ASTVผู้จัดการรายวัน- "มาร์ค"นำ 5 รมต.ใหม่ถวายสัตย์ฯวันนี้ก่อนลุยงานทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา ส่วนที่สาธารณสุข ก็จะสางปัญหาทุจริตในโครงการไทยเข้มแข็งต่อ ชี้ไม่จำเป็นต้องรื้อผลสอบ"หมอบรรลุ" ให้ตั้งกก.สอบวินัยข้าราชการต่อยอดได้เลย
วานนี้ (17 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี( ครม.) ว่า ปลายสัปดาห์ที่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ในเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรี 5 ตำแหน่ง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนในวันจันทร์ที่ 18 ม.ค. เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีทั้ง 5 ท่าน ที่จะเข้ารับหน้าที่ก็จะสามารถปฏิบัติงานได้ตั้งแต่วันอังคาร เป็นต้นไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่าในส่วนของรองนายกรัฐมนตรี ที่จะมาดูแลในเรื่องของเศรษฐกิจก็ดี กระทรวงคมนาคมก็ดี และโดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ งานสำคัญก็คงจะเป็นงานสานต่อโครงการและนโยบายสำคัญๆ ของรัฐบาลที่ได้มีการดำเนินการมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่กระทรวงศึกษาธิการนั้นก็มีงานทางด้านการปฏิรูปการ ศึกษา ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่จะต้องมีการผลักดันอย่างต่อเนื่อง
สำหรับที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น ในส่วนของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ซึ่งจะรับหน้าที่นั้น ภารกิจสำคัญก็คือ การสะสางปัญหาที่เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเรื่องโครงการไทยเข้มแข็ง ที่มีการสอบสวน ที่มีการสอบข้อเท็จจริง และมีการนำผลสรุปเข้ามาส่งให้ทางรัฐบาล เพราะว่าแม้ว่าจะมีบางส่วนนั้นส่งไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ว่าในส่วนของข้าราชการประจำ ก็คงจะต้องทำความชัดเจน และก็สามารถทำให้งานของกระทรวงนั้นสามารถเดินหน้าต่อไปได้ รวมไปถึงการทบทวนในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้าง และการลงทุนในไทยเข้มแข็ง ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และสามารถตอบสนองความต้องการซึ่งยังมีอยู่มากในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อันนี้ก็เป็นเรื่องของการทำงานของคณะรัฐมนตรีหลังจากที่จะมีรัฐมนตรีท่านใหม่เข้ารับตำแหน่ง และถวายสัตย์ปฏิญาณในวันจันทร์นี้
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมในเรื่องนี้ว่า ตนจะคุยกับทั้ง 5 รัฐมนตรี ในเรื่องการสานต่อนโยบายการทำงาน ซึ่งในปีที่ 2 ก็จะมีเรื่องใหม่ๆเพิ่มขึ้นมา ซึ่งตนกำลังประมวลอยู่จากกระทรวงต่างๆ ส่วนเรื่องกฎเหล็ก 9 ข้อนี้ ก็ใช้กับคนใหม่ คนเก่า เหมือนกัน
**ยันไม่ละเลยปราบทุจริต
ผู้สื่อข่าวถามว่าในปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นขนาดล้อการเมืองเขายังล้อว่านายกฯโดนปัญหาโกงทับ คิดว่าตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของรัฐบาลในขณะนี้หรือเปล่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่นั่งทับเรื่องการโกง เรื่องไหนที่คิดว่ามีการโกง ตนก็ดำเนินการอย่างเต็มที่ อย่างที่ตนเคยเรียนตั้งแต่ก่อนที่จะมาเป็นนายกฯว่า ใครมาเป็นนายกฯ ตนไม่เชื่อว่าเรื่องการทุจริตจะหมดไป แต่สิ่งที่ตนพยายามทำ และคิดว่าได้ทำแล้วคือ สร้างความแตกต่าง เวลามีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริต เราจัดการอย่างไร ด้วยหลักคิดที่ว่าทำให้มันเกิดความโปร่งใส ดึงเอาฝ่ายต่างๆเข้ามาตรวจสอบ เคารพคำวินิจฉัยของคนที่เข้ามาตรวจสอบ และดำเนินการโดยแยกแยะในเรื่องความรับผิดชอบทางการเมือง ความรับผิดชอบทางกฎหมาย ถ้าเราเดินไปในแนวนี้ไปเรื่อยๆ คิดว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะคนจะรู้ว่า ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้วที่ไปทุจริตให้เกิดการสมประโยชน์กันระหว่างนายกฯ หรือกระทรวงแล้วเรื่องก็เงียบไป หรือทนเอาให้กระแสมันผ่านไป
เราไม่ได้ทำอย่างนั้นในรัฐบาลนี้ เป็นความเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่ตนก็รู้ว่าไม่ง่าย เพราะเรื่องปัญหาการทุจริตก็ฝังลึกมานาน ตนคิดว่าทุกคนเข้าใจดี
**ต่อยอดผลสอบ"หมอบรรลุ"
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีความพยามจากหมอฝ่ายหนึ่ง ที่ให้มีการื้อผลสอบชุดนพ.บรรลุ ศิริพานิช นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงไม่มีความจำเป็นต้องไปรื้อ หรือไม่รื้อ การสอบของนพ.บรรลุ และคณะมีข้อเท็จจริงที่ออกมาแล้ว เป็นเรื่องที่ขณะนี้จะดำเนินการไปตามกฎหมายในเรื่องขบวนการทางวินัย ซึ่งอาจต้องมีการสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม มีการใช้ดุลพินิจว่าผลนั้นเป็นอย่างไร
ส่วนของการแก้ไขโครงการ ก็มีการดำเนินการกันอยู่ ฉะนั้นไม่มีประเด็นที่จะต้องไปรื้อ มีแต่ว่าจะต่อยอดอย่างไร อย่าลืมข้อสรุปของคณะกรรมการไม่ได้ขาวดำชัดเจน มีคำว่า “อาจ” มีคำว่า “ไม่ได้ทุจริต” แต่มีความรับผิดชอบหรือ “มีความบกพร่อง” ซึ่งตรงนี้ต้องมีการดำเนินการให้เหมาะสม กับสิ่งที่เป็นข้อกล่าวหา
เมื่อถามว่าการต่อยอดคือ การให้ รมว.สาธาณสุขคนใหม่ เข้ามาตั้งคณะกรรมการสอบวินัยข้ารชการที่เกี่ยวข้อง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ ถูกต้อง ตนได้คุยกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ตั้งแต่เป็นรมว.ศึกษาธิการว่า หากมาอยู่ตรงนี้ปัญหานี้เป็นเรื่องแรกที่จะต้องมาสะสางกัน
เมื่อถามว่าภาพที่ออกมาดูเหมือนมีความแตกแยกความขัดแย้งภานในองค์กรค่อนข้างสูง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าปัญหาความแตกแยก หรือความไม่เป็นเอกภาพในกระทรวงสาธารณสุข มีมานานแล้ว แต่ต้องไม่ให้กระทบกับงานของกระทรวง ซึ่งเราต้องบริหาร
เมื่อถามว่าคิดว่าอยู่ในวิสัยที่นายจุรินทร์ คุมได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าจัดการได้ ตนเชื่อมั่นในตัวของนายจุรินทร์
**"พรรณสิริ"มั่นใจทำงานได้
วานนี้ (17 ม.ค.) นางพรรณสิริ กุลนารถศิริ ว่าที่รมช.สาธารณสุข กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิรุ่งอรุณแห่งความสุข จัดพิธีกลั่นดินจากประเทศอินเดีย และดินจากทั้ง 9 อำเภอ ของ จ.สุโขทัย เพื่อถวายดินรองรับพุทธรัตนสิริสุโขทัย และสร้างเป็นพระผง เพื่อให้กับสุโขทัย ได้สักการะบูชา ณ เกาะกลางรูปหัวใจ ทุ่งทะเลหลวง อำเภอเมืองสุโขทัย โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ร่วมงานด้วย
ทั้งนี้นางพรรณสิริ ได้กล่าวว่า ที่เกษียณอายุราชการมาไม่ได้ตั้งใจจะมาเป็นนักการเมือง แต่เมื่อผู้ใหญ่เลือกให้แล้ว ก็ไม่หนักใจในการรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะเคยออกพื้นที่ร่วมงานกันนายสมศักดิ์ บ่อยครั้ง ทำให้เข้าใจในการทำงานด้านการเมืองได้ดี
ส่วนคำว่า ตำแหน่งนี้เป็นสมบัติผลัดกันชมนั้น คิดว่าคณะกรรมการบริหารพรรคเลือกแล้วจากความสามารถและประสบการณ์ของตน สิ่งที่ผู้ใหญ่เลือกตนเองไม่สามารถสร้างเองได้
ทางด้านนายสมศักดิ์ กล่าวเช่นเดียวกันว่า นางพรรณสิริ เป็นนักวิชาการที่สามารถทำความเข้าใจกับชุมชนและสังคม และเชื่อว่าจะสามารถทำงานกับ ครม.ได้ดี
** พท.โวยปรับ ครม.หนีซักฟอก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การปรับ ครม.ว่า เพื่อหนีการอภิปรายเท่านั้น และยอมรับว่าการปรับครม.ครั้งนี้ กระทบต่อการจะยื่นอภิปรายรัฐมนตรี เนื่องจากรัฐมนตรีที่พรรคจองกฐินยื่นอภิปราย นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ ขณะเป็นรมว.ศึกษาธิการ นายวิทยา แก้วภราดัย ขณะเป็นรมว.สาธารณสุข นายมานิต นพอมรบดี ขณะเป็นรมช.สาธารณสุข และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ขณะเป็นรองนายกฯ พรรคมีข้อมูลเชิงลึกที่ยังไม่เปิดเผย เตรียมพร้อมในการอภิปรายไว้แล้ว เมื่อมีการปรับครม.หนีอภิปราย จึงส่งผลกระทบต่อพรรคเล็กน้อย แต่เป้าหมายใหญ่ในการอภิปรายยังไม่เปลี่ยนคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
อย่างไรก็ดี หลังจากพรรคมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธานรวบรวมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจ และนายวิทยา บุรณศิริ เป็นรองประธานรวบรวมฯ นั้น ในวันประชุมพรรค 19 ม.ค. จะมีการรวบรวมสรุปข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งอาจพิจารณาดูว่าจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อใด
**ยันกฎเหล็ก 9 ข้อใช้ได้จริง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกฏเหล็ก 9 ข้อ ของนายกรัฐมนตรี ที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า เป็นแค่การสร้างภาพนั้น ขอชี้แจงว่านายกฯไม่เคยสร้างภาพ กฏเหล็ก 9 ข้อมีผลบังคับใช้ได้จริง ในส่วนที่พรรคเพื่อไทยออกมาวิจารณ์นั้น ก็เป็นเรื่องที่ไร้สาระ เพราะดูจากผลโพลล์กว่า 80 % ต่างเห็นด้วยกับกฏเหล็ก 9 ข้อและจะขอขยายไปให้ครอบคลุมถึงข้าราชการด้วย จึงขอถามพรรคเพื่อไทยว่า ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ก็ไม่เคยมีกฏเหล็ก 9 ข้อ คนเหล่านี้จึงไม่เข้าใจ เพราะมีกฏแห่งกรรม และกรรมออนไลน์ ที่ตอนนี้กำลังตามไปถึงดูไบและกัมพูชาที่ชัดเจนกว่ากฏเหล็ก 9 ข้อ
ส่วนที่มีการพาดพิงว่า การปรับครม.ครั้งนี้ เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี ขอชี้แจงว่า ครม. ที่ผ่านมามีเหตุจำเป็นต้องปรับ และยืนยันว่าไม่ได้ปรับเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่หากถามว่ามีการปรับแบบสมบัติผลัดกันชม ยืนยันว่าไม่มีในรัฐบาลนี้ ซึ่งแตกต่างจากยุครัฐบาลทักษิณ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาอยู่ 4 ปี มีรัฐมนตรีปรับถึง 7 คน อยากถามว่านั่นเป็นสมบัติผลัดกันชมมากกว่า และที่พาดพิงมาถึง นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ ที่ระบุว่า เป็นแค่นักวาดการ์ตูนนั้น ก็ขอให้ไปดูผลโพลที่สำรวจพบว่า นายจุรินทร์ ที่ดูแลกระทรวงศึกษามาเป็นอันดับหนึ่ง จึงเชื่อว่าจะสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาในกระทรวงสาธารณสุขได้ หากเปรียบเทียบกับอดีตรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่ดูแลกระทรวงนี้ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือนายไชยา สะสมทรัพย์ ขอถามว่ามีคุณสมบัติเหนือกว่านายจุรินทร์ ตรงไหน และยังมีการพาดพิงถึง นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ที่ว่าไม่มีความเหมาะสม ก็ขอยืนยันว่านายชินวรณ์ เป็นครูประชาบาล และครูใหญ่ ตั้งแต่อายุ 20 กว่าปี ตลอดชีวิตคลุกคลีกับวงการครู เมื่อเทียบกับรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย อย่าง นายศรีเมือง เจริญศิริ ที่มีภรรยาเป็นครู ซึ่งต่างกันมาก จึงไม่อยากให้พรรคเพื่อไทย เหน็บแนมคนอื่นโดยไม่ดูกำพืดของตัวเอง และอย่าติเรือทั้งโกลน อยากให้โอกาสรัฐมนตรีได้ทำงานก่อนที่จะวิจารณ์ถึงความเหมาะสม
วานนี้ (17 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ถึงการปรับคณะรัฐมนตรี( ครม.) ว่า ปลายสัปดาห์ที่แล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ในเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรี 5 ตำแหน่ง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ได้เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนในวันจันทร์ที่ 18 ม.ค. เพราะฉะนั้นรัฐมนตรีทั้ง 5 ท่าน ที่จะเข้ารับหน้าที่ก็จะสามารถปฏิบัติงานได้ตั้งแต่วันอังคาร เป็นต้นไป
นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่าในส่วนของรองนายกรัฐมนตรี ที่จะมาดูแลในเรื่องของเศรษฐกิจก็ดี กระทรวงคมนาคมก็ดี และโดยเฉพาะกระทรวงศึกษาธิการ งานสำคัญก็คงจะเป็นงานสานต่อโครงการและนโยบายสำคัญๆ ของรัฐบาลที่ได้มีการดำเนินการมา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่กระทรวงศึกษาธิการนั้นก็มีงานทางด้านการปฏิรูปการ ศึกษา ซึ่งเป็นงานใหญ่ที่จะต้องมีการผลักดันอย่างต่อเนื่อง
สำหรับที่กระทรวงสาธารณสุขนั้น ในส่วนของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ซึ่งจะรับหน้าที่นั้น ภารกิจสำคัญก็คือ การสะสางปัญหาที่เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเรื่องโครงการไทยเข้มแข็ง ที่มีการสอบสวน ที่มีการสอบข้อเท็จจริง และมีการนำผลสรุปเข้ามาส่งให้ทางรัฐบาล เพราะว่าแม้ว่าจะมีบางส่วนนั้นส่งไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการ ทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ว่าในส่วนของข้าราชการประจำ ก็คงจะต้องทำความชัดเจน และก็สามารถทำให้งานของกระทรวงนั้นสามารถเดินหน้าต่อไปได้ รวมไปถึงการทบทวนในส่วนของการจัดซื้อจัดจ้าง และการลงทุนในไทยเข้มแข็ง ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และสามารถตอบสนองความต้องการซึ่งยังมีอยู่มากในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐาน และอุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อันนี้ก็เป็นเรื่องของการทำงานของคณะรัฐมนตรีหลังจากที่จะมีรัฐมนตรีท่านใหม่เข้ารับตำแหน่ง และถวายสัตย์ปฏิญาณในวันจันทร์นี้
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมในเรื่องนี้ว่า ตนจะคุยกับทั้ง 5 รัฐมนตรี ในเรื่องการสานต่อนโยบายการทำงาน ซึ่งในปีที่ 2 ก็จะมีเรื่องใหม่ๆเพิ่มขึ้นมา ซึ่งตนกำลังประมวลอยู่จากกระทรวงต่างๆ ส่วนเรื่องกฎเหล็ก 9 ข้อนี้ ก็ใช้กับคนใหม่ คนเก่า เหมือนกัน
**ยันไม่ละเลยปราบทุจริต
ผู้สื่อข่าวถามว่าในปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นขนาดล้อการเมืองเขายังล้อว่านายกฯโดนปัญหาโกงทับ คิดว่าตรงนี้เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของรัฐบาลในขณะนี้หรือเปล่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่นั่งทับเรื่องการโกง เรื่องไหนที่คิดว่ามีการโกง ตนก็ดำเนินการอย่างเต็มที่ อย่างที่ตนเคยเรียนตั้งแต่ก่อนที่จะมาเป็นนายกฯว่า ใครมาเป็นนายกฯ ตนไม่เชื่อว่าเรื่องการทุจริตจะหมดไป แต่สิ่งที่ตนพยายามทำ และคิดว่าได้ทำแล้วคือ สร้างความแตกต่าง เวลามีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริต เราจัดการอย่างไร ด้วยหลักคิดที่ว่าทำให้มันเกิดความโปร่งใส ดึงเอาฝ่ายต่างๆเข้ามาตรวจสอบ เคารพคำวินิจฉัยของคนที่เข้ามาตรวจสอบ และดำเนินการโดยแยกแยะในเรื่องความรับผิดชอบทางการเมือง ความรับผิดชอบทางกฎหมาย ถ้าเราเดินไปในแนวนี้ไปเรื่อยๆ คิดว่าจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะคนจะรู้ว่า ต่อไปนี้จะไม่มีอีกแล้วที่ไปทุจริตให้เกิดการสมประโยชน์กันระหว่างนายกฯ หรือกระทรวงแล้วเรื่องก็เงียบไป หรือทนเอาให้กระแสมันผ่านไป
เราไม่ได้ทำอย่างนั้นในรัฐบาลนี้ เป็นความเปลี่ยนแปลงแล้ว แต่ตนก็รู้ว่าไม่ง่าย เพราะเรื่องปัญหาการทุจริตก็ฝังลึกมานาน ตนคิดว่าทุกคนเข้าใจดี
**ต่อยอดผลสอบ"หมอบรรลุ"
เมื่อถามว่า ตอนนี้มีความพยามจากหมอฝ่ายหนึ่ง ที่ให้มีการื้อผลสอบชุดนพ.บรรลุ ศิริพานิช นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงไม่มีความจำเป็นต้องไปรื้อ หรือไม่รื้อ การสอบของนพ.บรรลุ และคณะมีข้อเท็จจริงที่ออกมาแล้ว เป็นเรื่องที่ขณะนี้จะดำเนินการไปตามกฎหมายในเรื่องขบวนการทางวินัย ซึ่งอาจต้องมีการสอบข้อเท็จจริงเพิ่มเติม มีการใช้ดุลพินิจว่าผลนั้นเป็นอย่างไร
ส่วนของการแก้ไขโครงการ ก็มีการดำเนินการกันอยู่ ฉะนั้นไม่มีประเด็นที่จะต้องไปรื้อ มีแต่ว่าจะต่อยอดอย่างไร อย่าลืมข้อสรุปของคณะกรรมการไม่ได้ขาวดำชัดเจน มีคำว่า “อาจ” มีคำว่า “ไม่ได้ทุจริต” แต่มีความรับผิดชอบหรือ “มีความบกพร่อง” ซึ่งตรงนี้ต้องมีการดำเนินการให้เหมาะสม กับสิ่งที่เป็นข้อกล่าวหา
เมื่อถามว่าการต่อยอดคือ การให้ รมว.สาธาณสุขคนใหม่ เข้ามาตั้งคณะกรรมการสอบวินัยข้ารชการที่เกี่ยวข้อง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ใช่ ถูกต้อง ตนได้คุยกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ตั้งแต่เป็นรมว.ศึกษาธิการว่า หากมาอยู่ตรงนี้ปัญหานี้เป็นเรื่องแรกที่จะต้องมาสะสางกัน
เมื่อถามว่าภาพที่ออกมาดูเหมือนมีความแตกแยกความขัดแย้งภานในองค์กรค่อนข้างสูง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าปัญหาความแตกแยก หรือความไม่เป็นเอกภาพในกระทรวงสาธารณสุข มีมานานแล้ว แต่ต้องไม่ให้กระทบกับงานของกระทรวง ซึ่งเราต้องบริหาร
เมื่อถามว่าคิดว่าอยู่ในวิสัยที่นายจุรินทร์ คุมได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าจัดการได้ ตนเชื่อมั่นในตัวของนายจุรินทร์
**"พรรณสิริ"มั่นใจทำงานได้
วานนี้ (17 ม.ค.) นางพรรณสิริ กุลนารถศิริ ว่าที่รมช.สาธารณสุข กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิรุ่งอรุณแห่งความสุข จัดพิธีกลั่นดินจากประเทศอินเดีย และดินจากทั้ง 9 อำเภอ ของ จ.สุโขทัย เพื่อถวายดินรองรับพุทธรัตนสิริสุโขทัย และสร้างเป็นพระผง เพื่อให้กับสุโขทัย ได้สักการะบูชา ณ เกาะกลางรูปหัวใจ ทุ่งทะเลหลวง อำเภอเมืองสุโขทัย โดยมีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน ร่วมงานด้วย
ทั้งนี้นางพรรณสิริ ได้กล่าวว่า ที่เกษียณอายุราชการมาไม่ได้ตั้งใจจะมาเป็นนักการเมือง แต่เมื่อผู้ใหญ่เลือกให้แล้ว ก็ไม่หนักใจในการรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพราะเคยออกพื้นที่ร่วมงานกันนายสมศักดิ์ บ่อยครั้ง ทำให้เข้าใจในการทำงานด้านการเมืองได้ดี
ส่วนคำว่า ตำแหน่งนี้เป็นสมบัติผลัดกันชมนั้น คิดว่าคณะกรรมการบริหารพรรคเลือกแล้วจากความสามารถและประสบการณ์ของตน สิ่งที่ผู้ใหญ่เลือกตนเองไม่สามารถสร้างเองได้
ทางด้านนายสมศักดิ์ กล่าวเช่นเดียวกันว่า นางพรรณสิริ เป็นนักวิชาการที่สามารถทำความเข้าใจกับชุมชนและสังคม และเชื่อว่าจะสามารถทำงานกับ ครม.ได้ดี
** พท.โวยปรับ ครม.หนีซักฟอก
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การปรับ ครม.ว่า เพื่อหนีการอภิปรายเท่านั้น และยอมรับว่าการปรับครม.ครั้งนี้ กระทบต่อการจะยื่นอภิปรายรัฐมนตรี เนื่องจากรัฐมนตรีที่พรรคจองกฐินยื่นอภิปราย นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฎ์ ขณะเป็นรมว.ศึกษาธิการ นายวิทยา แก้วภราดัย ขณะเป็นรมว.สาธารณสุข นายมานิต นพอมรบดี ขณะเป็นรมช.สาธารณสุข และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ขณะเป็นรองนายกฯ พรรคมีข้อมูลเชิงลึกที่ยังไม่เปิดเผย เตรียมพร้อมในการอภิปรายไว้แล้ว เมื่อมีการปรับครม.หนีอภิปราย จึงส่งผลกระทบต่อพรรคเล็กน้อย แต่เป้าหมายใหญ่ในการอภิปรายยังไม่เปลี่ยนคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล
อย่างไรก็ดี หลังจากพรรคมอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นประธานรวบรวมข้อมูลอภิปรายไม่ไว้วางใจ และนายวิทยา บุรณศิริ เป็นรองประธานรวบรวมฯ นั้น ในวันประชุมพรรค 19 ม.ค. จะมีการรวบรวมสรุปข้อมูลอีกครั้ง ซึ่งอาจพิจารณาดูว่าจะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อใด
**ยันกฎเหล็ก 9 ข้อใช้ได้จริง
นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกฏเหล็ก 9 ข้อ ของนายกรัฐมนตรี ที่พรรคเพื่อไทยระบุว่า เป็นแค่การสร้างภาพนั้น ขอชี้แจงว่านายกฯไม่เคยสร้างภาพ กฏเหล็ก 9 ข้อมีผลบังคับใช้ได้จริง ในส่วนที่พรรคเพื่อไทยออกมาวิจารณ์นั้น ก็เป็นเรื่องที่ไร้สาระ เพราะดูจากผลโพลล์กว่า 80 % ต่างเห็นด้วยกับกฏเหล็ก 9 ข้อและจะขอขยายไปให้ครอบคลุมถึงข้าราชการด้วย จึงขอถามพรรคเพื่อไทยว่า ในสมัยรัฐบาลทักษิณ ก็ไม่เคยมีกฏเหล็ก 9 ข้อ คนเหล่านี้จึงไม่เข้าใจ เพราะมีกฏแห่งกรรม และกรรมออนไลน์ ที่ตอนนี้กำลังตามไปถึงดูไบและกัมพูชาที่ชัดเจนกว่ากฏเหล็ก 9 ข้อ
ส่วนที่มีการพาดพิงว่า การปรับครม.ครั้งนี้ เหมือนเล่นเก้าอี้ดนตรี ขอชี้แจงว่า ครม. ที่ผ่านมามีเหตุจำเป็นต้องปรับ และยืนยันว่าไม่ได้ปรับเพื่อหนีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แต่หากถามว่ามีการปรับแบบสมบัติผลัดกันชม ยืนยันว่าไม่มีในรัฐบาลนี้ ซึ่งแตกต่างจากยุครัฐบาลทักษิณ ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาอยู่ 4 ปี มีรัฐมนตรีปรับถึง 7 คน อยากถามว่านั่นเป็นสมบัติผลัดกันชมมากกว่า และที่พาดพิงมาถึง นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ ที่ระบุว่า เป็นแค่นักวาดการ์ตูนนั้น ก็ขอให้ไปดูผลโพลที่สำรวจพบว่า นายจุรินทร์ ที่ดูแลกระทรวงศึกษามาเป็นอันดับหนึ่ง จึงเชื่อว่าจะสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาในกระทรวงสาธารณสุขได้ หากเปรียบเทียบกับอดีตรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ที่ดูแลกระทรวงนี้ทั้ง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หรือนายไชยา สะสมทรัพย์ ขอถามว่ามีคุณสมบัติเหนือกว่านายจุรินทร์ ตรงไหน และยังมีการพาดพิงถึง นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ที่ว่าไม่มีความเหมาะสม ก็ขอยืนยันว่านายชินวรณ์ เป็นครูประชาบาล และครูใหญ่ ตั้งแต่อายุ 20 กว่าปี ตลอดชีวิตคลุกคลีกับวงการครู เมื่อเทียบกับรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย อย่าง นายศรีเมือง เจริญศิริ ที่มีภรรยาเป็นครู ซึ่งต่างกันมาก จึงไม่อยากให้พรรคเพื่อไทย เหน็บแนมคนอื่นโดยไม่ดูกำพืดของตัวเอง และอย่าติเรือทั้งโกลน อยากให้โอกาสรัฐมนตรีได้ทำงานก่อนที่จะวิจารณ์ถึงความเหมาะสม