“เทพไท” เย้ยเพื่อแม้วพูดจาสับสนกำหนดวันซักฟอก คาดข้อมูลอ่อนเกิน ซัดแค่พรรคหุ่นยนต์รอ “นช.แม้ว” กดรีโมต ยันไม่มีคนประชาธิปัตย์ทรยศพรรคตัวเอง แขวะไม่แปลกคนพวกนี้ไม่ชินกฎเหล็ก เพราะรู้จักแต่กรรมออนไลน์ สวนฝ่ายค้านพูดเก้าอี้รัฐมนตรีสมบัติผลัดกันชมย้อนดูตัวเองสมัยเป็นรัฐบาล ยัน รมต.ใหม่คุณสมบัติพร้อม ซัดเหน็บคนอื่นอย่าลืมดูกำพืดตัวเอง ด้าน “สาธิต” วอนค้านอย่างสร้างสรรค์ เย้ยพูดซักฟอกมีแต่น้ำหาเนื้อไม่ได้
วันนี้ (17 ม.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของฝ่ายค้านว่า จากการดูท่าทีของพรรคเพื่อไทยค่อนข้างสับสนเพราะวันนี้ยังไม่มีการประชุม สรุปเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าจะยื่นหรือไม่ เมื่อไหร่ โดยมีการกำหนดว่าวันที่ 21 ม.ค.จะมีการหารือเรื่องนี้ ซึ่งตนเห็นว่าเป็นการแสดงออกถึงความไม่พร้อม และมีการบอกว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นในลักษณะเหมือนกระทู้ถามสด เป็นเพราะข้อมูลของพรรคเพื่อไทยไม่มีการทำการบ้านและลึกเพียงพอ ที่น่าแปลกใจคือการที่กำหนดว่าใครจะขึ้นอภิปรายต้องเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณที่กัมพูชา จึงไม่เข้าใจว่าคนอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ มีข้อมูลอะไรดีเพราะหนีออกนอกประเทศไปหลายปีแล้ว แต่หากไปพบเพื่อรับกำลังบางอย่างก็ชี้ชัดว่าสถานของพรรคเพื่อไทยเป็นแค่หุ่นยนต์จริงๆที่ทุกอย่างต้องถูกกำหนดจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น จึงไม่อยากให้คนของพรรคเพื่อไทยออกมาพาดพิงวิจารณ์พรรคประชาธิปัตย์แบบยุแยงตะแคงรั่ว โดยเฉพาะที่ระบุว่าได้ข้อมูลจากคนในพรรคประชาธิปัตย์นั้นก็เป็นแค่ลูกไม้ตื้นๆ ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีคนคิดคดทรยศต่อพรรคตัวเอง
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวต่อถึงกรณีกฎเหล็ก 9 ข้อของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าเป็นแค่การสร้างภาพนั้นว่า ขอชี้แจงว่านายกฯ ไม่เคยสร้างภาพ กฎเหล็ก 9 ข้อมีผลบังคับใช้ได้จริง ในส่วนที่พรรคเพื่อไทยออกมาวิจารณ์เป็นตุเป็นตะนั้นก็เป็นเรื่องที่ไร้สาระเพราะดูจากผลโพลล์กว่า 80% ต่างเห็นด้วยกับกฏเหล็ก 9 ข้อและจะขอขยายไปให้ครอบคลุมถึงข้าราชการด้วย จึงขอถามพรรคเพื่อไทยว่า ในสมัยรัฐบาลทักษิณก็ไม่เคยมีกฎเหล็ก 9 ข้อ คนเหล่านี้จึงไม่เข้าใจเพราะมีกฎแห่งกรรม และกรรมออนไลน์ ที่ตอนนี้กำลังตามไปถึงดูไบและกัมพูชาที่ชัดเจนกว่ากฎเหล็ก 9 ข้อ
ส่วนที่มีการพาดพิงว่าการปรับ ครม.ครั้งนี้ เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรีนั้น ตนขอชี้แจงว่า ครม.ที่ผ่านมามีเหตุจำเป็นต้องปรับ และยืนยันว่าไม่ได้ปรับเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่หากถามว่ามีการปรับแบบสมบัติผลัดกันยืนยันว่าไม่มีในรัฐบาลนี้ ซึ่งแตกต่างจากยุครัฐบาลทักษิณ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาฯ อยู่ 4 ปี มีรัฐมนตรีปรับถึง 7 คน อยากถามว่าเป็นสมบัติผลัดกันชมมากกว่า และที่พาดพิงมาถึงนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ระบุว่าเป็นแค่นักวาดการ์ตูนนั้น ก็ขอให้ไปดูผลโพลที่สำรวจพบว่านายจุรินทร์ที่ดูแลกระทรวงศึกษาฯ มาเป็นอันดับหนึ่ง จึงเชื่อว่าจะสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาในกระทรวงสาธารณสุขได้ หากเปรียบเทียบกับอดีตรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยที่ดูแลกระทรวงนี้ ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือนายไชยา สะสมทรัพย์ ขอถามว่ามีคุณสมบัติเหนือกว่านายจุรินทร์ตรงไหน และยังมีการพาดพิงถึงนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ที่ว่าไม่มีความเหมาะสม ก็ขอยืนยันว่านายชินวรณ์เป็นครูประชาบาลและครูใหญ่ตั้งแต่อายุ 20 กว่าปี ตลอดชีวิตคลุกคลีกับวงการครู เมื่อเทียบกับรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยอย่างนายศรีเมือง เจริญศิริ ที่มีภรรยาเป็นครูซึ่งต่างกันมาก จึงไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยเหน็บแนมคนอื่นโดยไม่ดูกำพืดของตัวเอง และอย่าติเรือทั้งโกลน อยากให้โอกาสรัฐมนตรีได้ทำงานก่อนที่จะวิจารณ์ถึงความเหมาะสม
ขณะที่ นายสาธิต ปิตุเตชะ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนยืนยันว่าเป็นการปรับเพื่อความเหมาะสม ตามความอาวุโส ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยค้านทุกเรื่องที่รัฐบาลทำ ดังนั้นจึงขอให้ทำหน้าที่ค้านอย่างสร้างสรร มีมาตรฐาน ไม่ใช่การปรับเพื่อสนองกลุ่มทุนอย่างพรรคเพื่อไทยที่ทำกัน เห็นชัดเจนว่าขณะนั้นเป็นการปรับเพื่อสนองกลุ่มผลประโยชน์ของตัวเองทางการเมืองเท่านั้น พรรคเพื่อไทยต้องย้อนกลับไปดูพฤติกรรมของตัวเองสมัยที่เป็นรัฐบาล ส่วนการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น รัฐบาลมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีข้อมูล มีแต่สำนวนโวหารทางการเมืองเป็นหลักมีน้ำราว 80% เนื้อหาราว 20% ไม่น่าจะมีอะไรใหม่ จึงขอเรียกร้องว่าการอภิปรายต้องใช้ข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือ ไม่ไช่การบิดเบือน พูดจริงบางส่วนและโกหกบางส่วนเพื่อทำให้สังคมเข้าใจผิดและคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง