องเอาหุ้นเน่ามาให้เลือก โครงสร้างของตลาดหลักทรัพย์ ปัจจุบัน เป็นทุนของโบรกเกอร์ 5% และเป็นทุนของทางการ 5% ซึ่งโบรกเกอร์เองก็มีอิทธิพล เหนือความคิด และกรรมการของภาครัฐ ก็กลายเป็นบริษัทจดทะเบียน เมื่อคนเหล่านี้เข้ามาเป็นกรรมการตลาดหลักทรัพย์ มันจะเกิดอะไรขึ้น ในเมื่อทุกคนอยู่บนผลประโยชน์ อย่างนี้ทำไมไม่เอาคนนอกเข้าไปบ้าง” นายสุนันท์ กล่าว
ดร.วิรไท สันติประภพ
นายสุนันท์ ศรีจันทรา
กำลังโหลดความคิดเห็น